หยุมหยิมเข้าเรื่อง
หยุมหยิมเข้าเรื่อง
——————-
เมื่อเดือนก่อน (๑๗ มกราคม ๒๕๖๔) ผมอ่านโพสต์ของท่านผู้หนึ่ง พบคำที่ท่านสะกดผิด ๒ คำ คือ “ฆารวาส” (ผู้ครองเรือน) กับ “อุปทาน” (ความยึดมั่นถือมั่น)
ใครเคยเขียนแบบนั้น โปรดลบข้อมูลเก่าทิ้งไป เก็บข้อมูลใหม่ต่อไปนี้ไว้ในความจำนะครับ
……………………………
คำที่หมายถึง “ผู้ครองเรือน” สะกดว่า “ฆราวาส”
ฆราวาส อ่านว่า คะ-รา-วาด
ไม่ใช่ ฆารวาส
คำที่หมายถึง “ความยึดมั่นถือมั่น” สะกดว่า “อุปาทาน”
อุปาทาน อ่านว่า อุ-ปา-ทาน
ไม่ใช่ อุปทาน
……………………………
เป็นที่น่าประหลาดอย่างยิ่งที่คนทั้งหลายเมื่อจะพูดคำที่หมายถึง “ยึดมั่นถือมั่น, การนึกเอาเองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ” แทนที่จะพูดว่า “อุปาทาน” (attachment) ก็กลับพูดว่า “อุปทาน” (supply)
พูดก็ยังพอว่า เพราะเสียงคล้ายกัน แต่แม้จะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ยังอุตส่าห์สะกดเป็น “อุปทาน” อยู่นั่นเอง
สมัยที่หนังสือพิมพ์กระดาษเฟื่องฟู คนอ่านหนังสือพิมพ์กันทั่วบ้านทั่วเมือง มีคนบ่นเรื่องหนังสือพิมพ์ใช้คำผิดๆ ทำให้เด็กนักเรียนจำคำผิดไปใช้ตาม
ผมเคยได้อ่านคำตอบของคนทำหนังสือพิมพ์ว่า หนังสือพิมพ์ต้องทำงานแข่งกับเวลา เป็นธรรมดาที่อาจจะใช้ภาษาผิดพลาด แต่หนังสือพิมพ์ไม่ใช่ตำราเรียน และสื่อไม่มีหน้าที่สอนภาษาไทย เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่หน้าที่หรือความรับผิดชอบของสื่อ (อยากโง่มาเชื่อสื่อเองทำไมล่ะ!)
ครั้นมีผู้ทักท้วงเรื่องใช้ภาษาผิดๆ บ่อยเข้า ก็จะมีท่านจำพวกหนึ่งออกรับแทนว่า ก็คนทั่วไปเขาไม่รู้ เพราะเขาไม่ได้เรียน จะไปโทษเขาไม่ได้ ต้องโทษคนที่เรียนมา คนที่เรียนมานั่นแหละจะต้องบอกเขา
ไม่ใช่ความผิดของเขาที่เขียนผิด
แต่เป็นความผิดของคุณเองที่ไม่บอกเขา
ความจริง คนที่ห่วงการใช้ภาษาแล้วพยายามบอกกล่าวว่าอย่างไรถูกอย่างไรผิด ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ไม่บอก
คนที่ชอบเขียนผิดเคยพยายามตามไปศึกษาหาความรู้กันแค่ไหน
คนที่ชอบเขียนผิดควรจะทำหน้าที่ที่ถูกต้องของตนด้วย คือศึกษา สำเหนียก สังเกต ให้แน่ใจก่อนที่จะเขียน
ปัญหาเรื่องใช้ภาษาไม่ถูกต้องนี้ข้อเท็จจริงไม่ได้เกิดจาก “ความไม่รู้” อย่างที่อ้าง หากแต่เกิดจาก “ความไม่ใฝ่รู้” ประกอบกับไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรนั่นเอง
หลายคนบอกว่า ชาติบ้านเมืองมีปัญหาที่สำคัญกว่านี้อีกตั้งมากมาย จะมาเอาอะไรกันนักหนากับเรื่องภาษา หยุมหยิมไม่เข้าเรื่อง เสียเวลา ไร้สาระ
…………..
ไม่บอก ก็ถูกตอกหน้า – รู้แล้วทำไมไม่บอกเขา
บอก ก็ถูกตอกหน้า – ไร้สาระ ไม่มีอะไรจะทำรึไง
…………..
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล นักการศึกษานามอุโฆษของไทยกล่าวว่า –
“ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้
ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา”
คนที่มีประสบการณ์ในการเดินทางไปต่างประเทศแนะนำว่า เมื่ออยู่ต่างประเทศ บนถนนที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนไทย วิธีที่ง่ายที่สุด แต่ได้ผลแน่นอนที่สุดก็คือ ให้พูดภาษาไทยออกมาดังๆ ถ้าแถวนั้นมีคนไทย เขาจะแสดงตัวออกมาทันที
นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ภาษาเป็นเครื่องแสดงออกถึงความเป็นชาติ
…………………………
ปัจจุบันนี้ ในแผนที่โลกไม่มีแผ่นดินที่เป็นประเทศมอญอีกแล้ว แต่ทั้งๆ ที่ไม่มีแผ่นดินของตัวเอง แต่โลกก็รับรู้ว่ายังมีชาติมอญอยู่ในโลกนี้ เพราะคนมอญในเมืองไทยเขายังพูดภาษามอญกันอยู่
แม้เราจะรักษาแผ่นดินที่เรียกว่าประเทศไทยไว้ได้ แต่เมื่อใดที่ภาษาไทยวิบัติวินาศ เมื่อนั้นก็จะไม่มีชาติไทยเหลือไว้ให้ใครรู้จักอีกต่อไป
…………………………
ความวินาศของชาติไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้เพียงเพราะมีคนเขียนภาษาไทยผิดเพียงคำเดียวหรือสองคำเท่านั้นหรอกครับ
แต่เขียนผิดแล้วไม่มีใครทักท้วงและไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องสำคัญเช่นที่กำลังเป็นกันอยู่นี้ มันจะค่อยๆ สร้างนิสัยไม่ชอบเรียนรู้ นิสัยมักง่าย ลงท้ายด้วยนิสัยประมาท
ประมาทได้เรื่องหนึ่ง ต่อไปก็ประมาทได้ทุกเรื่อง
ความวิบัติวินาศพังทลายของเขื่อนที่แข็งแรงก็เริ่มมาจากรอยแตกเล็กๆ ที่น้ำซึมเข้าได้ แล้วก็ไม่มีใครสนใจ ปล่อยไว้จนเขื่อนพัง
ฉันใดก็ฉันนั้น
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๙ มีนาคม ๒๕๖๔
๑๙:๓๓
————
ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้ ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา
ซึ่งผลิดอกออกผลแต่ต้นมา รวมเรียกว่าวรรณคดีไทย
อนึ่งศิลป์งามเด่นเป็นของชาติ เช่นปราสาทปรางค์ทองอันผ่องใส
อีกดนตรีรำร่ายลวดลายไทย อวดโลกได้ไทยแท้อย่างแน่นอน
และอย่าลืมจิตใจแบบไทยแท้ เชื่อพ่อแม่ฟังธรรมคำสั่งสอน
กำเนิดธรรมจริยาเป็นอาภรณ์ ประชากรโลกเห็นเราเป็นไทย
แล้วยังมีประเพณีมีระเบียบ ซึ่งไม่มีที่เปรียบในชาติไหน
เป็นของร่วมรวมไทยให้คงไทย นี่แหละประโยชน์ในประเพณี
ได้รู้เช่นเห็นชัดสมบัติชาติ เหลือประหลาดล้วนเห็นเป็นศักดิ์ศรี
ล้วนไทยแท้ไทยแน่ไทยเรามี สิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรม
ม.ล.ปิ่น มาลากุล
…………………………….
…………………………….