อ่านโคลงโลกนิติ พินิจพระธรรมบท (๑)
อ่านโคลงโลกนิติ พินิจพระธรรมบท (๑)
—————————————-
เมื่อวันก่อน (๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) ผมอ่านโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ท่านยกโคลงโลกนิติที่ว่าด้วยความคิดของเด็กกับผู้ใหญ่มาประกอบการแสดงความเห็นของท่าน
โคลงที่ยกมามีข้อความดังนี้
………………………………
คนใดยืนอยู่ร้อย พรรษา
ใจบ่มีปรีชา โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา ใจปราชญ์
สรรเพชญบัณฑูรไว้ เด็กนั้นควรยอฯ
…
คนใดยืนเหยียบร้อย ขวบปี
ความอุตส่าห์ฤามี เท่าก้อย
เด็กเกิดขวบหนึ่งดี เพียรพาก
พระตรัสว่าเด็กน้อย นี่เนื้อเวไนยฯ
…
อายุถึงร้อยขวบ เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้ แก่ร้อยพรรษาฯ
………………………………
ผมแสดงความคิดเห็นสั้นๆ ไปที่โพสต์ของท่านแล้ว แต่เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจ คือน่าศึกษา จึงขออนุญาตยกขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาร่วมกัน
ควรสรุปไว้ก่อนว่า เจตนาของท่านที่ยกโคลงโลกนิติมาเสนอนั้นก็เพื่อจะบอกว่า อย่าดูถูกความคิดของเด็ก เด็กที่คิดดีคิดถูกกว่าผู้ใหญ่ก็มี
…………
เรื่องที่ผมอยากชวนให้ศึกษาก็คือ “ที่มา” ของโคลงโลกนิติทั้ง ๓ บท
ในโพสต์ของท่านที่กล่าวข้างต้นก็ได้เอ่ยถึงประวัติที่ไปที่มาของคำประพันธ์ที่เรียกว่า “โคลงโลกนิติ” ไว้ด้วยย่อๆ
แต่ที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้จะเจาะลงไปที่ “ที่มา” ของโคลงทั้ง ๓ บท
คำว่า “ที่มาของโคลงทั้ง ๓ บท” ไม่ได้หมายถึง-โคลงโลกนิติ ๓ บทนั้นอยู่ในหนังสือชื่ออะไร ใครแต่ง แต่หมายถึง-แนวคิดที่เอามาแต่งเป็นคำโคลงนั้นผู้แต่งเอามาจากไหน
เผื่อใครยังงงอยู่ ยกตัวอย่างเลย –
คนใดยืนอยู่ร้อย พรรษา
ใจบ่มีปรีชา โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา ใจปราชญ์
สรรเพชญบัณฑูรไว้ เด็กนั้นควรยอ
นี่คือแนวคิดหรือใจความในโคลงโลกนิติ
แนวคิดหรือใจความนี้ผู้แต่งโคลงโลกนิติไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่ไปเก็บ ไปถอด หรือไปหยิบเอามาจากภาษิตหรือคัมภีร์อื่นอีกต่อหนึ่ง
ภาษิตหรือคัมภีร์อื่นนี่แหละคือ “ที่มา” ที่กำลังพูดถึงนี้
คำนำหนังสือ “ประชุมโคลงโลกนิติฉบับหอสมุดแห่งชาติ” บอกไว้ว่า
………………………………
โคลงโลกนิติเป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ แต่งมาแต่โบราณครั้งกรุงเก่า เดิมนักปราชญ์แต่งเที่ยวเลือกหาคาถาสุภาษิตภาษาบาลีและสันสกฤต อันมีอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ คือ คัมภีร์โลกนิติบ้าง คัมภีร์โลกนัยบ้าง คัมภีร์อื่น ๆ เช่น ชาดก เป็นต้นบ้าง ตลอดจนคัมภีร์พระธรรมบทก็มี เลือกคาถาสุภาษิตเหล่านั้นมาตั้ง แล้วแปลแต่งเป็นคำโคลงไปทุก ๆ คาถา รวมเป็นเรื่องเรียกว่า โคลงโลกนิติ เป็นสุภาษิตที่นับถือกันมาช้านาน ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน เมื่อปีเถาะ พ.ศ.๒๓๗๔ มีพระราชประสงค์จะให้จารึกโคลงโลกนิติลงในแผ่นศิลา ติดไว้เป็นธรรมทานในวัดพระเชตุพน จึงโปรดให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร แต่ยังเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร ทรงรวบรวมโคลงโลกนิติของเก่ามาชำระแก้ไข ให้ประณีตและไพเราะ เพราะของเก่าลอกคัดกันต่อ ๆ มา ปรากฏว่ามีถ้อยคำวิปลาสผิดพลาดมาก ครั้นสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร ทรงชำระแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้จารึกในแผ่นศิลาติดไว้ในวัดพระเชตุพน โคลงโลกนิติจึงปรากฏแพร่หลายแต่นั้นมา
………………………………
“ที่มา” ของโคลงทั้ง ๓ บทนั้น ปรากฏว่า มาจากคัมภีร์พระธรรมบท
คัมภีร์พระธรรมบทเป็นคัมภีร์ชั้นพระไตรปิฎก ชื่อบาลีว่า “ธมฺมปท” (ทำ-มะ-ปะ-ทะ) หรือ “ธมฺมปทคาถา” (ทำ-มะ-ปะ-ทะ-คา-ถา) คนไทยเรียกกันเป็นคำสามัญว่า “ธรรมบท” (ทำ-มะ-บด) พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐของไทยเราพิมพ์รวมไว้กับคัมภีร์อื่นๆ ชั้นพระไตรปิฎกด้วยกันเป็นเล่มที่ ๒๕
คัมภีร์ “ธมฺมปท” รจนาไว้เป็นคำกลอน ที่เรียกเป็นภาษาบาลีว่า “คาถา” แบ่งเรื่องเป็นหมวดๆ เรียกว่า “วรรค” แต่ละวรรคมีชื่อประจำวรรค โดยใช้คำที่เป็นความหมายเด่นในวรรคเป็นชื่อ เช่น วรรคที่ว่าด้วยเรื่องบาป ตั้งชื่อว่า “ปาปวคฺค” (ปา-ปะ-วัก-คะ) วรรคที่ว่าด้วยเรื่องคนพาล ก็ตั้งชื่อว่า “พาลวคฺค” (พา-ละ-วัก-คะ) อย่างนี้เป็นต้น
คัมภีร์ “ธมฺมปท” นี้มีคัมภีร์ที่แต่งอธิบายขยายความอีกชั้นหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า “อรรถกถา” คัมภีร์ขยายความคัมภีร์ “ธมฺมปท” นี้ เรียกกันว่า “ธมฺมปทฏฺฐกถา” เขียนแบบไทยว่า “ธัมมปทัฏฐกถา” (ทำ-มะ-ปะ-ทัด-ถะ-กะ-ถา) แต่งเป็นภาษาบาลีตลอดเรื่อง พิมพ์เป็นอักษรไทยแบ่งเป็นเล่มได้ ๘ เล่ม เรียกกันว่า “ภาค” คือภาค ๑ ถึงภาค ๘
คัมภีร์ “ธัมมปทัฏฐกถา” นี้ วงการบาลีเมืองไทยนิยมเรียกขานกันสั้นๆ ว่า “ธรรมบท” คำเดียวกับที่เรียกคัมภีร์ “ธมฺมปท” ชั้นพระไตรปิฎกนั่นเอง แล้วต่อด้วยตัวเลขบอกภาค เช่น “ธรรมบทภาค ๑” “ธรรมบทภาค ๕”
คัมภีร์ “ธัมมปทัฏฐกถา” นี้แหละที่ใช้เป็นหลักสูตรเบื้องต้นของนักเรียนบาลีในเมืองไทย ต้องสอบผ่าน “ธัมมปทัฏฐกถา” ให้ได้จึงจะมีสิทธิ์เป็น “มหา”
มองภาพออกแล้วนะครับ
ต่อไปนี้ก็มาเจาะเข้าประเด็น
“ที่มา” ของโคลงโลกนิติทั้ง ๓ บทนั้นคือคัมภีร์พระธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๑๘ หมวดสหัสสวรรค แปลว่า “หมวดว่าด้วยจำนวนพัน”
คัมภีร์อรรถกถา คือ “ธัมมปทัฏฐกถา” ยกเอาไปอธิบายขยายความ อยู่ใน “ธรรมบทภาค ๔” (ธมฺมปทฏฺฐกถา จตุตฺโถ ภาโค) ข้อความในต้นฉบับชุดที่ยกเอาไปแปลเป็นโคลงโลกนิติมีทั้งหมด ๖ บท แต่ในตัวโคลงโลกนิติพบเพียง ๕ บท
ตอนหน้า: ศึกษาข้อธรรมในคัมภีร์พระธรรมบททั้ง ๖ บท
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
๑๑:๕๕
…………………………….
…………………………….