เทพสังหรณ์ – เหตุให้ฝันข้อ 3 (บาลีวันละคำ 3,680)
เทพสังหรณ์ – เหตุให้ฝันข้อ 3
จริงก็มี เหลวไหลก็มี
…………..
ความเป็นมา :
อาบัติสังฆิเสสของภิกษุมี 13 สิกขาบท
สิกขาบทที่ 1 มีข้อความดังนี้ –
…………………………………….
สญฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺฐิ อญฺญตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส ฯ
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 1 พระไตรปิฎกเล่ม 1 ข้อ 302
…………………………………….
พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวงแปลไว้ว่า –
…………………………………….
ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน เป็นสังฆาทิเสส
…………………………………….
หนังสือนวโกวาท หลักสูตรนักธรรมตรี พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แปลไว้ว่า –
…………………………………….
ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องสังฆาทิเสส
…………………………………….
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก อธิบายคำว่า “อญฺญตฺร สุปินนฺตา” (เว้นไว้แต่ฝัน) ไว้ว่า –
…………………………………….
ตญฺจ ปน สุปินํ ปสฺสนฺโต จตูหิ การเณหิ ปสฺสติ
(1) ธาตุกฺโขภโต วา
(2) อนุภูตปุพฺพโต วา
(3) เทวโตปสํหารโต วา
(4) ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติ ฯ
ก็แลบุคคลเมื่อจะฝันนั้น ย่อมฝันเพราะเหตุ 4 ประการคือ
เพราะธาตุกำเริบ 1
เพราะเคยรับรู้เรื่องนั้นมาก่อน 1
เพราะเทวดาสังหรณ์ 1
เพราะบุพนิมิต 1
ที่มา: คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ภาค 2 หน้า 5
…………………………………….
เคยได้ยินผู้เอาเหตุแห่งความฝันทั้ง 4 ข้อมาพูดเป็นคำคล้องจอง แต่สลับลำดับ ไม่ตรงกับที่อรรถกถาเรียงไว้ เป็นดังนี้ –
…………..
บุพนิมิต
จิตนิวรณ์
เทพสังหรณ์
ธาตุพิการ
…………..
ในที่นี้ขอนำมาเขียนเป็นบาลีวันละคำตามลำดับคำคล้องจองในภาษาไทย
…………..
“เทพสังหรณ์” อ่านว่า เทบ-สัง-หอน ประกอบด้วยคำว่า เทพ + สังหรณ์
(๑) “เทพ”
บาลีเป็น “เทว” อ่านว่า เท-วะ รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + อ (อะ) ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว)
: ทิวฺ + อ = ทิว > เทว (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ”
ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกัน คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา
แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังมีความหมายอีกหลายอย่าง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เทว” ไว้ดังนี้ –
(1) good etc. (สิ่งที่ดี และอื่นๆ)
(2) a god, a deity, a divine being (เทวดา, เทพเจ้า, เทพ)
(3) the sky, rain-cloud, rainy sky, rain-god (ท้องฟ้า, เมฆฝน, ท้องฟ้ามีฝน, เทพแห่งฝน)
ในที่นี้ “เทว” ใช้ในความหมายตามข้อ (2) คือเทวดาหรือเทพเจ้า
“เทว” เมื่อใช้ในภาษาไทยแปลง ว เป็น พ ตามสูตรที่นิยมทั่วไป เช่น –
วร > พร
วิวิธ > พิพิธ
: เทว > เทพ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “เทพ” ไว้ 3 คำ บอกไว้ดังนี้ –
(1) เทพ ๑, เทพ– : (คำนาม) เทวดา. (ป., ส. เทว).
(2) เทพ ๒ : (คำนาม) คำนำหน้าชื่อเพลงไทย เช่น เทพทอง เทพชาตรี เทพบรรทม เทพนิมิต เทพรัญจวน.
(3) เทพ ๓ : (คำนาม) สมณศักดิ์พระราชาคณะสูงกว่าชั้นราช ตํ่ากว่าชั้นธรรม เรียกว่า ชั้นเทพ เช่น พระเทพโมลี.
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “เทพ” ไว้ดังนี้ –
…………..
เทพ : เทพเจ้า, ชาวสวรรค์, เทวดา; ในทางพระศาสนา ท่านจัดเป็น ๓ คือ
๑. สมมติเทพ เทวดาโดยสมมติ = พระราชา, พระเทวี พระราชกุมาร
๒. อุปปัตติเทพ เทวดาโดยกำเนิด = เทวดาในสวรรค์และพรหมทั้งหลาย
๓. วิสุทธิเทพ เทวดาโดยความบริสุทธิ์ = พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย
…………..
(๒) “สังหรณ์”
เขียนแบบบาลีเป็น “สํหรณ” อ่านว่า สัง-หะ-ระ-นะ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, รวมกัน) + หรฺ (ธาตุ = นำไป) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง น เป็น ณ ตามกฎที่ว่า ลงกับธาตุที่ลงท้ายด้วย รฺ ให้แปลง น เป็น ณ
: สํ + หรฺ = สํหรฺ + ยุ > อน = สํหรน > สํหรณ แปลตามศัพท์ว่า “การนำไปรวมกัน” หมายถึง การรวบรวม, การเก็บ (collecting, gathering)
บาลี “สํหรณ” สันสกฤตก็เป็น “สํหรณ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“สํหรณ : (คำนาม) ‘สังหรณ์,’ การรวบรวม; การระงับ; การจับกุม; การสังหาร; accumulating; restraining; seizing; destroying.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สังหร, สังหรณ์ : (คำกริยา) รู้สึกคล้ายมีอะไรมาดลใจ ทําให้รู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้น (มักใช้แก่เหตุร้าย) เช่น สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้าน. (เทียบ ส. สํหรณ ว่า ยึดไว้).”
เป็นอันว่า เราเอาคำว่า “สังหรณ์” มาใช้ในภาษาไทยตามความหมายของเราเอง
เทพ + สังหรณ์ = เทพสังหรณ์ เป็นคำที่เราแปลงคำบาลีมาใช้ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า
“เทพสังหรณ์ : (คำนาม) เทวดามาดลใจ.”
อภิปรายขยายความ :
เหตุให้ฝันข้อนี้ คำบาลีในคัมภีร์ใช้ว่า “เทวโตปสํหาร” อ่านว่า เท-วะ-โต-ปะ-สัง-หา-ระ ประกอบด้วยคำว่า เทวตา + อุปสํหาร
(๑) “เทวตา”
อ่านว่า เท-วะ-ตา รากศัพท์มาจาก เทว + ตา ปัจจัย
(ก) “เทว” (เท-วะ) รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + อ ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว)
: ทิวฺ + อ = ทิว > เทว แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ”
ในที่นี้ “เทว” หมายถึง เทพเจ้า, เทวดา
(ข) เทว + ตา ปัจจัย
: เทว + ตา = เทวตา แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นเทวดา” (condition or state of a deva) หมายถึง เทพเจ้า; เทพยดา, พระเจ้า, นางฟ้า (divinity; divine being, deity, fairy)
“เทวตา” ก็คือที่เรารู้จักกันในภาษาไทยว่า “เทวดา” นั่นเอง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เทวดา : (คำนาม) ชาวสวรรค์มีกายทิพย์ ตาทิพย์ หูทิพย์ และกินอาหารทิพย์ เป็นโอปปาติกะ. (ป., ส. เทวตา).”
(๒) “อุปสํหาร”
อ่านว่า อุ-ปะ-สัง-หา-ระ รากศัพท์มาจาก อุป (คำอุปสรรค = เข้าไป, ใกล้, มั่น) + สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, รวมกัน) + หรฺ (ธาตุ = นำไป) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะต้นธาตุ คือ อะ ที่ ห-(รฺ) เป็น อา “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” (หรฺ > หาร)
: อุป + สํ + หรฺ = อุปสํหรฺ + ณ = อุปสํหรณ > อุปสํหร > อุปสํหาร แปลตามศัพท์ว่า “การนำเข้าไปรวมกัน” หมายถึง การจับ, การถือ, การสิงอยู่ (taking hold of, taking up, possession)
เทวตา + อุปสํหาร “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ (เทว-)ตา (เทวตา > เทวต), แผลง อุ ที่ อุ-(ปสํหาร) เป็น โอ (อุปสํหาร > โอปสํหาร)
เทวตา + อุปสํหาร = เทวตาอุปสํหาร > เทวตุปสํหาร > เทวโตปสํหาร แปลตามศัพท์ว่า “การนำเข้าไปรวมกันของเทวดา” หมายถึง ถูกเทวดาเข้าสิง (being seized or possessed by a god)
พิจารณาตามรูปศัพท์ในคัมภีร์ น่าจะยุติได้ว่า คำว่า “เทพสังหรณ์” เราแปลงมาจากบาลีว่า “เทวโตปสํหาร” นั่นเอง
เทวตา = เทพ
อุปสํหาร = สังหรณ์
เทวโตปสํหาร = เทพสังหรณ์
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ขยายความคำว่า “เทวโตปสํหาร” ไว้ดังนี้ –
…………..
เทวโตปสํหารโต ปสฺสนฺตสฺส เทวตา อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วา อตฺถาย วา อนตฺถาย วา นานาวิธานิ อารมฺมณานิ อุปสํหรนฺติ ฯ
เมื่อบุคคลฝันเพราะเทพสังหรณ์ ก็คือพวกเทวดาย่อมนำอารมณ์ต่างๆ เป็นคุณบ้าง เป็นโทษบ้าง เข้าไปให้เห็น เพราะอยากจะให้เกิดคุณก็มี อยากจะให้เกิดโทษก็มี
โส ตาสํ เทวตานํ อานุภาเวน ตานิ อารมฺมณานิ ปสฺสติ ฯ
บุคคลย่อมฝันเห็นอารมณ์ต่างๆ นั้นด้วยอานุภาพของพวกเทวดา
…………..
ยํ เทวโตปสํหารโต ปสฺสติ
ตํ สจฺจํ วา โหติ อลิกํ วา ฯ
ความฝันเพราะเทพสังหรณ์
จริงก็มี เหลวไหลก็มี
ที่มา: คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ภาค 2 หน้า 6
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มนุษย์ธรรมดาก็เชื่อได้
: ถ้าในหัวใจมีเทวธรรม
#บาลีวันละคำ (3,680)
10-7-65
…………………………….
…………………………….