สาระ – อสาระ (บาลีวันละคำ 3,811)
สาระ – อสาระ
สิ่งที่เป็นสาระและสิ่งที่ไร้สาระ
“อสาระ” อ่านว่า อะ-สา-ระ
คำหลักคือ “สาระ” มี “อ-” นำหน้า
(๑) “สาระ”
เป็นคำบาลี เขียนแบบบาลีเป็น “สาร” อ่านว่า สา-ระ รากศัพท์มาจาก –
(1) สรฺ (ธาตุ = ขยาย, พิสดาร) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, “ทีฆะต้นธาตุ” คือ อะ ที่ ส-(รฺ) เป็น อา (สรฺ > สาร)
: สรฺ + ณ = สรณ > สร > สาร แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายออก”
(2) สา (ธาตุ = มีกำลัง, สามารถ) + ร ปัจจัย
: สา + ร = สาร แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่มีกำลัง”
“สาร” ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) สำคัญ, ประเสริฐยิ่ง, แข็งแรง (essential, most excellent, strong)
(2) ชั้นในที่สุด และส่วนที่แข็งที่สุดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง, แก่นหรือแกนของไม้ (the innermost, hardest part of anything, the heart or pith of a tree)
(3) แก่นสาร, ส่วนสำคัญ, ส่วนที่ดีที่สุด (substance, essence, choicest part)
(4) คุณค่า (value)
บาลี “สาร” ในที่นี้คำไทยสะกดเป็น “สาระ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –
“สาระ : (คำนาม) ส่วนสำคัญ, ข้อใหญ่ใจความ, เช่น เขียนมายืดยาวแต่มีสาระน้อย ทำดีย่อมได้ดีเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้; ประโยชน์ เช่น เรื่องไม่เป็นสาระ ไร้สาระ.”
(๒) “อ-” นำหน้า
“อ-” ในที่นี้แปลงมาจาก “น” บาลีอ่านว่า นะ เป็นศัพท์จำพวกนิบาต แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
“น” เมื่อไปประสมกับคำอื่น มีกฎดังนี้ –
(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง น เป็น อ (อะ)
(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ให้แปลง น เป็น อน (อะ-นะ)
ในที่นี้ “สาร” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ คือ ส จึงแปลง น เป็น อ
: น + สาร = นสาร > อสาร แปลว่า “สิ่งที่ไม่มีสาระ”
“อสาร” ในที่นี้คำไทยสะกดเป็น “อสาระ”
คำว่า “อสาระ” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
เป็นอันว่าได้รู้ที่มาของคำว่า “สาระ” และ “อสาระ”
อภิปรายขยายความ :
เราท่านทั้งหลายที่พูดได้ คงจะเคยพูดคำว่า “สาระ” กันมาแล้ว แต่คำว่า “อสาระ” (อะ-สา-ระ) น่าจะไม่มีใครพูด แม้จะเขียนเป็นคำไทย แต่คนไทยก็ไม่ได้พูดคำนี้ในชีวิตประจำวันเหมือนคำว่า “สาระ” ที่ยังพอมีคนพูดกันอยู่บ้าง
แต่ถ้าบอกว่า “อสาระ” มีความหมายอย่างเดียวกับคำว่า “ไร้สาระ” คราวนี้คงมีคนร้องอ๋อ และยอมรับว่าได้เคยพูดคำนี้กันมาบ้างแล้ว
ที่ควรรู้เพิ่มเติมคือ “สาระ” กับ “อสาระ” ในบาลีมักพูดควบคู่กันในกรณีที่ถกเถียงกันว่า อะไรอย่างไรคือ “สาระ” และอะไรอย่างไรคือ “อสาระ” (ไร้สาระ)
บางทัศนะบอกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นสาระแท้จริง เพราะสาระขึ้นอยู่กับวัยของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ดังคำที่ว่า –
…………..
ทารกว่าวิ่งเล่นเป็นสาระ
หนุ่มสาวสะว่ากินเที่ยวเล่นเป็นแก่นสาร
ผู้ใหญ่ว่าสาระคือทำงาน
ผู้เฒ่าว่าศีลทานคือสาระ
…………..
แต่คำที่ว่านี้ก็ยังมีนัยเยื้องแย้งอยู่ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวถึงเด็กอายุ 7 ขวบเป็นจำนวนมากบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ คือพบสาระของชีวิตแล้ว ในขณะที่ผู้เฒ่าอายุ 70-80 ยังหมกมุ่นอยู่ในโลกียสุขไม่สร่างซา
ในทางธรรม คัมภีร์จตุกนิบาต อังคุตรนิกาย (พระไตรปิฎกเล่ม 21 ข้อ 150) แสดงธรรมที่เป็น “สาระ” ว่ามี 4 อย่าง คือ คือ –
(1) ศีล: ควบคุมพฤติกรรมทางการกระทำและคำพูดให้อยู่กรอบที่ดีงาม
(2) สมาธิ: ฝึกจิตให้ดิ่งนิ่งหนักแน่นมั่นคงในทางที่ดีงาม
(3) ปัญญา: พัฒนาความรู้ความเข้าใจให้รู้เท่าทันถูกต้องตามความเป็นจริง
(4) วิมุตติ: จิตหลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งปวง อันเป็นผลมาจากความสมบูรณ์แห่งศีล สมาธิ และปัญญา
มีพุทธภาษิตที่แสดงทัศนะเกี่ยวกับ “สาระ – อสาระ” ที่น่าศึกษา ขอยกมาเสนอดังนี้ –
…………..
อสาเร สารมติโน
สาเร จ อสารททสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ
มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา ฯ
ผู้ใดเห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
เห็นสิ่งที่เป็นสาระ ว่าไร้สาระ
ผู้นั้นมีความคิดผิดเสียแล้ว
ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
In the unessential they imagine the essential,
In the essential they see the unessential;
They who feed on wrong thoughts as such
Never achieve the essential.
สารญฺจ สารโต ญตฺวา
อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ
สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา ฯ
ผู้ที่เข้าใจสิ่งที่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
และสิ่งที่ไร้สาระว่าไร้สาระ
มีความคิดเห็นชอบ
ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ
Knowing the essential as the essential,
And the unessential as the unessential,
They who feed on right thoughts as such
Achieve the essential.
ที่มา: ยมกวรรค ธัมมปทคาถา พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 11
คำแปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ:
หนังสือ “พุทธวจนะในธรรมบท” โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
…………..
ดูก่อนภราดา!
ถ้าท่านอ่านคำประพันธ์นี้แล้วเข้าใจความหมาย
ข้าพเจ้าเข้าใจว่าท่านพบสิ่งที่เป็นสาระเข้าแล้ว
: อสารพาลว่าสารเพ็ญ
: สารเห็นเป็นอสารผิด
: คิดพลาดเพราะขาดพิศ
: จึงไป่พบประสบสาร
#บาลีวันละคำ (3,811)
18-11-65
…………………………….
……………………………