อติบัณฑิต (บาลีวันละคำ 3,694)
อติบัณฑิต
ฉลาดแกมโกง
อ่านว่า อะ-ติ-บัน-ดิด
แยกศัพท์เป็น อติ + บัณฑิต
(๑) “อติ”
อ่านว่า อะ-ติ เป็นคำจำพวกที่เรียกว่า “อุปสรรค”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “อุปสรรค” ไว้ว่า –
“อุปสรรค : (คำนาม) เครื่องขัดข้อง, ความขัดข้อง, เครื่องขัดขวาง. (ส. อุปสรฺค; ป. อุปสคฺค); คำสำหรับใช้เติมข้างหน้าคำนามหรือคำกริยาที่เป็นรูปคำบาลีหรือสันสกฤตให้มีความหมายแผกเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีความหมายตรงข้ามกับความหมายเดิมเป็นต้น และถือเป็นคำเดียวกับคำนามหรือคำกริยานั้น เพราะตามปรกติจะไม่ใช้ตามลำพัง เช่น วัฒน์ = เจริญ อภิวัฒน์ = เจริญยิ่ง ปักษ์ = ฝ่ายปฏิปักษ์ = ฝ่ายตรงข้าม, ข้าศึก, ศัตรู.”
นักเรียนบาลีท่องจำคำแปลของ “อติ” ว่า “อติ : ยิ่ง, เกิน, ล่วง”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายทั่วไปของ “อติ ว่า –
(1) “up to and beyond” (“ยิ่ง และล่วง”)
(2) in excess, extremely, very (ล่วง, ยิ่ง, มาก, เกินไป)
(๒) “บัณฑิต”
บาลีเป็น “ปณฺฑิต” อ่านว่า ปัน-ดิ-ตะ มีรากศัพท์มาได้หลายทาง เช่น :
(1) ปณฺฑา ( = ปัญญา) + อิต ( = ไป, ดำเนินไป, เกิดขึ้นพร้อม) ลบสระที่ ปณฺฑา (ปณฺฑา > ปณฺฑ)
: ปณฺฑา > ปณฺฑ + อิต = ปณฺฑิต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา” “ผู้มีปัญญาเกิดพร้อมแล้ว”
(2) ปฑิ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุ (ปฑิ > ปํฑิ) แล้วแปลงเป็น ณ (ปํฑิ > ปณฺฑิ)
: ปฑิ > ปํฑิ > ปณฺฑิ + ต = ปณฺฑิต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ดำเนินไปสู่ความเป็นผู้ฉลาด”
(3) ปณฺฑฺ (ธาตุ = รู้) + ต ปัจจัย, ลง อิ อาคมระหว่างธาตุกับปัจจัย (ปณฺฑฺ + อิ + ต)
: ปณฺฑฺ + อิ = ปณฺฑิ + ต = ปณฺฑิต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์”
ความหมายของ “ปณฺฑิต” ในบาลีคือ สุขุม, ไตร่ตรอง, รอบรู้, ฉลาด, รู้ทัน, จัดเจน, หลักแหลม, รอบคอบ, ระมัดระวัง, ถี่ถ้วน, ชำนิชำนาญ, ช่ำชอง, ว่องไว, คล่องแคล่ว, มีความสามารถ, มีไหวพริบ, รู้จักคิด, รู้จักเหตุผล = รู้จักผิดชอบชั่วดีควรไม่ควร
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ปณฺฑิต” เป็นอังกฤษว่า wise, clever, skilled, circumspect, intelligent.
“ปณฺฑิต” ในภาษาไทยใช้ว่า “บัณฑิต” (บัน-ดิด)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บัณฑิต : ผู้ทรงความรู้, ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้สําเร็จการศึกษาขั้นปริญญาซึ่งมี ๓ ขั้น คือ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เรียกว่า บัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต, ผู้มีความสามารถเป็นพิเศษโดยกําเนิด เช่น คนนี้เป็นบัณฑิตในทางเล่นดนตรี. (ป., ส. ปณฺฑิต).”
ความหมายเดิมแท้ของ “บัณฑิต” ก็คือ ผู้มีสติปัญญา รู้จักผิดชอบชั่วดี เว้นชั่ว ประพฤติดีได้ด้วยตนเองและสามารถแนะนำสั่งสอนผู้อื่นให้ทำเช่นนั้นได้ด้วย
อติ + ปณฺฑิต = อติปณฺฑิต (อะ-ติ-ปัน-ดิ-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “บัณฑิตยิ่ง” “บัณฑิตเกิน” “ฉลาดยิ่ง” “ฉลาดเกิน”
“อติปณฺฑิต” เขียนแบบไทยเป็น “อติบัณฑิต”
ขยายความ :
คำว่า “อติบัณฑิต” มาจากคาถาในชาดกเรื่อง “กูฏวาณิชชาดก” พระพุทธองค์ตรัสเล่าเรื่องในอดีตชาติว่า –
พ่อค้า 2 คนชาวเมืองพาราณสี คนหนึ่งชื่อ “บัณฑิต” อีกคนหนึ่งชื่อ “อติบัณฑิต” เข้าหุ้นกันนำสินค้าไปขายต่างเมือง กลับมาถึงเมืองพาราณสีแล้วก็แบ่งกำไรกัน
อติบัณฑิตขอให้แบ่งกำไรเป็น 3 ส่วน บัณฑิตได้ 1 ส่วน ตัวเองควรได้ 2 ส่วน อ้างว่าในกระบวนการค้าตนฉลาดกว่า
บัณฑิตแย้งว่า ทุนที่ลงไปในการค้าเท่ากัน เหนื่อยเท่ากัน จึงควรแบ่งกำไรเท่ากัน
อติบัณฑิตเสนอว่า ถ้าเช่นนั้นควรให้รุกขเทวดาตัดสิน แล้ววางแผนให้บิดาของตนเข้าไปซ่อนตัวในโพรงไม้ต้นหนึ่งทำทีว่าเป็นรุกขเทวดา แล้วให้ดัดเสียงพูดตามที่นัดหมายกัน
ทั้งสองคนพากันไปที่ต้นไม้นั้น อติบัณฑิตร้องถามว่า ตนควรได้กำไรกี่ส่วน รุกขเทวดาปลอมตอบว่า ควรได้ 2 ส่วน
บัณฑิตได้ฟังดังนั้นจึงว่า เดี๋ยวก็รู้ว่าเทวดาจริงหรือปลอม แล้วเอาฟางสุมไฟเข้าที่โคนไม้ บิดาของอติบัณฑิตถูกไฟลวกเข้าก็โดดออกมาแล้วกล่าวข้อความเป็นคาถา 1 บท
ข้อความในคาถาเป็นดังนี้ –
เขียนแบบบาลี:
…………..
สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม
น เตฺวว อติปณฺฑิโต
อติปณฺฑิเตน ปุตฺเตน
มนมฺหิ อุปกุฏฺฐิโตติ ฯ
…………..
เขียนแบบคำอ่าน:
สาธุ โข ปัณฑิโต นามะ
นะ เต๎ววะ* อะติปัณฑิโต
อะติปัณฑิเตนะ ปุตเตนะ
มะนัมหิ อุปะกุฏฺฐิโต ฯ
*อ่านว่า ตวย-วะ
…………..
คำแปล:
คนที่ชื่อบัณฑิตดีแน่
ส่วนคนที่ชื่ออติบัณฑิตไม่ดีเลย
เพราะเจ้าอติบัณฑิตลูกเรา
เกือบเผาเราเสียแล้ว
ที่มา: กูฏวาณิชชาดก เอกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม 27 ข้อ 98
…………..
คัมภีร์อรรถกถาไขความคำที่ควรรู้ไว้ดังนี้ –
…………..
สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติ อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต การณาการณํ ญตฺวา ปุคฺคโล สาธุ โสภโน ฯ
คำว่าว่า สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม (คนที่ชื่อบัณฑิตดีแน่) หมายความว่า บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรมแห่งบัณฑิต รู้การณ์ควรไม่ควร นับว่าเป็นคนดีงามในโลกนี้
อติปณฺฑิโตติ นามมตฺเตน อติปณฺฑิโต กูฏปุริโส น เตฺวว วรํ ฯ
คำว่า อติปณฺฑิโต (ส่วนคนที่ชื่ออติบัณฑิต) หมายความว่า คนที่เป็นอติบัณฑิตแต่เพียงชื่อ คือคนโกง ไม่ดีเลย
มนมฺหิ อุปกุฏฺฐิโตติ โถเกนมฺหิ ฌาโม อฑฺฒชฺฌามโตว มุตฺโตติ อตฺโถ ฯ
คำว่า มนมฺหิ อุปกุฏฺฐิโต (เกือบเผาเราเสียแล้ว) หมายความว่า เรา (คือพ่อของอติบัณฑิต) ถูกไฟไหม้ไปหน่อยหนึ่ง รอดพ้นจากการไหม้ตั้งครึ่งตัวมาได้อย่างหวุดหวิดทีเดียว
ที่มา: ชาตกัฏฐกถา ภาค 2 หน้า 293
…………..
สรุป :
คำว่า “อติบัณฑิต” นั้น ตามศัพท์แปลได้ว่า “ฉลาดนัก” หรือ “ฉลาดเกินไป” ซึ่งชวนให้เข้าใจว่า ข้อความในคาถานี้สอนว่า ฉลาดเกินไปหรือเป็นบัณฑิตเกินไปก็ไม่ดี ควรจะรู้จักโง่หรือแกล้งโง่เสียบ้าง ไม่ควรอวดฉลาดไปเสียทุกเรื่อง
โปรดทราบว่า ข้อความในคาถานี้ไม่ได้สอนเช่นนั้น
คำว่า “อติบัณฑิต” อรรถกถาไขความไว้ชัดว่า “กูฏปุริโส” หมายถึงคนโกง ความหมายที่ถูกต้องของคำว่า “อติบัณฑิต” ก็คือที่คำไทยเรียกว่า “ฉลาดแกมโกง” นั่นเอง ไม่ได้แปลว่า ฉลาดเกินไปหรือเป็นบัณฑิตเกินไป หรือโง่ไม่เป็น-อย่างที่ชวนให้เข้าใจ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: โง่เป็น คือยอดบัณฑิต
: โง่ไม่เป็น คือยอดโง่
#บาลีวันละคำ (3,694)
24-7-65
…………………………….
…………………………….