พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป
พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป
—————————
ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือ ถึงเวลาเข้าพรรษา หลายวัดมีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป
พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป เป็นปัญหาอย่างไร?
ปัญหาที่เห็นได้ง่ายที่สุดก็คือ พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป รับกฐินไม่ได้
รับกฐินทำไมต้องมีพระ ๕ รูป เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป แต่ที่ต้องศึกษากันตอนนี้ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้าก็คือ ทำอย่างไรแต่ละวัดจึงจะมีพระจำพรรษาถึง ๕ รูป
สมัยก่อน พอใกล้เข้าพรรษา วัดไหนมีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป ทั้งชาววัดและชาวบ้านจะรีบคิดแก้ปัญหา
วิธีที่เคยทำกันมาก็คือ ไปนิมนต์พระจากวัดที่มีพระมากพอจะแบ่งให้ได้มาจำพรรษา วัดไหนมีพระมากพอก็ไปติดต่อขอกันมา
แล้วก็เป็นที่รู้เข้าใจกันดีว่าเรื่องแบบนี้ต้องช่วยเหลือกัน พระที่ถูกขอให้มาอยู่จำพรรษาก็เต็มใจที่จะมา
หาไม่ได้จริงๆ ถึงกับขอร้องขอแรงผู้ชายในหมู่บ้านให้ช่วยบวช ก็เคยทำกันมาแล้ว คนสมัยนี้อาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยิน แต่คนสมัยก่อนทำแบบนี้จริงๆ
เรื่องนี้แสดงว่า คนสมัยก่อนเข้าใจตรงกันและยอมรับตรงกันว่า พระที่จะรับกฐินได้ต้องจำพรรษาในวัดเดียวกัน เขาจึงขวนขวายให้วัดของตนมีพระจำพรรษาอย่างน้อย ๕ รูป อันเป็นจำนวนต่ำสุดที่จะรับกฐินได้
ถ้านิมนต์มาจากวัดอื่นให้ครบ ๕ รูปก็ใช้ได้และถูกต้องตามพระธรรมวินัย ธรรมเนียมเตรียมพระที่จะจำพรรษาแต่ละวัดให้ถึง ๕ รูปก็คงไม่มี คือไม่จำเป็นต้องทำ จำพรรษากี่รูปก็ไม่มีปัญหา
จำนวนพระจำพรรษา ๕ รูป ก็ไม่มีเหตุจะต้องพูดถึง
การไปนิมนต์พระวัดอื่นที่มีพระมากพอให้มาจำพรรษาวัดที่มีพระไม่ถึง ๕ รูป ก็ไม่จำเป็นต้องทำ
ยิ่งการขอร้องขอแรงผู้ชายในหมู่บ้านให้ช่วยบวชเพื่อให้มีพระจำพรรษาครบ ๕ รูป ก็ยิ่งเป็นเรื่องตลก
แต่เรื่องดังกล่าวนี้ คนสมัยก่อนทำกันมาแล้ว เป็นการยืนยันว่า พระที่จะรับกฐินได้ต้องจำพรรษาในวัดเดียวกัน-เป็นเรื่องที่ยึดถือปฏิบัติกันสืบมาในคณะสงฆ์ไทยและรู้เข้าใจตรงกันไปทั่วสังคมไทย
…………………………………………………….
ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือ มีผู้เสนอหลักการ-พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป ไปนิมนต์จากวัดอื่นมาให้ครบ ๕ รูปก็รับกฐินได้
มีผู้เห็นด้วยกับหลักการนี้มากขึ้น
ได้ยินว่าบางวัดปฏิบัติเช่นนี้แล้วด้วย
และเชื่อว่าจะมีวัดที่ทำตามกันต่อไปอีก
…………………………………………………….
เรื่องนี้คณะสงฆ์ไทยต้องประกาศออกมาให้ชัดเจน
…………………………………………………….
๑ ทำได้ ก็ประกาศออกมาว่าทำได้ และอนุญาตให้วัดต่างๆ ทำกันไป
๒ ทำไม่ได้ ก็ประกาศออกมาว่าทำไม่ได้ และสั่งห้ามวัดต่างๆ ไม่ให้ทำ
…………………………………………………….
ทำได้-ทำไม่ได้ ทุกฝ่ายก็จะรู้จุดยืนที่ชัดเจน และปฏิบัติตรงกันเป็นเอกภาพทั่วสังฆมณฑล
การนิ่งเฉย ไม่วินิจฉัยสั่งการ ปล่อยให้ทำกันไปตามใจชอบ ไม่ใช่วิธีบริหารการพระศาสนาที่ถูกต้อง
และที่เป็นมหันตภัยก็คือ ในระยะยาวจะก่อให้เกิดการแตกแยกขึ้นในคณะสงฆ์ เพราะต่างวัดต่างถือปฏิบัติไปตามความเห็นของตน
จากเรื่องรับกฐิน ต่อไปจะลามไปที่เรื่องอื่นๆ อีก เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพัน
อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
ต่อไปพระสงฆ์ไทยจะเถียงกันอึกทึก
เพราะไม่มีใครวินิจฉัยตัดสิน
…………………
กล่าวเฉพาะกรณีรับกฐิน ในเมื่อคณะสงฆ์ยังไม่ได้ประกาศจุดยืนที่เด็ดขาด ก็สมควรถือตามหลักนิยมเดิมที่สังคมไทยถือปฏิบัติมาแต่เดิม นั่นคือ พระ ๕ รูป จำพรรษาวัดเดียวกัน
ยังไม่ต้องเถียงกันว่า อย่างนั้นได้อย่างนี้ไม่ได้-ซึ่งเป็นผลปลายเหตุ
เรามาช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุก่อน นั่นคือทำอย่างไรแต่ละวัดจึงจะมีพระจำพรรษาถึง ๕ รูป
ถ้าแก้ปัญหาที่ตรงนี้ได้ ก็จะไม่มีผลปลายเหตุให้ต้องเถียงกัน
ทั้งเป็นการประกาศศักยภาพของผู้บริหารการพระศาสนาด้วยว่าสามารถแก้ปัญหาจำนวนพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป ได้จริง เก่งจริงๆ
ผมขอเสนอวิธีบริหารจัดการให้แต่ละวัดมีพระจำพรรษาครบ ๕ รูป ๒ วิธี ดังนี้
…………………
วิธีที่ ๑ ชักชวนหรือสรรหาคนเข้ามาบวช งานนี้เจ้าคณะผู้ปกครองวัดที่มีพระไม่ครบต้องเข้ามาช่วย ถ้าบวชจำพรรษาต้นไม่ทัน (อีกไม่มีวันก็จะเข้าพรรษาต้นแล้ว) ก็ยังมีเวลาอีกเดือนหนึ่งเพื่อบวชจำพรรษาหลัง
หลักพระวินัยกำหนดว่า พระที่บวชจำพรรษาหลังไม่มีสิทธิ์รับกฐินก็จริง แต่มีสิทธิ์ร่วมสังฆกรรมกฐินเพื่อให้พระที่จำพรรษาต้นมีพระร่วมสังฆกรรมกฐินครบ ๕ รูปได้ นั่นก็คือช่วยให้ทอดกฐิน+รับกฐินได้นั่นเอง
วิธีหาคนมาบวช พรรษานี้มีเวลาอีก ๑ เดือนครับ ใครเก่งทางชักชวนคน ขอให้ลองใช้ความสามารถดู นี่เป็นการช่วยพระศาสนาแบบหนึ่ง
วิธีที่ ๒ ง่ายกว่าวิธีแรก นั่นคือจัดส่งพระจากวัดที่มีพระมากพอกระจายกันไปจำพรรษาในวัดที่มีพระไม่ครบ ๕ รูป
วิธีนี้เป็นงานในอำนาจของเจ้าคณะผู้ปกครองทำได้อยู่แล้ว ถ้าคณะสงฆ์สั่งมาจากข้างบนด้วยแล้วยิ่งง่ายมาก วัดที่มีพระมากกระจายไปจำพรรษาวัดที่มีพระไม่ครบ ๕ รูปได้ทั่วประเทศ
…………………
ผมเสนอ ทั้งที่รู้ดีว่าเจ้าคณะผู้ปกครองหรือคณะสงฆ์ หรือเรียกรวมว่าผู้บริหารการพระศาสนาท่านจะไม่ทำอะไรเลย ไม่ว่าวิธีไหนท่านก็ไม่เอาด้วยทั้งนั้น
ท่านมีวิธีของท่านอยู่แล้ว-คือวิธีเฉย
อุปมาเหมือนเห็นคนป่วย ผมไม่ใช่หมอเจ้าของไข้ แต่พอจะรู้ว่าโรคชนิดนี้มีทางรักษาแบบนี้ได้ ก็บอกไป ทำหน้าที่ที่มนุษย์จะพึงทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่าที่พอจะทำได้
หมอเจ้าของไข้จะรักษาหรือไม่รักษาแบบไหน เป็นหน้าที่หมอตัดสินใจเอาเองเถิด หมดหน้าที่ผมแค่นี้
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕
๑๘:๑๖
……………………………….
ภาพประกอบ: จาก google
……………………………….
พระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป
…………………………….
…………………………….