บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ตัวโรมัน

ตัวโรมัน

——–

เมื่อวาน (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕) เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ ผมเขียนถึงกรณีที่ระบบดิจิตอลไม่อ่านข้อมูลที่เป็นเลขไทย ผู้ประสบปัญหาจึงเสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการให้ใช้เลขอารบิกในเอกสารของทางราชการเพื่อระบบดิจิตอลจะได้ทำงานคล่องตัว เพราะถ้าใช้เลขไทยก็จะต้องแปลงข้อมูลเป็นเลขอารบิกอีกทีหนึ่งซึ่งเสียเวลามาก

……………………………………………..

จากแนวคิดเลิกใช้เลขไทย 

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/pfbid02uxxZNfeP8i47GJJ98EaWQK99k45rMedfygc2aFhrm1CEQ36bKLf3HPtUQvMtwacol

……………………………………………..

กรณีนี้เอามาพูดกันไม่หมดเปลือก คือพูดแต่เพียงว่า-จะให้เลิกใช้เลขไทย แต่เหตุผลที่ให้เลิกใช้คืออะไรไม่ได้เอามาพูด เรื่องเลยกลายเป็นว่าคนเสนอเรื่องนี้ถูกมองว่าไม่เห็นความสำคัญของเลขไทย ไม่รักเลขไทย ไม่รักภาษาไทย-ไปโน่น

พอคิดถึงภาษาไทย ความคิดก็จะแลบไปถึงภาษาอังกฤษ แล้วก็ลามต่อไปถึงวัฒนธรรมฝรั่ง

ระบบดิจิตอลเป็นวิทยาการที่มาจากวัฒนธรรมฝรั่ง คนสร้างระบบก็สร้างกลไกอุปกรณ์ที่รองรับวัฒนธรรมฝรั่ง ที่เห็นชัดๆ ก็เช่นข้อมูลต้องเป็นภาษาอังกฤษ เลขอารบิก ปีคริสต์ศักราช อย่างนี้เป็นต้น

เวลานี้เรารับเอาระบบดิจิตอลมาใช้โดยวิธียอมจำนนกับระบบ ระบบให้ใส่ข้อมูลแบบไหน เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของเราให้เข้ากับวัฒนธรรมของระบบ

ระบบบอกให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ เราก็ต้องแปลหรือแปลงภาษาไทยเป็นอังกฤษ

ระบบบอกให้กรอกข้อมูลเป็นเลขอารบิก เราก็ต้องใช้เลขอารบิก ซึ่งนั่นก็เท่ากับต้องเลิกใช้เลขไทย

พอถึงการระบุปี ระบบบอกให้กรอกข้อมูลเป็นปีคริสต์ศักราช เราก็ต้องใช้ปีคริสต์ศักราช ซึ่งนั่นก็เท่ากับต้องเลิกใช้ปีพุทธศักราช

นี่คือระบบดิจิตอลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของเรา ซึ่งอาจจะมีผลกระทบในวงกว้างเกินคาดคิด คือเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราด้วย

ที่เห็นชัดๆ ใกล้ตัวก็อย่างเช่น-ชื่อของชาวเฟซบุ๊กนี่เอง

ผมสังเกตเห็นว่า แรกที่เฟซบุ๊กปรากฏตัวในสังคมไทย ชื่อเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชื่อไทยคำไทย ใช้ตัวอักษรไทยกันโดยมาก

แต่ครั้นกาลเวลาผ่านไปไม่นาน ชื่อไทยคำไทยเหล่านั้นก็กลายเป็น “ภาษาอังกฤษ” กันไปหมด

ผมเขียนคำว่า “ภาษาอังกฤษ” อยู่ในเครื่องหมายคำพูด เป็นการเตือนว่าเป็นคำที่เราพูดกันด้วยความเข้าใจผิด หรือพูดตรงๆ ว่า-พูดด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ

คือ เวลานี้คนไทยเห็นตัวหนังสือที่ฝรั่งใช้หรือที่เขียนเป็นภาษาฝรั่ง เราจะเรียกว่า “ภาษาอังกฤษ” ทันที แล้วก็พากันเข้าใจอย่างนั้นกันทั่วไปหมด

ผมเข้าใจว่า เดี๋ยวนี้เราไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างคำว่า “ภาษา” กับคำว่า “อักษร”

เรื่องนี้เป็นวิชาการเล็กน้อย กล่าวคือ “อักษร” เป็นส่วนหนึ่งของ “ภาษา”  ซึ่งอาจจะพูดคลุมๆ ไปได้ว่า อักษรก็คือภาษา

แต่อักษรกับภาษาก็มีส่วนที่แตกต่างและแบ่งเขตกันชัดเจน

“อักษร” คือลายลักษณ์ที่กำหนดรู้กันว่า ลายลักษณ์รูปร่างอย่างนี้หมายถึงอะไร ถ้าอ่านออกมาเป็นเสียง ต้องออกเสียงว่าอย่างไร

ส่วน “ภาษา” คือความหมายของลายลักษณ์อักษรตัวนั้นๆ หรือความหมายของเสียงที่เปล่งออกมาว่าอย่างนั้นๆ รวมไปถึงความหมายของกิริยาท่าทางที่ทำอย่างนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น “ทองย้อย” – นี่คืออักษรไทย และภาษาไทย 

แต่พอเขียนเป็น “Thongyoi” – ถามว่านี่คืออะไร เด็กไทยสมัยนี้จะตอบทันทีว่า “ภาษาอังกฤษ” และทุกคนจะยืนยันว่านี่คือภาษาอังกฤษ

และนี่คือผมบอกว่า – เป็นคำที่เราพูดกันด้วยความเข้าใจผิด หรือพูดตรงๆ ว่า-พูดด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจ

ความเป็นจริงตามหลักวิชาก็คือ “Thongyoi” เป็นคำที่เขียนเป็นอักษรที่ใช้เขียนภาษาอังกฤษ 

แต่ “Thongyoi” ไม่ใช่ “ภาษาอังกฤษ” 

“Thongyoi” ยังคงเป็นภาษาไทย

เอาคำว่า “Thongyoi” ไปถามฝรั่งอังกฤษหรือใครที่รู้ภาษาอังกฤษว่าแปลว่าอะไร จะไม่มีใครตอบได้ นั่นเพราะ “Thongyoi” ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ 

แม้หากจะมีภาษาอังกฤษที่เขียนอย่างนี้จริง ภาษาอังกฤษคำนั้นก็จะไม่ได้หมายถึง “ทองย้อย” 

การเอาคำภาษาหนึ่งไปเขียนเป็นอักษรที่ใช้เขียนภาษาอังกฤษ มีคำเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Romanization หมายถึง ทำให้เป็นแบบโรมัน หรือเปลี่ยนใช้อักษรโรมัน

การเอาไปทำให้เป็นโรมัน หรือ Romanization นี่แหละที่คนไทยเรียกกันผิดๆ ว่า “ภาษาอังกฤษ”

ผมขอเสนอให้เลิกเรียกแบบนั้น

และขอเสนอให้ใช้คำว่า “ตัวโรมัน”

ถามว่า “Thongyoi Sangsinchai” คืออะไร

ตอบว่า คือภาษาไทยตัวโรมัน

ไม่ใช่ “ภาษาอังกฤษ”

ขออีกสักตัวอย่าง เพื่อให้ชัดยิ่งขึ้น

“นะโม” เป็นภาษาบาลี อักษรไทย

“นะโม” เขียนเป็นตัวโรมัน = “namo” 

“namo” เป็นภาษาอะไร

อยากตอบว่า “ภาษาอังกฤษ” ละสิ

ไม่ใช่

“namo” – เป็นภาษาบาลีตัวโรมัน

เข้าใจหรือยังว่า “อักษร” กับ “ภาษา” ต่างกันอย่างไร

…………………

ทีนี้ก็ย้อนกลับไปที่ประเด็นที่ทิ้งไว้ข้างต้นที่ว่า – ผมสังเกตเห็นว่า แรกที่เฟซบุ๊กปรากฏตัวในสังคมไทย ชื่อเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชื่อไทยคำไทย ใช้ตัวอักษรไทยกันโดยมาก

แต่ครั้นกาลเวลาผ่านไปไม่นาน ชื่อไทยคำไทยเหล่านั้นก็กลายเป็น “ตัวโรมัน” กันไปหมด

ยกตัวอย่าง “เพื่อน” บางท่าน –

พระมหารุ่งอรุณ อรุณโชติ – แรกๆ เขียนแบบนี้

แต่ตอนนี้กลายเป็น Rungarun Wongpitak

ธงทอง จันทรางศุ – แรกๆ เขียนแบบนี้

แต่ตอนนี้กลายเป็น Tongthong Chandransu

กราบขออภัยที่ยกนามมาเอ่ยอ้างโดยไม่ได้ขออนุญาต

…………………

ถามว่าทำไมจึงเป็นอย่างนี้?

ตามที่ผมเข้าใจ ผมเข้าใจว่าท่านเจ้าของชื่อทั้งหลายคงไม่ได้คิดอ่านเปลี่ยนวิธีเขียนชื่อของตนจากอักษรไทยเป็นตัวโรมันขึ้นมาด้วยตัวเองด้วยความยินดีปรีดา 

หากแต่น่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่ขอเรียกรวมๆ โดยใช้คำว่า “ระบบดิจิตอล” มันบังคับให้ทำ

เช่นอยู่มาวันหนึ่ง บ้านเดิม (หมายถึงหน้าเฟซบุ๊กเดิม) ถูกปิด เปิดไม่ได้ ต้องสร้างหน้าเฟซใหม่ เฟซใหม่หรือบ้านใหม่บังคับให้ใช้ชื่อเป็นตัวโรมัน ก็เลยจำเป็นต้องใช้ชื่อเป็นตัวโรมันไปตามๆ กัน

ผมเองยังใช้ชื่อเป็นอักษรไทยอยู่ ไม่รู้ว่าวันไหนจะเจอชะตากรรม ถูกบังคับให้เปลี่ยนเป็นตัวโรมัน

และผมคาดว่า ในอนาคต จะไม่ใช่เฉพาะ “อักษร” เท่านั้น หากแต่ถ้อยคำภาษาที่ใช้สื่อสารกันในเฟซบุ๊กก็จะถูกระบบดิจิตอลบังคับให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษด้วย

ตอนนี้ก็ยังอยู่ในวงเฟซบุ๊ก แต่ในอนาคตจะขยายออกไปในทุกๆ วง

ถึงตอนนั้น อักษรและภาษาต่างๆ ในโลกนี้ก็จะสูญหมด เหลือแต่ภาษาอังกฤษภาษาเดียว

และจะไม่ใช่เฉพาะภาษาอย่างเดียว วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต เอกลักษณ์อัตลักษณ์ของมนุษย์แต่ละเผ่าพันธุ์ก็จะสูญหมด เหลือแต่สิ่งที่ระบบมันกำหนดให้มี

ถึงตอนนี้ แฟนเก่าก็คงจะเข้ามาบอกว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปล่อยวาง ภาษาเป็นสิ่งสมมุติ ไม่ควรยึดติด

…………………

ผมก็แค่อยากชวนคิดว่า ระบบดิจิตอลมันไม่ได้เกิดเอง-เหมือนฝนตก แดดออก น้ำขึ้นน้ำลง หากแต่มีคนกำหนดระบบขึ้นมา

เขาใช้ความคิดกำหนดระบบขึ้นมา

แต่อะไรล่ะที่เป็นตัวกำหนดความคิดของเขา

เราไม่สงสัยกันบ้างเลยหรือ?

ถ้าเรายอมสยบให้กับความคิดของใครบางคนบางกลุ่ม โดยไม่คิดจะคิดอะไรเอง ก็แปลว่า มนุษย์เราไม่ได้เจริญขึ้นเลย ยังจมอยู่กับระบบทาสเหมือนเมื่อสมัยดึกดำบรรพ์นั่นเอง

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕

๑๐:๑๒

……………………………………………

ตัวโรมัน

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *