นาสังสิโม (บาลีวันละคำ 3,887)
นาสังสิโม
แปลว่าอะไร เป็นภาษาอะไร
มีข้อความเป็นภาษาบาลี หรือมีคำที่เป็นภาษาบาลีอยู่มาก เรียกกันว่า “คาถาเงินล้าน” นิยมท่องบ่นและเผยแพร่กันอยู่ทั่วไป คำขึ้นต้นว่า “สัมปจิตฉามิ นาสังสิโม …”
มีผู้ถามว่า “นาสังสิโม” แปลว่าอะไร?
“นาสังสิโม” ถ้าเขียนตามรูปคำบาลีก็จะเป็น “นาสงฺสิโม” หรืออาจสะกดอีกแบบหนึ่งเป็น “นาสํสิโม” อ่านว่า นา-สัง-สิ-โม
เท่าที่ตาเห็น “นาสงฺสิโม” หรือ “นาสํสิโม” เหมือนกับว่ารูปคำเดิมเป็น “นาสงฺสิม” หรือ “นาสํสิม” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) ปุงลิงค์ เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “นาสงฺสิโม” หรือ “นาสํสิโม”
ผู้เขียนบาลีวันละคำตรวจดูในคัมภีร์แล้ว ไม่พบคำที่สะกด “นาสงฺสิโม” หรือ “นาสํสิโม”
รูปศัพท์ “นาสงฺสิม” หรือ “นาสํสิม” ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าควรจะมาจากรากศัพท์แบบไหน
ถ้าจะลองพยายามช่วยให้พอมองเห็นรูปศัพท์ ก็แยกศัพท์ออกเป็น น + อาสํส + อิม ปัจจัย
คำหลักคือ “อาสํส” อ่านว่า อา-สัง-สะ แปลว่า มีความหวัง, คิดจะได้บางสิ่งบางอย่าง, อยากได้ (hoping, expecting something, longing for)
“น” (นะ) เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ ในที่นี้ไม่ได้สมาสกับ “อาสํส” เพราะถ้าสมาสเป็นคำเดียวกัน รูปคำจะต้องเป็น “อนาสํสิม” (แปลง น เป็น อน (อะ-นะ) เพราะศัพท์หลังขึ้นต้นด้วยสระ) แต่เมื่อรูปศัพท์เป็น “นาสํสิม” ก็หมายความว่า น + (สนธิกับ) อาสํส = นาสํส + อิม = นาสํสิม นั่นคือ “น” ไม่ได้ปฏิเสธ “อาสํส” แต่ปฏิเสธคำอื่น
ถ้าจะ “หลับหูหลับตา” แปล “นาสํสิโม” ก็พอแปลได้ว่า –
“(อหํ = อันว่าข้าพเจ้า)
“อาสํสิโม” = เป็นผู้มีความหวัง
(โหมิ = ย่อมเป็น)
“น” = หามิได้
แปลเอาความว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความหวัง”
โปรดทราบว่า นี่เป็นการเดาทั้งสิ้น กรุณาอย่านำไปอ้างอิงว่า ผู้เขียนบาลีวันละคำแปลว่าอย่างนี้ๆ
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอย้ำว่า “นาสังสิโม” ไม่ได้แปลอย่างนี้ๆ ที่ว่ามานี้เป็นการเดาทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีทางจะรู้ได้ว่าเจ้าของต้นฉบับคาถาเงินล้านมีเจตนาจะให้แปลว่าอย่างไร
อันที่จริงควรจะต้องบอกกันว่า “นาสังสิโม” เป็นภาษาอะไรก็ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยซ้ำไป ดูรูปคำคล้ายกับภาษาบาลี แต่แปลว่าอะไรไม่มีทางรู้ได้
ที่ว่ามานี้ก็เพราะมีผู้ถาม จึงต้องตอบไปตามความเข้าใจพอเป็นทางดำริ เพราะฉะนั้น ถ้าลบข้อความที่เขียนมาออกทั้งหมด ถามใหม่ว่า “นาสังสิโม” แปลว่าอะไร?
ตอบว่า ไม่ทราบ
ความคิดเห็น :
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอเสนอแนวคิดว่า (1) เจ้าของคาถา (2) สำนักที่เป็นแหล่งที่มาของคาถา (3) ผู้ที่เอาคาถามาเผยแพร่เพื่อให้นับถือเลื่อมใส (4) ผู้ที่นับถือเลื่อมใสคาถา ทั้งหมดนี้ ควรเป็นผู้รับผิดชอบในการตอบคำถาม ด้วยการศึกษาค้นคว้าว่า ถ้อยคำทั้งหมดที่ประกอบเข้าเป็นคาถานั้นเป็นภาษาอะไร แปลว่าอะไร ถ้าศึกษาต่อไปด้วยว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเป็นคำสอนของใคร ก็จะเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น
เวลานี้กล่าวได้ว่า บรรดาคาถาที่เผยแพร่กันทั่วไปนั้น –
(1) แปลให้ถูกต้องบริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนไม่ได้ คำนี้แปลได้ คำโน้นแปลไม่ได้ เป็นอย่างนี้แทบทั้งนั้น
(2) อักขรวิธีวิปลาสเอาเป็นแบบฉบับไม่ได้
คำหนึ่งที่ผิดเห็นชัดๆ อยู่ในคาถานี้ คือคำว่า “ปะรายันติ”
ประโยคเต็มว่า “สัพเพยักขา ปะรายันติ”
คำที่ถูกต้องคือ “ปะลายันติ” เขียนแบบบาลีเป็น “ปลายนฺติ” –ลา– ล ลิง ไม่ใช่ –รา– ร เรือ (สัพเพยักขา ก็เขียนผิด ที่ถูกต้องแยกเป็น 2 คำ คือ สัพเพ / ยักขา)
“ปลายนฺติ” แปลว่า “ย่อมหนีไป”
“ปะรายันติ” ไม่รู้จะแปลว่าอย่างไร
“สัพเพ ยักขา ปะลายันติ” แปลว่า “ยักษ์ทั้งหมดย่อมหนีไป”
นี่เป็นข้อพิสูจน์ชัดๆ ว่า เขียนกันไป คัดลอกกันไป พิมพ์เผยแพร่กันไป โดยไม่ได้ตรวจสอบเทียบทานใดๆ คำผิดก็คงผิดอยู่เช่นนั้น และแพร่หลายมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อเผยแพร่ออกมาแล้วไม่มีใครตรวจสอบเทียบทานว่าผิดถูกเป็นอย่างไร ท่องกันไป คัดลอกต่อๆ กันไป และเอาไปพิมพ์เผยแพร่ต่อไปอีก เมื่อเป็นเช่นนี้มากเข้าก็กลายเป็นข้ออ้างไปในตัว – “ที่ไหนๆ เขาก็เขียนอย่างนี้กันทั้งนั้นแหละ” ใครมาบอกแก้หรือทักท้วงเข้า อาจกลายเป็นฝ่ายผิดไปเสียเอง
คนเรียนบาลีก็เรียนไป
คนเผยแพร่คำผิดก็เผยแพร่ไป
ไม่มีใครเอาเป็นธุระ เอาใจใส่ แก้ไขใดๆ ทั้งๆ ที่เราสนับสนุนส่งเสริมการเรียนบาลีกันอึกทึกครึกโครม
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มีศรัทธาเป็นเรื่องที่ควรอนุโมทนา
: แต่ควรมีปัญญารู้ด้วยว่ากำลังศรัทธาอะไร
————————-
หมายเหตุ: ภาพประกอบ เผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น
#บาลีวันละคำ (3,887)
02-02-66
…………………………….
…………………………….