อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๑)
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๘)-จบ
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๘)-จบ
———————–
………………………….
เทียบท่า-บทสรุป
………………………….
ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมามีจุดเริ่มต้นที่ “กตัญญู”
รากเหง้าของปัญหาเกิดจากแนวความคิดที่ว่า พ่อแม่ไม่มีบุญคุณ ครูไม่มีบุญคุณ แผ่นดินถิ่นเกิดไม่มีบุญคุณ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องกตัญญูต่อบุคคลและสิ่งเหล่านี้
ประเด็นคำถามที่ควรสังเกตเป็นพิเศษก็คือ – ทำไมเราต้องเอาความกตัญญูมาเป็นพื้นฐานด้วยคะ (ข้อ ๒)
ที่ว่าควรสังเกตก็เพราะคำถามข้อนี้มีคำตอบอยู่ในพระไตรปิฎกพอดี
มีพระพุทธพจน์ตรัสไว้ดังนี้ –
……………………………..
อสปฺปุริโส ภิกฺขเว อกตญฺญู โหติ อกตเวที, อสพฺภิเหตํ ภิกฺขเว อุปญฺญาตํ ยทิทํ อกตญฺญุตา อกตเวทิตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษย่อมเป็นคนอกตัญญูอกตเวที ความเป็นคนอกตัญญูอกตเวทีนี้อสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญ
เกวลา เอสา ภิกฺขเว อสปฺปุริสภูมิ ยทิทํ อกตญฺญุตา อกตเวทิตา.
ก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคนอกตัญญูอกตเวทีนี้เป็นภูมิอสัตบุรุษทั้งสิ้น
สปฺปุริโส จ โข ภิกฺขเว กตญฺญู โหติ กตเวที, สพฺภิเหตํ ภิกฺขเว อุปญฺญาตํ ยทิทํ กตญฺญุตา กตเวทิตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษย่อมเป็นคนกตัญญูกตเวที ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีนี้สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญ
เกวลา เอสา ภิกฺขเว สปฺปุริสภูมิ ยทิทํ กตญฺญุตา กตเวทิตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีนี้เป็นภูมิสัตบุรุษทั้งสิ้น
ที่มา: คัมภีร์อังคุตรนิกาย ทุกะนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม ๒๐ ข้อ ๒๗๗
……………………………..
สรุปความในพระสูตรนี้ว่า –
อกตัญญูอกตเวทีเป็นภูมิอสัตบุรุษ
กตัญญูกตเวทีเป็นภูมิสัตบุรุษ
คำว่า “ภูมิ” แปลตรงตัวว่า “พื้นฐาน”
คำว่า “อสัตบุรุษ” (บาลีว่า “อสปฺปุริส” อะ-สับ-ปุ-ริ-สะ) แปลว่า “คนไม่ดี”
คำว่า “สัตบุรุษ” (บาลีว่า “สปฺปุริส” สับ-ปุ-ริ-สะ) แปลว่า “คนดี”
คำว่า “ปุริส” หรือ “บุรุษ” นั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้ชายอย่างที่เข้าใจกันในภาษาไทย แต่หมายถึง “คน” ทั้งชายทั้งหญิง
คนดี-คนไม่ดี ใช้อะไรเป็นเกณฑ์วัด
ใช้พื้นฐานเป็นเกณฑ์
แล้วอะไรคือพื้นฐาน
กตัญญูและอกตัญญูคือพื้นฐาน
กตัญญูเป็นพื้นฐานของคนดี
อกตัญญูเป็นพื้นฐานของคนไม่ดี
……………………………..
หมายเหตุ: พึงทราบว่า คำว่า “กตัญญู” ในบทความนี้ใช้ในความหมายของ “กตัญญุตา” ด้วย คำว่า “อกตัญญู” ก็เช่นกัน
……………………………..
หลักคิดเบื้องต้น ท่านให้เอาความเหมือนกันระหว่างคนกับสัตว์ตั้งเป็นมาตรฐาน
สิ่งที่คนกับสัตว์ทำได้เหมือนกันท่านว่ามี ๔ อย่าง คือ กิน นอน กลัว สืบพันธุ์
สิ่งที่สัตว์ไม่มี แต่คนสามารถมีได้ คือ “ธรรม”
กตัญญูเป็น “ธรรม” อย่างหนึ่งที่สัตว์ไม่มี
ถ้าคนไม่มีกตัญญู คนก็จะไม่มีพื้นฐานของคนดี หมายความว่าจะทำดีอะไรๆ ต้องมีกตัญญูเป็นพื้นฐานไปก่อน
ถ้าไม่มีกตัญญูเป็นพื้นฐาน ก็ทำดีอย่างอื่นไม่ได้หรือทำได้ยาก
นี่คือคำตอบที่ว่า – ทำไมเราต้องเอาความกตัญญูมาเป็นพื้นฐาน
ถ้าเราไม่เอาความกตัญญูเป็นพื้นฐาน เราก็จะตกไปอยู่อีกฐานะหนึ่ง คือฐานะ “คนไม่ดี”
“ไม่เอาความกตัญญู” ก็คือ อกตัญญู
และท่านบอกว่า อกตัญญูเป็นพื้นฐานของคนไม่ดี
———-
เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก็คือ พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนเรื่องกตัญญูเพื่อให้คนหนึ่งยอมสยบเป็นทาสรับใช้ของอีกคนหนึ่ง-อย่างที่มองกันอย่างผิดๆ
กตัญญู แปลว่า “รู้คุณ” เป็นการสอนคนให้รู้จักยอมรับในคุณความดีของคนและของสิ่งแวดล้อม
เมื่อยอมรับแล้วก็จะปฏิบัติต่อคนนั้นสิ่งนั้นอย่างถูกต้องเหมาะสมแก่คุณความดีที่คนนั้นสิ่งนั้นมีอยู่
เพราะการอยู่ร่วมกัน ถ้าอยู่แบบไม่รับรู้และไม่เคารพในคุณความดีของกันและกัน คนก็จะอยู่กันเหมือนสัตว์
สัตว์มันยอมรับกันที่ศักยภาพทางร่างกาย คือรูปร่างใหญ่โตกว่า แข็งแรงกว่า ดุกว่า กัดจิกทำร้ายกันได้เจ็บปวดรุนแรงกว่า
แต่เมื่อศักยภาพทางร่างกายเสื่อมลง มันก็เลิกยอมรับกัน ตัวที่ตัวอื่นเคยกลัวกลับต้องกลัวตัวอื่น
……………………………..
ในชาดกมีเรื่องเล่าถึงสัตว์ ๓ ชนิด คือ ช้าง ลิง และนกกระทา มาอยู่ด้วยกันที่ต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง
สัตว์ทั้งสามเห็นพ้องต้องกันว่า การอยู่ร่วมกันควรจะต้องเคารพนับถือกันโดยหลักเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง และตกลงกันว่าควรเคารพกันตามอาวุโส คือผู้เกิดทีหลังเคารพผู้เกิดก่อน
สัตว์ทั้งสามจึงได้ซักถามกันขึ้นโดยให้แต่ละตัวบอกอายุต้นไทรเท่าที่ตนรู้
ช้างบอกว่า เมื่อตนเป็นช้างน้อย มาหากินแถวนี้ ตนสามารถเดินคร่อมต้นไทรนี้ได้ ไทรต้นนี้สูงเพียงแค่ท้องของตน
ลิงบอกว่า เมื่อตนเป็นลิงน้อย มาหากินแถวนี้ ตนนั่งกับพื้นไม่ต้องยื่นคอก็สามารถกัดกินยอดไทรต้นนี้ได้
นกกระทาบอกว่า เมื่อก่อนไทรต้นนี้ยังไม่มี ตนไปกินผลไทร ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วมาถ่ายมูลไว้ที่ตรงนี้ ไทรต้นนี้จึงเกิดเพราะมูลที่ตนถ่ายไว้
เป็นอันว่า เมื่อถือเอาความสัมพันธ์กับต้นไทรเป็นเกณฑ์ นกกระทาก็อาวุโสกว่า
ตั้งแต่นั้นมา ช้างก็เคารพลิง ช้างและลิงเคารพนกกระทา สัตว์ทั้งสามก็อยู่ด้วยกันเป็นผาสุกตราบอายุขัย
ที่มา: ติตติรชาดก เอกนิบาต ชาตกัฏฐกถา ภาค ๑ หน้า ๓๘๑-๓๘๖
……………………………..
สำหรับท่านที่นิยมลัทธิเสมอภาค ใครจะเกิดก่อนหรือใครจะมีคุณธรรมใดๆ ไม่สำคัญทั้งสิ้น พ่อแม่-ลูก ครู-ศิษย์ ผู้ใหญ่-ผู้นอย ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่จำเป็นที่ใครจะต้องเคารพใคร
ถ้าถือตามลัทธินี้ คนก็จะอยู่กันแบบเดียวกับสัตว์ ยอมรับกันที่ศักยภาพทางร่างกายอย่างเดียว
———-
พ่อแม่ไม่มีบุญคุณ
ครูบาอาจารย์ไม่มีบุญคุณ
แผ่นดินถิ่นเกิดก็ไม่มีบุญคุณ
ถ้าล้อสำนวนบาลีก็ต้องพูดว่า
……………………………..
เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ อหํการํ ปกาเสสิ.
ประกาศความอหังการครบถ้วนบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
……………………………..
วันพ่อ วันแม่ วันครู วันครอบครัว วันบูรพาจารย์ พิธีไหว้ครู รดน้ำดำหัว สงกรานต์กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ เช็งเม้ง ไหว้บรรพบุรุษ อนุสาวรีย์บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ โบสถ์ วิหาร พระเจดีย์ พระพุทธปฏิมา ฯลฯ ฯลฯ
เก็บกวาดออกไปจากสังคมไทยให้เกลี้ยง
โดยเฉพาะวัดอาวารามและพระพุทธปฏิมาอันเป็นสื่อให้ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นน่าจะมีอยู่ในแผ่นดินไทยไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบต้นน้ำแหล่งคำสอนเรื่องกตัญญูกตเวที คำสอนให้รู้จักคุณของพ่อแม่ คุณของครูอุปัชฌาย์อาจารย์ คุณของแผ่นดิน คุณของต้นไม้ อันเป็นคำสอนที่ขัดแย้งโดยตรงกับทฤฤษฎีพ่อแม่ไม่มีบุญคุณ ครูไม่มีบุญคุณ ประเทศชาติบ้านเมืองไม่มีบุญคุณ
ก็ต้องเก็บกวาดออกไปจากสังคมไทยให้เกลี้ยงด้วย
หลังจากนั้นเราก็จะเป็นอิสระเสรีอย่างยิ่ง ไม่ต้องถูกกดหัวให้ยอมสยบเป็นทาสกตัญญูของมันผู้ใดทั้งสิ้น
———-
การได้เกิดมาเป็นคน ถือว่าเราดีกว่าสัตว์
แต่คนก็ยังมี ๒ พวก คือคนดีกับคนไม่ดี
ถ้าไม่มีความกตัญญู เราก็จะดีกว่าสัตว์เพียงแค่ได้เกิดเป็นคนเท่านั้น
แต่ไม่มีพื้นฐานของคนดี
พิจารณาให้ถึงที่สุด เราก็แทบจะไม่ต่างไปจากสัตว์ด้วยซ้ำไป
เห็นหรือไม่ว่า – ทำไมเราต้องเอาความกตัญญูมาเป็นพื้นฐาน
ถ้าไม่เอาความกตัญญูเป็นพื้นฐาน เราก็จะเป็นอิสระเสรีอย่างที่ว่ามา
แต่ก็จะเป็นอิสระเสรีแบบเดียวกับที่สัตว์ทั้งหลายมันก็เป็นเช่นนั้นอยู่ตลอดมาและจะตลอดไป นั่นคือ มองไม่รู้ ดูไม่เห็น คิดไม่เป็น ทำไม่ถูก ว่า —
อะไรดีอะไรชั่ว
อะไรถูกอะไรผิด
อะไรมีคุณอะไรไม่มีคุณ
อะไรเป็นทางเจริญอะไรเป็นทางเสื่อม
อะไรเป็นสาระของการที่ได้มีชีวิตเกิดมาและเป็นอยู่ และอะไรที่เป็นสิ่งไร้สาระ
จะเลือกอยู่ร่วมกันอย่างสัตว์
จะเลือกอยู่ร่วมกันอย่างคนไม่ดี
หรือจะเลือกอยู่ร่วมกันอย่างคนดี
ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของเราเอง
ถ้าเราเลือกที่จะมีอิสระเสรี
เราก็มีอิสระเสรีที่จะเลือก
เลือกเอาสิ!
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓
๑๘:๒๙
……………………………….
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๗)
……………………………….
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๑)
……………………………….