ไม่ใช่หน้าที่
ไม่ใช่หน้าที่
————
เมื่อวันก่อน ผมเดินออกกำลังไปทางสะพานธนะรัชต์ ข้ามสะพานจากฝั่งตลาดไปยังฝั่งทหาร
พอไปถึงช่วงกลางสะพานก็เห็นถุงพลาสติกขนาดค่อนข้างใหญ่ลักษณะเหมือนถุงขยะทั่วไปตกอยู่บนพื้นสะพานใกล้กับทางเท้า
ผมเดินฝั่งรถตาม คือฝั่งที่รถแล่นตามมาข้างหลัง ตรงข้ามกับฝั่งรถสวนคือฝั่งที่มีรถแล่นสวนมาข้างหน้า ผมเหลียวหลังไปดูรถ รอจนรถว่างจึงยื่นมือออกไปเก็บขยะถุงนั้นถือติดมือข้ามสะพานไป ผมมองหาถังขยะ ไปเจอเอาที่ร้านค้าหลังป้อม สห.
ผมคิดอะไร?
หลายคนคงอยากบอกว่า งานเก็บ-กวาดขยะ เขามีคนทำอยู่แล้ว มันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปเก็บขยะถุงนั้น นี่ถ้ารถมันเฉี่ยวเอาจะคุ้มไหม คงมีคนอยากสมน้ำหน้าเอาด้วยซ้ำ
สรุปว่า ไม่ใช่หน้าที่
เวลานี้ผมเชื่อว่ามีคนชอบอ้างเหตุผลแบบนี้กันมากขึ้น
….
งานนี้เขามีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว
เราจะต้องไปยุ่งด้วยทำไม
เป็นการก้าวก่ายหน้าที่
มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา
ถ้าทุกคนทำแบบนี้ แล้วคนที่มีหน้าที่เขาจะทำอะไร
….
แม้เห็นอะไรที่ควรทำและสามารถทำได้ เราก็จะไม่ทำ ด้วยเหตุผลที่สำคัญที่สุด-และนับวันจะมีคนเห็นด้วยมากขึ้น-คือ ไม่ใช่หน้าที่
——————–
พอดีเรื่องเก็บ-กวาดขยะนี่ มีเรื่องแทรกที่ผมนึกขึ้นมาได้ ขออนุญาตแทรกไว้ตรงนี้
คือนานมาแล้ว ได้ยินพระเถระรูปหนึ่ง (ซึ่งถ้าเอ่ยนามก็จะมีคนรู้จักไปทั่วประเทศจนถึงต่างประเทศด้วย) ท่านบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุ ท่านเล่าถึงคนงานกวาดถนนของเทศบาลกำลังกวาดถนนอยู่
ก็พอดีมีใครคนหนึ่งทิ้งขยะลงบนถนนใกล้ๆ กับที่เขากำลังกวาดอยู่นั่นเอง
คนงานก็ต่อว่าคนทิ้งขยะ ว่าไม่ควรมักง่ายเช่นนี้
พระเถระรูปนั้นท่านแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า คนงานกวาดถนนไปต่อว่าคนทิ้งขยะเช่นนั้นได้อย่างไร อันที่จริงแล้วควรจะต้องขอบคุณคนที่ทิ้งขยะด้วยซ้ำไป ก็เพราะมีคนทิ้งขยะเช่นนี้มิใช่หรือตัวจึงมีงานทำ ถ้าไม่มีคนทิ้งขยะ คนงานกวาดถนนก็ต้องตกงานเท่านั้นเอง
……………
ฟังเรื่องนี้แล้วเราคิดกันอย่างไร
ฟังเหตุผลของพระเถระรูปนั้นแล้วท่านคิดอย่างไร
พูดกันตรงๆ ผมเห็นว่าเป็นการแสดงเหตุผลที่ตื้นเขินมากๆ
เพราะเป็นการมองแค่ว่า-ให้คนมีงานทำ แต่ไม่ได้มองให้ลึกลงไปว่า คนต้องมาทำงานกวาดขยะเพราะอะไร ถ้าไม่ต้องมากวาดขยะ คนควรจะได้ไปทำงานสร้างสรรค์อะไรอีกได้ตั้งเท่าไร
ในบางประเทศ-เช่นประเทศอินเดีย งานบางประเภทแม้สามารถใช้เครื่องทุ่นแรงทำแทนคนได้ ทั้งยังได้คุณภาพและปริมาณงานที่ดีกว่า แต่รัฐบาลก็ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องทุ่นแรง หากแต่ยังคงให้ใช้แรงงานคน ด้วยเหตุผลสำคัญคือ คนจำนวนหนึ่งจะได้มีงานทำ เป็นการแก้ปัญหาคนตกงานได้วิธีหนึ่ง
ฟังแล้วคิดอย่างไร
ปัญหาเรื่องคนหางานทำ หรือต้องหางานให้คนทำ มิเช่นนั้นคนจะตกงาน-นี้ ความจริงก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผู้บริหารบ้านเมืองควรต้องคิดให้ลึกคิดให้ไกลมากกว่าคิดแค่-ต้องหางานให้คนทำ คนจะได้ไม่ตกงาน
งานที่มนุษย์ทำกันอยู่นั้นมี ๒ ประเภทเท่านั้น คือ
๑ งานแก้ปัญหา กับ –
๒ งานพัฒนาสร้างสรรค์
อุปมาด้วยรถที่กำลังแล่นไปสู่จุดหมายปลายทาง อาจจะช่วยให้มองเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น
รถกำลังแล่นไปได้ตามปกติ นี่คืองานพัฒนาสร้างสรรค์
น้ำมันหมด รถเสีย ยางแตก ฯลฯ นั่นคืองานแก้ปัญหา
ต้องยุ่งอยู่กับเรื่องน้ำมันหมด รถเสีย ยางแตก ฯลฯ มากเท่าไร
รถก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ช้าลงมากเท่านั้น
การคิดแค่ให้คนกวาดขยะมีงานทำ ก็เท่ากับเห็นว่าน้ำมันหมด รถเสีย ยางแตก ฯลฯ เป็นเรื่องดี จะได้มีปัญหามาให้แก้-คนจะได้มีงานทำ
มีงานแก้ปัญหาน้อยลงเท่าไร
เราก็จะทำงานพัฒนาสร้างสรรค์ได้มากขึ้นเท่านั้น
——————–
ย้อนไปที่เรื่องเก็บขยะที่ตกอยู่บนสะพาน
ผมเคยอ่านที่ไหนสักแห่ง หรือจะเข้าใจเอาเองหรืออะไรสักอย่าง-ที่เขาว่า ในกรณีที่ประสบเหตุซึ่งหน้า บุคคล-ในฐานะพลเมืองดี-จะต้องทำอะไรสักอย่างตามสมควรแก่เหตุ จะอ้างว่า-ไม่ใช่หน้าที่-มิได้
เช่นเห็นผู้ร้ายกำลังทำโจรกรรมต่อทรัพย์สินของเพื่อนบ้าน
ทรัพย์สินของเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ทรัพย์สินของเรา
การจับผู้ร้าย เป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ต้องทำอะไร นั่งกระดิกขามองเฉยๆ
แบบนี้ ท่านว่าผิดหน้าที่
ขอแรงญาติมิตรที่ถนัดเรื่องกฎหมายช่วยบอกทีว่า มีหลักกฎหมายหรือหลักอะไรบอกไว้เช่นว่านี้บ้างหรือไม่ หรือว่าผมเข้าใจผิดไปเอง
——————–
บอกแล้วว่า-เรื่องที่ควรทำ แต่ไม่ทำ-ในลักษณะนี้ นับวันคนก็จะอ้างกันมากขึ้น และมีคนเห็นด้วยมากขึ้นว่า-ไม่ต้องทำ เพราะไม่ใช่หน้าที่
นั่นแปลว่าคนก็จะละเลยสิ่งที่ควรทำกันมากขึ้น
นั่นแปลว่าคนก็จะเห็นแก่ความสะดวกสบายส่วนตัวกันมากขึ้น
และนั่นก็แปลว่าคนก็จะเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น
ที่มีเสียงบ่น ว่าสังคมเราอยู่ยากขึ้นทุกวัน ปัญหาก็มาจากคนเห็นแก่ตัวนี่แหละ
ก็เมื่อคนส่วนมาก-รวมทั้งเราด้วยคนหนึ่ง-พากันเห็นด้วยกับความเห็นแก่ตัวเช่นนี้ แล้วจะมาบ่นทำไม ว่าสังคมอยู่ยากขึ้นทุกวัน
ก็เพราะเราคนหนึ่งนี่เองมิใช่หรือที่ไปทำให้สังคมอยู่ยากขึ้น
——————–
เคยเห็นไหมครับ เวลาเกิดเหตุ เช่นรถชนกัน คนทะเลาะกัน ไฟไหม้ ฯลฯ
คนส่วนมากจะพากันไปมุงดู
รถชนกัน คนทะเลาะกัน ไฟไหม้ ฯลฯ เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องไปมุงดู-กระนั้นหรือ
ไม่ใช่
ไม่ใช่ แล้วไปมุงดูทำไม
แบบนั้นทำไมไม่อ้างบ้างว่า-ไม่ใช่หน้าที่
เห็นไหมครับว่า เอาเข้าจริงแล้ว เราจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร มันก็เพราะเราอยากทำ หรือไม่อยากทำ-เท่านั้นเอง
ใช่หน้าที่ หรือไม่ใช่หน้าที่ เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น
เรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่ใครเลย นอกจากสนองความอยากรู้ของตัวเอง เรายังพอใจที่จะทำ ไม่เห็นมีใครยกเอาคำว่า “หน้าที่” ขึ้นมาอ้าง
แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมอย่างยิ่ง เรากลับไม่ทำ อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่
ตลก
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
๑๑:
…………………………….
…………………………….