อย่างไรคือบุพการี-ผู้มีพระคุณ
อย่างไรคือบุพการี-ผู้มีพระคุณ
—————————-
………………………………
พ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูก
เช่นแม่ไปคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล
คลอดแล้วเอาไปทิ้งไว้หน้าบ้านคนอื่น
เอาไปทิ้งที่กองขยะ
สรุปว่า คลอดแล้วทิ้งไปเลย ไม่เลี้ยงดูใดๆ ทั้งสิ้น
พ่อแม่ชนิดนี้จัดว่าเป็นบุพการีหรือไม่
จัดว่าเป็นผู้มีพระคุณหรือไม่
………………………………
ศึกษาค้นคว้าจากหลักวิชาก่อนแล้วค่อยตอบ
อ่านพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา บรรดาที่เป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาก่อนแล้วค่อยตอบ
ศึกษาความเห็นของโบราณาจารย์บูรพาจารย์ก่อนแล้วค่อยตอบ
เวลานี้เราพลาดกันตรงนี้มาก
คือโผล่ขึ้นมาก็แสดงความเห็นนำหน้ามาก่อน
ฉันคิดว่าไม่นะ
ฉันเข้าใจว่าน่าจะมีนะ
ผมคิดว่ามันน่าจะ…
… นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะ
ฯลฯ
เป็นอย่างที่ผู้รู้ท่านว่า –
ชอบ “แสดง” ความเห็น
แต่ไม่ชอบ “แสวง” ความรู้
ปัญหาที่ยกขึ้นตั้งไว้ข้างต้นนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับคำสอนในพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ หรือเมื่อร้อยปีมานี้ แต่เกิดขึ้นมาสองพันหกร้อยกว่าปีแล้ว
มีคนรู้เห็นมาก่อนเรานานนักหนา
อะไรที่เราเชื่อ ก็มีคนเชื่อมาก่อนเรานานนักหนา
อะไรที่เราสงสัย ก็มีคนสงสัยมาก่อนเราทั้งนั้น
คำสอนข้อไหน มีคำอธิบายอย่างไร ท่านก็อธิบายไว้แล้ว
ข้อสงสัยข้อไหน มีคำตอบว่าอย่างไร ท่านก็ตอบกันไว้แล้ว
หน้าที่ของเราคือศึกษาเรียนรู้ให้รู้เข้าใจเรื่องเหล่านั้น ให้เข้าใจคำตอบเหล่านั้น ซึ่งรวมเรียกว่า องค์ความรู้หรือหลักวิชา
เมื่อได้องค์ความรู้หรือหลักวิชาครบถ้วนแล้ว ต่อจากนั้นก็ถึงทีเราบ้างแหละ เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เราจะเห็นตามหรือเห็นต่าง จะสนับสนุนหรือจะโต้แย้งแค่ไหนอย่างไร ว่าไปให้เต็มที่ เป็นสิทธิเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ของเรา
พระพุทธเจ้าไม่เคยลงโทษ หรือสาปแช่ง หรือสั่งสาวกให้ไปเข่นฆ่าพิฆาตผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสอนของพระองค์
ที่เราเรียนบาลีกันก็คือการเตรียมอุปกรณ์หรือเครื่องมือสำหรับเอาไปใช้ศึกษาค้นคว้าตรวจสอบเทียบทานคำสอนของพระพุทธเจ้า-ซึ่งบันทึกไว้เป็นภาษาบาลี
ปัญหาที่ยกขึ้นตั้งไว้ข้างต้น-อันเป็นเรื่องที่กำลังพูดกันกระหึ่มอยู่ในเวลานี้-ซึ่งได้กล่าวแล้วว่าเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับคำสอนในพระพุทธศาสนา จึงย่อมเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของนักศึกษาพระพุทธศาสนา-โดยเฉพาะผู้ที่เรียนบาลี-ที่จะต้องช่วยกันศึกษาค้นคว้าหาคำตอบ ตามกรอบหรือหลักการศึกษาอันเป็นหลักสากล นั่นคือ
๑ ศึกษาเรื่องเดิมให้ได้องค์ความรู้หรือหลักวิชาครบถ้วนก่อน
๒ ต่อจากนั้นถ้ายังติดใจประเด็นไหนอย่างไร หรือต้องการจะแสดงความเห็นอย่างไร จึงค่อยแสดงบนฐานแห่งองค์ความรู้หรือหลักวิชานั้นๆ
ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดกันเปรอะ
เป็นที่น่าอนุโมทนาที่เวลานี้มีการรณรงค์ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีกันอย่างคึกคัก
มีผู้มีจิตศรัทธาให้การสนับสนุนกันอย่างเข้มแข็ง
ขอเชิญชวนชักชวนให้ช่วยกันสนับสนุนให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ช่วยกันอนุโมทนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
แต่การเรียนบาลีนั้นไม่ใช่จบแค่สอบได้
แต่ต้องก้าวหน้าต่อไปถึงการศึกษาค้นคว้าตรวจสอบเทียบทานพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ซึ่งเรียกเป็นคำรวมว่าศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ พร้อมๆ ไปกับการลงมือปฏิบัติตามคำสอนนั้นๆ ด้วย
ศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ก็เพื่อหาคำตอบมาตอบปัญหาต่างๆ ที่ค้างคาใจผู้คน-เช่นปัญหาพ่อแม่มีบุญคุณหรือไม่เป็นต้นดังที่ยกไว้ข้างต้น
การส่งเสริมสนับสนุนให้เรียนบาลีนั้นมีผู้ทำกันอยู่มากแล้ว ควรแก่การอนุโมทนา
แต่การส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนบาลีก้าวหน้าต่อไปถึงขั้นการศึกษาค้นคว้าตรวจสอบเทียบทานพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกาซึ่งเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องแท้จริงของการเรียนบาลีนั้น —
กล่าวได้ว่ายังไม่มีใครทำ
หรือแทบจะไม่ปรากฏ
ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนชักชวนญาติมิตรทั้งปวงให้เกิดศรัทธามีอุตสาหะช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนบาลีตลอดจนผู้ใฝ่รู้ทั่วไปลงมือศึกษาค้นคว้าตรวจสอบเทียบทานพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกา
การช่วยกันทำเช่นนี้ นอกจากจะได้องค์ความรู้หรือหลักวิชามาตอบโจทย์ที่คาใจของสังคมอย่างมีหลักมีเกณฑ์แล้ว ยังเป็นการรักษาสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวพร้อมๆ กันไปในตัวอีกด้วย
ปัญหาที่ตั้งไว้ข้างต้นโน้นก็เป็นอุบายวิธีอย่างหนึ่งในการชักชวนจูงใจให้ช่วยกันศึกษาค้นคว้า
เมื่อเข้าใจเหตุผลต้นปลายดังที่บรรยายมานี้โดยตลอดแล้ว ต่อไปนี้ก็ขอเชิญช่วยกันหาคำตอบตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่แถลงมานั้นโดยทั่วกันเถิด
แสวงความรู้ก่อน
แล้วค่อยแสดงความเห็น
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓
๑๑:๑๑
…………………………….
…………………………….