อนันตชาติ (บาลีวันละคำ 3,862)
อนันตชาติ
อนันตชาติ
คนฉลาดฤๅจะอยากเกิดไม่รู้จบ
อ่านว่า อะ-นัน-ตะ-ชาด
ประกอบด้วยคำว่า อนันต + ชาติ
(๑) “อนันต”
บาลีเขียน “อนนฺต” อ่านว่า อะ-นัน-ตะ ประสมขึ้นจากคำว่า น (ไม่, ไม่ใช่) + อนฺต
(ก) “อนฺต” (อัน-ตะ) รากศัพท์มาจาก อมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต (ตะ) ปัจจัย, แปลง มฺ ที่สุดธาตุเป็น นฺ (อมฺ > อนฺ)
: อมฺ + ต = อมฺต > อนฺต แปลตามศัพท์ว่า “ถึงที่สุด”
“อนฺต” ตามคำแปลนี้หมายถึง :
(1) ที่สุด, สำเร็จ, ที่หมาย (end, finish, goal)
(2) เขต, ชาย, ริม (limit, border, edge)
(3) ข้าง (side)
(4) ด้านตรงกันข้าม, ตรงกันข้าม, ตำแหน่งตรงกัน (opposite side, opposite, counterpart)
(ข) น + อนฺต แปลง น เป็น อน ตามกฎการประสมของ น + กล่าวคือ :
(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แปลง น เป็น อ–
(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ (อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ) แปลง น เป็น อน–
ในที่นี้ “อนฺต” ขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ– จึงต้องแปลง น เป็น อน
: น > อน + อนฺต = อนนฺต แปลตามศัพท์ว่า “ไม่มีที่สุด” หมายถึง หาที่สุดมิได้, ไม่จบสิ้น, ไม่มีขอบเขต (endless, infinite, boundless)
ตามศัพท์ อนนฺต ไม่ได้แปลว่า “มากล้น” แต่สิ่งใด “ไม่มีที่สุด” สิ่งนั้นย่อมส่อนัยว่า มากมาย มากเหลือล้นนั่นเอง
บาลี “อนนฺต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนันต-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) และ “อนันต์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อนันต-, อนันต์ : (คำวิเศษณ์) ไม่มีสิ้นสุด, มากล้น, เช่น อนันตคุณ คุณอนันต์. (ป.).”
(๒) “ชาติ”
บาลีอ่านว่า ชา-ติ รากศัพท์มาจาก ชนฺ (ธาตุ = เกิด) + ติ ปัจจัย
กระบวนการทางไวยากรณ์ :
แบบที่ 1 แปลง ชนฺ เป็น ชา : ชน > ชา + ติ = ชาติ
แบบที่ 2 แปลง “น” ที่ (ช-)นฺ เป็น อา : (ช)น > อา (> ช + อา) = ชา + ติ = ชาติ
“ชาติ” (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การเกิด” ในภาษาบาลีใช้ในความหมายดังต่อไปนี้ –
(1) การเกิด, การเกิดใหม่, กำเนิด (birth, rebirth, possibility of rebirth)
(2) ชาติกำเนิด, เชื้อชาติ, ชั้น, วงศ์วาน (descent, race, rank, genealogy)
(3) จำพวก, ชนิด (a sort of, kind of)
(4) ตามธรรมชาติ (ตรงข้ามกับของที่ตกแต่งขึ้น); แท้จริง, บริสุทธิ์, วิเศษ (ตรงกันขามกับปนเจือ เลว) (by birth or nature, natural [opp. artificial]; genuine, pure, excellent [opp. adulterated, inferior])
ในภาษาไทย “ชาติ” อ่านว่า ชาด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ –
(1) การเกิด, กำเนิด, มักใช้ว่า ชาติเกิด หรือ ชาติกำเนิด เช่น ถ้าทำไม่ดีก็เสียชาติเกิด,
(2) ความมีชีวิตอยู่ตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น สบายทั้งชาติ.
(3) เหล่ากอ, เทือกเถา, เผ่าพันธุ์, เช่น ชาตินักรบ ชาติไพร่.
(4) ประเทศ เช่น รู้คุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์.
(5) ประชาชนที่เป็นพลเมืองของประเทศ; ประชาชาติ ก็ว่า.
(6) กลุ่มชนที่มีความรู้สึกในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอย่างเดียวกัน หรืออยู่ในปกครองรัฐบาลเดียวกัน.
(7) ชนิด, จําพวก, ชั้น, หมู่.
(8 ) คำเพิ่มข้างหลังของคำเดิม เมื่อเพิ่มแล้วความหมายคงเดิม เช่น รสชาติ หรือหมายถึงพวกหรือหมู่ เช่น คชาชาติ มนุษยชาติ.
ในที่นี้ “ชาติ” ใช้ในความหมายตามข้อ (1)
อนนฺต + ชาติ = อนนฺตชาติ บาลีอ่านว่า อะ-นัน-ตะ-ชา-ติ แปลว่า “การเกิดอันไม่มีที่สิ้นสุด” หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ คือวังวนแห่งทุกข์อันมีการเกิดเป็นมูลรากไม่มีวันสิ้นสุด
“อนนฺตชาติ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนันตชาติ” อ่านว่า อะ-นัน-ตะ-ชาด
ขยายความ :
คนที่ผูกพยาบาทคาดพยาเวรกัน ไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่รู้จักให้อภัยกัน คนเก่ามีคำตำหนิที่มักพูดกันว่า “นี่จะผูกใจเจ็บกันไปชั่วกัปชั่วกัลป์อนันตชาติเชียวหรือ”
คนที่เคียดแค้นกัน แช่งชักหักกระดูกกัน คำเก่าก็มักจะพูดว่า “ขอให้ตกนรกหมกไหม้ชั่วกัปชั่วกัลป์อนันตชาติเถิด”
กับอีกคำหนึ่งคือ “ขอให้ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด” หมายความว่า ขอให้ทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกตลอดไป ไม่ต้องพ้นจากนรกไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิอื่นเป็นอนันตชาติ ซึ่งย่อมมีโอกาสได้เสวยทั้งทุกข์ทั้งสุขคลุกเคล้าสลับกันไป
“ชั่วกัปชั่วกัลป์อนันตชาติ” หมายถึง ระยะเวลาที่ยาวนานนักหนาจนไม่มีที่สิ้นสุด
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ผู้ได้รับความไม่เป็นธรรม เป็นทุกข์ชาติเดียว
: แต่ผู้ก่อความไม่เป็นธรรม เป็นทุกข์ตลอดอนันตชาติ
#บาลีวันละคำ (3,862)
8-1-66
…………………………….
……………………………