คิริพพชะ (บาลีวันละคำ 3,861)
คิริพพชะ
บาลีทั้งดุ้น
ถ้าเอาแต่บ่นว่า-ไม่เห็นจะรู้เรื่อง
อ่านว่า คิ-ริบ-พะ-ชะ
แยกศัพท์เป็น คิริ + พชะ
(๑) “คิริ”
อ่านว่า คิ-ริ รากศัพท์มาจาก คิรฺ (ธาตุ = ไหลออก, คาย) + อิ ปัจจัย
: คิรฺ + อิ = คิริ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “สถานที่คายสมุนไพรออกมา” (2) “สถานที่คายน้ำและตัวยาออกมา” หมายถึง ภูเขา (a mountain)
เราไม่คุ้นกับ “คิริ” ในบาลี แต่ถ้าบอกว่า ก็ “คีรี” ที่แปลว่าภูเขาอย่างไรเล่า หลายคนจะร้องอ๋อ ในภาษาไทยใช้เป็น “คีรี” น่าจะเป็นเพราะลิ้นไทยออกเสียง “คีรี” ง่ายกว่า “คิริ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“คีรี : (คำนาม) ภูเขา. (ป., ส. คิริ).”
(๒) “พชะ”
รูปคำเดิมในบาลีเป็น “วช” อ่านว่า วะ-ชะ รากศัพท์มาจาก วชฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อ (อะ) ปัจจัย
: วชฺ + อ = วช (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ที่เป็นที่เป็นไปแห่งพวกโค” (2) “ที่เป็นที่พวกโคไปเพื่ออยู่อาศัย”
หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) แปล “วช” ว่า คอกวัว
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “วช” ว่า a cattle-fold, cow-pen (ที่เลี้ยงปศุสัตว์, คอกวัว)
คิริ + วช แปลง ว เป็น พ, ซ้อน พฺ ระหว่างศัพท์
: คิรฺ + พฺ + วช > พช = คิริพฺพช (คิ-ริบ-พะ-ชะ) แปลตามศัพท์ว่า “-มีภูเขาเป็นคอก” โดยความหมายคือ มีภูเขาล้อมรอบ
“คิริพฺพช” เขียนแบบไทยเป็น “คิริพพชะ”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
…………..
“คิริพพชะ : “[เมือง]ที่มีภูเขาเป็นคอก”, เป็นชื่อหนึ่งของเมืองราชคฤห์ ซึ่งเรียกตามลักษณะที่อยู่ในวงล้อมของภูเขา ๕ ลูก คือ ปัณฑวะ คิชฌกูฏ เวภาระ อิสิคิลิ และเวปุลละ.”
…………..
ขยายความ :
คัมภีร์ปปัญจสูทนี ภาค 1 อรรถกถามัชฌิมนิกาย ตอนอธิบายอนังคณสูตฺร กล่าวถึงที่มาของชื่อ “คิริพพชะ” ไว้ดังนี้ –
…………..
ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเชติ ราชคหนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ ฯ สมนฺตโต ปน คิริปริกฺเขเปน วโช วิย สณฺฐิตตฺตา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ ฯ
ที่มา: ปปัญจสูทนี ภาค 1 หน้า 258
…………..
แปล –
ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเชติ
คำว่า ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเช มีอธิบายว่า –
ราชคหนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ
คำว่า ราชคฤห์ เป็นชื่อของนครนั้น
สมนฺตโต ปน คิริปริกฺเขเปน วโช วิย สณฺฐิตตฺตา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ
นครราชคฤห์คนเรียกกันว่า คิริพพชะ เพราะมีภูเขาตั้งล้อมอยู่โดยรอบเหมือนคอก
…………..
คัมภีร์ปรมัตถโชติกา ภาค 2 อรรถกถาสุตตนิบาต ตอนอธิบายปัพพชาสูตฺร กล่าวถึงที่มาของชื่อ “คิริพพชะ” ไว้ดังนี้ –
…………..
คิริพฺพชนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส นามํ ฯ ตํ หิ ปณฺฑวคิชฺฌกูฏเวภารอิสิคิลิเวปุลฺลนามกานํ ปญฺจนฺนํ คิรีนํ มชฺเฌ วโช วิย ฐิตํ ฯ ตสฺมา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ ฯ
ที่มา: ปรมัตถโชติกา ภาค 2 อรรถกถาสุตตนิบาต หน้า 272
…………..
แปล –
คิริพฺพชนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส นามํ
คำว่า คิริพพชะ นี้เล่าก็เป็นชื่อของนครนั้น
ตํ หิ ปณฺฑวคิชฺฌกูฏเวภารอิสิคิลิเวปุลฺลนามกานํ ปญฺจนฺนํ คิรีนํ มชฺเฌ วโช วิย ฐิตํ
นครนั้นตั้งอยู่ในท่ามกลางภูเขา 5 ลูก อันได้นามว่า ปัณฑวะ 1 คิชฌกูฏ 1 เวภาระ 1 อิสิคิลิ 1 เวปุลละ 1 เหมือนเป็นคอก
ตสฺมา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ
เพราะฉะนั้น จึงเรียกกันว่า คิริพพชะ (เมืองที่มีภูเขาเป็นคอก)
…………..
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ที่คำว่า “วช” ได้ยกตัวอย่างคำว่า “คิริพฺพช” (คิริ + วช) บอกความหมายว่าไว้ว่า a [cattle or sheep] run on the mountain (สถานที่ปล่อยให้ [ปศุสัตว์หรือฝูงแกะ] กินหญ้าอยู่บนภูเขา)
ส่วนที่คำว่า “คิริ” พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ได้ยกคำว่า “คิริพฺพช” มาอธิบายเป็นความเห็นหลายอย่าง ขอนำต้นฉบับมาเสนอไว้ในที่นี้เพื่อประกอบการศึกษา
คำแปลภาษาไทยนำมาจากพจนานุกรมบาลี-ไทย-อังกฤษ ฉบับภูมิพโลภิกขุ ซึ่งใช้ พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ เป็นต้นฉบับ
…………..
Giribbaja:
[Etym. uncertain, according to Morris J.P.T.S. 1884, 79 to vaja “a pen,” cp. Marāthī vraja “a station of cowherds,” Hindi vraja “a cow — pen”; the Vedic giribhraj˚ (RV. x.68. 1) “aus Bergen hervorbrechend” (Roth) suggests relation to bhraj, to break=bhañj=Lat. frango]
คิริพฺพช:
[นิรุกติไม่แน่นอน, ตาม Morris J.P.T.S. 1884,79 วช “คอกสัตว์”, เทียบภาษามารถี วฺรช “สถานที่พักของคนเลี้ยงโค” ภาษาฮินดี วฺรช “คอกวัว”; ภาษาพระเวท คิริภฺรช “aus Bergen hervorbrechend” (Roth) ให้ความเห็นว่าเกี่ยวข้องกับ ภฺรชฺ, หัก = ภญฺชฺ = Lat. frango]
= giriguhā, a mountain cave or gorge, serving as shelter & hiding place J iii.479 (trsl. by Morris loc. cit. a hill — run, a cattle — run on the hills); v.260 (sīhassa, a lion’s abode) expld as kañcanaguhā ibid. (for kandara — guhā? cp. Kern, Toev. p. 130). S ii.185. Also N. for Rājagaha Sn 408; Dpvs v.5; in its Sk. form Girivraja, which Beal, Buddh. Records ii.149 expls as “the hill — surrounded,”
= คิริคุหา, ซอกเขาหรือถ้ำ ซึ่งเป็นที่กำบัง, สถานที่ซ่อนเร้น (Morris ตามที่อ้างมาแล้ว แปลเป็นทุ่งหญ้าบนเขา, เนินเขา, ที่เลี้ยงสัตว์บนภูเขา); (สีหสฺส, ที่อยู่ของราชสีห์) อธิบายเป็น กญฺจนคุหา (แทน กนฺทร-คุหา? เทียบ Kern, Toev. น.130). เป็นชื่อเรียกเมืองราชคฤห์ด้วย ในรูปสันสกฤตเป็น คิริวฺรช, ซึ่ง Beal, Buddh. Records 2/149 อธิบายเป็น “ภูเขาล้อมรอบ”
…………..
ความในใจ :
ที่ยกพจนานุกรมฝรั่งมาแสดงนี้ไม่ได้แปลว่าเก่งภาษาอังกฤษหรือต้องการจะอวดรู้ แต่ต้องการจะจุดประกายให้นักเรียนบาลีของไทยเราเกิดความคิด
ฝรั่งเรียนบาลีทีหลังเรา แต่เขาเรียนเพื่อเอาความรู้ไปค้นคว้าศึกษาคัมภีร์ เขาจึงค้นคว้าได้กว้างและได้มากกว่าเรา
ไทยเราแรกเริ่มก็เรียนบาลีเพื่อเอาความรู้ไปค้นคว้าศึกษาคัมภีร์เช่นกัน แต่เมื่อเกิดค่านิยมให้ศักดิ์และสิทธิ์แก่ผู้สอบได้ เป้าหมายการเรียนบาลีของเราก็เบี่ยงเบนไป มุ่งไปที่สอบได้ เมื่อได้ศักดิ์และสิทธิ์แล้วก็หยุดอยู่เพียงนั้น หาได้เอาความรู้ไปค้นคว้าศึกษาคัมภีร์ต่อไปอีกไม่
การเรียนบาลีเช่นนี้จะเรียกว่า “เรียนบาลีแบบยอดด้วน” ก็คงไม่ผิด
ปัจจุบัน นักเรียนบาลีของเราเรียนคัมภีร์เพียง 5 คัมภีร์ ทั้ง 5 คัมภีร์ไม่ใช่คัมภีร์ชันพระไตรปิฎก จึงปรากฏว่าคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ฯลฯ อีกนับร้อยคัมภีร์ถูกปล่อยไว้เฉยๆ ไม่มีนักเรียนบาลีเข้าไปค้นคว้าศึกษา …
ผู้เขียนบาลีวันละคำขออนุโมทนากับท่านที่ส่งเสริมสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรเรียนบาลีด้วยประการต่างๆ
ผู้เขียนบาลีวันละคำจะขออนุโมทนาอย่างยิ่ง-หากจะมีท่านผู้ใดใครผู้หนึ่งคิดจะส่งเสริมสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรที่เรียนบาลีเอาความรู้บาลีไปค้นคว้าศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา ฯลฯ ต่อไปอีก หากไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไร จะอ้างว่า-เหมือนที่ฝรั่งเขาทำ-ก็ได้
การส่งเสริมสนับสนุนดังว่านี้ไม่เป็นการขัดข้องหรือขัดขวางต่อการเรียนบาลีแบบที่กำลังเป็นอยู่นี้แต่ประการใดเลย ตรงกันข้าม กลับเป็นการส่งเสริมเพิ่มพูนให้การเรียนบาลีสมบูรณ์บริบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะเป็นการ “ต่อยอดบาลี” ที่ “ด้วน” อยู่ให้เกิดมียอดงอกงามบริบูรณ์ขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
และการส่งเสริมสนับสนุนเช่นนี้แลคือการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้มีรากฐานมั่นคงยั่งยืนไปชั่วกาลนาน เป็นยอดมหากุศลมีอานิสงส์ไพศาลสุดที่จะพรรณนา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าไทยยังเรียนบาลีกันแบบวันนี้
: วันหนึ่งฝรั่งจะมาสอนบาลีให้พระไทย
#บาลีวันละคำ (3,861)
07-01-66
…………………………….
……………………………