บาลีวันละคำ

เอกาหํ (บาลีวันละคำ 3,751)

เอกาหํ

คำบาลีที่น่าจำติดปาก

อ่านว่า เอ กา หัง

“เอกาหํ” ประกอบด้วยคำว่า เอก + อหํ

(๑) “เอก”

บาลีอ่านว่า เอ-กะ รากศัพท์มาจาก อิ (ธาตุ = ไป, เป็นไป, ตั้งอยู่) + ณฺวุ ปัจจัย, แผลง อิ เป็น เอ, แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ)

: อิ + ณฺวุ = อิณฺวุ > เอณฺวุ > เอก แปลตามศัพท์ว่า (1) “ไปตามลำพัง” (คือไม่มีเพื่อนไปด้วย) (2) “ดำรงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวเพราะไร้ผู้เหมือนกัน”

“เอก” ในบาลีใช้ใน 2 สถานะ คือ –

(1) เป็นสังขยา (คำบอกจำนวน) เช่น “ชายหนึ่งคน” เน้นที่จำนวน 1 คน = มุ่งจะกล่าวว่าชายที่เอ่ยถึงนี้มีเพียง “หนึ่งคน”

(2) เป็นคุณศัพท์ เช่น “ชายคนหนึ่ง” ไม่เน้นที่จำนวน = มุ่งจะกล่าวถึงชายคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

“เอก” หมายถึง หนึ่ง, หนึ่งเดียว, ดีที่สุด

(๒) “อหํ”

อ่านว่า อะ-หัง รูปคำเดิมเป็น “อห” อ่านว่า อะ-หะ รากศัพท์มาจาก น (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + หา (ธาตุ = ละ, ทิ้ง) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง น เป็น อ, ลบสระหน้า คือ อา ที่ หา (หา > ห)

: น + หา = นหา > อหา > อห + อ = อห (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “เวลาที่ไม่ละการย้อนกลับมา” หมายถึง วัน (a day)

“วัน” คือที่เราเข้าใจกันในความหมายว่า วันเวลาหรือวันคืน ในที่นี้ควรถือโอกาสศึกษากันดูว่าพจนานุกรมให้คำนิยามหรือคำจำกัดความอย่างไร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วัน ๑ : (คำนาม)

(1) ระยะเวลา ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่ยํ่ารุ่งถึงยํ่ารุ่ง หรือตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงคืน เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษาหยุดราชการ ๑ วัน,

(2) ระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง ตั้งแต่ย่ำรุ่งถึงย่ำค่ำ เรียกว่า กลางวัน, มักเรียกสั้น ๆ ว่า วัน, ระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง ตั้งแต่ย่ำค่ำถึงย่ำรุ่ง เรียกว่า กลางคืน, มักเรียกสั้น ๆ ว่า คืน, เช่น เขาไปสัมมนาที่พัทยา ๒ วัน ๑ คืน,

(3) ช่วงเวลากลางวัน เช่น เช้าขึ้นมาก็รีบไปทำงานทุกวัน;

(4) (คำที่ใช้ในกฎหมาย) ในทางคดีความ ในทางราชการ หรือทางธุรกิจการค้าและการอุตสาหกรรม วัน หมายความว่า เวลาทำการตามที่ได้กำหนดขึ้นโดยกฎหมาย คำสั่งศาล หรือระเบียบข้อบังคับ หรือเวลาทำการตามปรกติของกิจการนั้น แล้วแต่กรณี.

เอก + อห = เอกาห (เอ-กา-หะ) แปลว่า “หนึ่งวัน”

“เอกาห” แจกด้วยวิภัตตินามที่สอง (ทุติยาวิภัตติ) เอกวจนะ นปุงสกลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “เอกาหํ” (เอ-กา-หัง) แปลว่า “สิ้นหนึ่งวัน” “ตลอดหนึ่งวัน”

ขยายความ :

ภาษาบาลีที่มีคำว่า “เอกาหํ” อยู่ในประโยคและมีความหมายที่น่าสนใจ คือคาถาในคัมภีร์ธรรมบท โครงสร้างของประโยคที่น่าสังเกตเป็นดังนี้ –

…………..

คาถาบาทที่ 1: โย จ วสฺสสตํ ชีเว

คาถาบาทที่ 2: …………………….

คาถาบาทที่ 3: เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

คาถาบาทที่ 4: …………………….

…………..

เค้าความในคาถามักจะเป็นดังนี้ –

คาถาบาทที่ 1: โย จ วสฺสสตํ ชีเว (โย จะ วัสสะสะตัง ชีเว) = ผู้ใดมีชีวิตอยู่ร้อยปี

คาถาบาทที่ 2: = แต่ไม่มีคุณธรรมเช่นนี้ๆ

คาถาบาทที่ 4: = ผู้ที่มีคุณธรรมเช่นนี้ๆ

คาถาบาทที่ 3: เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย (เอกาหัง ชีวิตัง เสยโย) = มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า

…………..

ขออัญเชิญพระพุทธพจน์ในพระธรรมบทมาแสดงในที่นี้ เป็นการศึกษาบาลีและศึกษาหลักธรรมคำสอนไปพร้อมๆ กัน

ในที่นี้ไม่ได้เขียนคำอ่านไว้ให้ ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้เรียนบาลีได้ฝึกอ่านคำบาลีที่เขียนแบบบาลีไปด้วย

เวลาอ่านให้ตั้งอารมณ์ว่า เรากำลังสวดมนต์ ถ้ามั่นใจว่าสวดมนต์ได้บุญ การอ่านคำบาลีในพระธรรมบทที่อัญเชิญมานี้ก็ย่อมได้บุญเช่นกัน ได้บุญด้วย และได้ปัญญาด้วย

คัมภีร์ธรรมบทอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 25 คาถาที่อัญเชิญมานี้อยู่ในสหัสสวรรค อันเป็นวรรคที่ 8 ในคัมภีร์ธรรมบท มีข้อความดังต่อไปนี้ (คำแปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จากหนังสือ “พุทธวจนะในธรรมบท” โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก)

…………..

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

ทุสฺสีโล อสมาหิโต

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

สีลวนฺตสฺส ฌายิโน ฯ

ผู้มีศีล มีสมาธิ

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของคนทุศีล ไร้สมาธิ

Though one should live a hundred years,

Without conduct and concentration,

Yet, better is a single day’s life

Of one who is moral and meditative.

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

ทุปฺปญฺโญ อสมาหิโต

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

ปญฺญวนฺตสฺส ฌายิโน ฯ

ผู้มีปัญญา มีสมาธิ

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของผู้ทรามปัญญา ไร้สมาธิ

Though one shold live an hundred years,

Without wisdom and concentration,

Yet, better is a single day’s life

Of one who is wise and meditative.

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

กุสีโต หีนวีริโย

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ ฯ

ผู้มีความเพียรมั่นคง

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของผู้เกียจคร้าน ไร้ความเพียร

Though one should live a hundred years,

Sluggish and inactive

Yet, better is a single day’s life

Of one who intensely exerts himself.

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

อปสฺสํ อุทยพฺพยํ

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

ปสฺสโต อุทยพฺพยํ ฯ

ผู้พิจารณาเห็นความเกิด-ดับแห่งสังขาร

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของผู้ไม่พิจารณาเห็น

Better is a single day’s life of one

Who discerns the rise and fall of things

Than a hundred years’life of one

Who is not comprehending.

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

อปสฺสํ อมตํ ปทํ

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

ปสฺสโต อมตํ ปทํ ฯ

ผู้พบทางอมตะ

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของผู้ไม่พบ

Better is a single day’s life of one

Who sees the Deathless

Than a hundred years’s life of one

Who sees not that state.

โย จ วสฺสสตํ ชีเว

อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย

ปสฺสโต ธมฺมมุตฺตมํ ฯ

ผู้เห็นพระธรรมอันประเสริฐ

มีชีวิตอยู่วันเดียว

ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี

ของผู้ไม่เห็น

Better is a single day’s life of one

Who understands the truth sublime

Than a hundred years’s life of one

Who knows not that truth, so high.

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ผู้เรียนธรรมเพียงบทเดียวแล้วนำไปปฏิบัติได้หมดจด

: ประเสริฐกว่าผู้เรียนธรรมจำได้ตั้งร้อยบท แต่ไม่ปฏิบัติ

#บาลีวันละคำ (3,751)

19-9-65 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *