เดียรถีย์ (บาลีวันละคำ 467)
เดียรถีย์
อ่านว่า เดีย-ระ-ถี
“เดียรถีย์” บาลีเป็น “ติตฺถิย” (ติด-ถิ-ยะ) สันสกฤตเป็น “ตีรฺถิย”
ภาษาไทยเขียนอิงสันสกฤต แต่แปลง อี เป็น เอีย แบบเดียวกับ กฺษีณ = เกษียณ, ตีรฺถิย จึงเป็น เตียรถิย
ไทยเปลียน ต เต่า เป็น ด เด็ก แบบเดียวกับ ตล = ดล, เตียรถิย จึงเป็น เดียรถิย
ไทยไม่ออกเสียง ย ยักษ์ แบบเดียวกับ กฺษตฺริย = กษัตริย์, เดียรถิย จึงการันต์ที่ ย เป็น เดียรถิย์
แล้วยืดเสียง –ถิ– เป็น –ถี-ตามสะดวกลิ้นไทย เดียรถิย์ จึงเป็น “เดียรถีย์” อ่านว่า เดีย-ระ-ถี
“ติตฺถิย” (คำเดิมของ “เดียรถีย์”) มาจาก ติตฺถ (ท่าน้ำ) + อิย (ปัจจัย = ตั้งอยู่, ดำรงอยู่, อยู่ในฐานะเป็น-) = ติตฺถิย มีความหมายตามศัพท์ว่า “ผู้อยู่ในฐานะเป็นท่าน้ำ” (เป็นความหมายเชิงปรัชญา)
“ติตฺถ” ตามตัวแปลว่า “ข้ามไป” ความหมายที่เข้าใจกันคือ ท่าน้ำ, ท่าเรือ, ฝั่ง, ท่าลง, ช่องลง, อวตาร (การลงมาแก้ปัญหา), ผู้สอน, ครู, อุบาย, ทฤษฎี, ลัทธิ, ความเชื่อถือ
แนวคิดเชิงปรัชญามองว่า
– ปัญหาชีวิตเปรียบเหมือนฟากฝั่งที่กำลังยืนอยู่
– การแก้ปัญหาได้สำเร็จหรือหลุดพ้นจากปัญหาเปรียบเหมือนการข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง
– ผู้ทำหน้าที่ชี้ทางแก้ปัญหาเปรียบเหมือนท่าน้ำอันเป็นที่ข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
“ติตฺถิย – เดียรถีย์” คำเดิมจึงหมายถึง “เจ้าลัทธิ”
พระพุทธเจ้าทรงศึกษาคำสอนของเจ้าลัทธิทั้งปวงจบสิ้นแล้วจึงทรงประกาศพระพุทธศาสนาอันมีคำสอนที่แตกต่างจากลัทธิทั้งหลายโดยสิ้นเชิง คำว่า “เดียรถีย์” จึงมีความหมายว่า “เจ้าลัทธินอกพระพุทธศาสนา”
ในภาษาไทยมักใช้คำว่า “เดียรถีย์” ในความหมายว่า ผู้กระทำการลบหลู่จ้วงจาบพระพุทธศาสนาหรือแสดงคำสอนที่วิปริตผิดธรรมวินัย
เส้นแบ่งความหมายที่น่าจะชัดเจน คือ –
1. ผู้กระทำการลบหลู่จ้วงจาบพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นบุคคลภายนอก เรียกว่า “เดียรถีย์” ถ้าเป็นบุคคลภายในก็ขาดจากความเป็นชาวพุทธทันที
2. พระสงฆ์ที่ประพฤติล่วงละเมิดหรือแสดงคำสอนที่วิปริตผิดธรรมวินัย มีคำเรียกอยู่แล้วว่า “อลัชชี” (ผู้ไร้ยางอาย)
ความจริงเตือนใจ :
– พระพุทธศาสนาไม่มีคำสอนและไม่เคยมีประวัติที่ทำลายหรือทำร้ายต่างศาสนา
– เคยมีแต่ถูกทำลายหรือทำร้ายโดยต่างศาสนา รวมทั้งโดยผู้ที่อยู่ในพระพุทธศาสนาด้วยกันนี่เอง
———————-
(จากคำปรารภถามของคุณครู บุญเชิด จูภาวัง – นาวิกโยธินไทยผู้เกรียงไกรตลอดกาล)
25-8-56