รูปัปปมาณิกา (บาลีวันละคำ 3,947)
รูปัปปมาณิกา
1 ในปมาณิกา 4
…………..
เหตุจูงใจคนให้ศรัทธาเลื่อมใสมี 4 อย่างคือ –
(1) รูปร่างหน้าตา ผู้ศรัทธาเลื่อมใสกลุ่มนี้เรียกว่า “รูปัปปมาณิกา”
(2) เสียง ผู้ศรัทธาเลื่อมใสกลุ่มนี้เรียกว่า “โฆสัปปมาณิกา”
(3) ความเคร่ง ผู้ศรัทธาเลื่อมใสกลุ่มนี้เรียกว่า “ลุขัปปมาณิกา”
(4) ธรรม ผู้ศรัทธาเลื่อมใสกลุ่มนี้เรียกว่า “ธัมมัปปมาณิกา”
…………..
“รูปัปปมาณิกา”
อ่านว่า รู-ปับ-ปะ-มา-นิ-กา ประกอบด้วยคำว่า รูป + ปมาณิกา
(๑) “รูป”
บาลีอ่านว่า รู-ปะ รากศัพท์มาจาก –
(1) รูปฺ (ธาตุ = ประกาศ) + อ (อะ) ปัจจัย
: รูปฺ + อ = รูป แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ประกาศสภาพของตน”
(2) รุปฺ (ธาตุ = เสื่อม, ทรุดโทรม) + อ (อะ) ปัจจัย, ทีฆะ อุ ที่ รุ-(ปฺ) เป็น อู (รุปฺ > รูป)
: รุปฺ + อ = รุป > รูป แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ต้องเสื่อมไป”
“รูป” (นปุงสกลิงค์) ในบาลีหมายถึง รูป, ทรวดทรง, รูปร่างหรือรูปพรรณสัณฐาน, หลักการเกี่ยวกับรูป ฯลฯ (form, figure, appearance, principle of form, etc.)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “รูป”ในภาษาไทยไว้ดังนี้ –
(1) : (คำนาม) สิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตา เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ, ร่าง เช่น โครงรูป, ร่างกาย เช่น รูปตัวคน รูปตัวสัตว์, เค้าโครง เช่น ขึ้นรูป, แบบ เช่น รูปสามเหลี่ยม รูปรี รูปไข่ (ป., ส.).
(2) : (คำนาม) ลักษณนามใช้เรียกพระภิกษุสามเณร เช่น พระรูปหนึ่ง สามเณร ๒ รูป.
(3) : (คำสรรพนาม) คำใช้แทนตัวผู้พูด สำหรับพระภิกษุสามเณรพูดกับคฤหัสถ์, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
(๒) “ปมาณิกา”
รูปคำเดิมเป็น “ปมาณิก” อ่านว่า ปะ-มา-นิ-กะ ประกอบขึ้นจาก ปมาณ + อิก ปัจจัย
(ก) “ปมาณ” บาลีอ่านว่า ปะ-มา-นะ รากศัพท์มาจาก ป (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + มา (ธาตุ = นับ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง น เป็น ณ
: ป + มา = ปมา + ยุ > อน = ปมาน > ปมาณ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การนับ” “วิธีอันเขานับ”
“ปมาณ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) เครื่องวัด, ขนาด, จำนวน (measure, size, amount)
(2) เครื่องวัดเวลา, เข็มทิศ, ความยาว, ระยะเวลา (measure of time, compass, length, duration)
(3) อายุ = “โลกิยลักษณะ” (age = “worldly characteristic”)
(4) ขอบเขต (limit)
(5) มาตรฐาน, บทนิยาม, คำบรรยายลักษณะ, มิติ (standard, definition, description, dimension)
บาลี “ปมาณ” สันสกฤตเป็น “ปฺรมาณ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ปฺรมาณ : (คำนาม) ‘ประมาณ,’ มูล, เหตุ; เขตต์; พิสูจน์, หลักฐาน, อธิการหรือศักติ์; ปริมาณ, กำหนดมากน้อย; เวทหรือธรรมศาสตร์; ผู้กล่าวความจริง; นามพระวิษณุ; cause, motive; limit; proof, testimony, authority; measure, quantity; a scripture or work of sacred authority; speaker of the truth; a title of Vishṇu; – ค. นิตย์, นิรันดร; มุขย์, มหัตหรือมหันต์; eternal; principal, capital.”
บาลี “ปมาณ” ในภาษาไทยใช้เป็น “ประมาณ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ประมาณ : (คำกริยา) กะหรือคะเนให้ใกล้เคียงจำนวนจริงหรือให้พอเหมาะพอควร เช่น เขาประมาณราคาค่าก่อสร้างบ้านไว้ ๓ ล้านบาท. (คำวิเศษณ์) ราว ๆ เช่น ประมาณ ๓-๔ เดือน. (ส. ปฺรมาณ; ป. ปมาณ).”
พจนานุกรมฯ ไม่ได้เก็บคำว่า “ปมาณ” ไว้ เป็นอันว่าคำนี้ภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “ประมาณ”
ในที่นี้ใช้ตามรูปบาลีเป็น “ปมาณ”
(ข) ปมาณ + อิก ปัจจัย
: ปมาณ + อิก = ปมาณิก (ปะ-มา-นิ-กะ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ถือเอา-เป็นประมาณ” = ผู้ยึดถือเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเกณฑ์
รูป + ปมาณิก ซ้อน ปฺ ระหว่างศัพท์
: รูป + ปฺ + ปมาณิก = รูปปฺปมาณิก (รู-ปับ-ปะ-มา-นิ-กะ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ถือเอารูปเป็นประมาณ” หมายถึง ผู้ถือเอารูปร่างหน้าตาของบุคคลหรือรูปลักษณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเกณฑ์ที่ตนจะศรัทธาเลื่อมใสหรือนิยมชมชอบเป็นต้น
“รูปปฺปมาณิก” ใช้เป็นคำขยาย (วิเสสนะ) ของ “ปุคฺคลา” ซึ่งเป็นปุงลิงค์ แจกด้วยปฐมาวิภัตติ พหุวจนะ จึงเปลี่ยนรูปเป็น “รูปปฺปมาณิกา”
“รูปปฺปมาณิกา” เขียนแบบไทยเป็น “รูปัปปมาณิกา” อ่านว่า รู-ปับ-ปะ-มา-นิ-กา
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “รูปัปปมาณิกา” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
รูปัปปมาณิกา : ผู้ถือรูปเป็นประมาณ คือพอใจในรูป ชอบรูปร่างสวยสง่างาม ผิวพรรณหมดจดผ่องใส เป็นต้น
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [158] ประมาณ หรือ ปมาณิก 4 (บุคคลที่ถือประมาณต่างๆ กัน, คนในโลกผู้ถือเอาคุณสมบัติต่างๆ กัน เป็นเครื่องวัดในการที่จะเกิดความเชื่อความเลื่อมใส — Pamāṇa, Pamāṇika: those who measure, judge or take standard) ข้อ 1 ใช้คำว่า “รูปประมาณ” อธิบายไว้ดังนี้ –
…………..
1. รูปประมาณ (ผู้ถือประมาณในรูป, บุคคลที่มองเห็นรูปร่างสวยงาม ทรวดทรงดี อวัยวะสมส่วน ท่าทางสง่า สมบูรณ์พร้อม จึงชอบใจเลื่อมใสน้อมใจที่จะเชื่อถือ — Rūpa-pamāṇa: one who measures by form or outward appearance; one whose faith depends on
good appearance)
…………
…………
ในชั้นอรรถกถา นิยมเรียกบุคคล 4 ประเภทนี้ว่า รูปัปปมาณิกา โฆสัปปมาณิกา ลูขัปปมาณิกา และ ธัมมัปปมาณิกา ตามลำดับ
…………..
แถม :
เหตุจูงใจคนให้ศรัทธาเลื่อมใสทั้ง 4 อย่าง คนเราเลื่อมใสเพราะเหตุข้อไหนมากกว่ากัน ท่านแสดงอัตราส่วนไว้ดังนี้ –
เลื่อมใสรูปร่างหน้าตา 2 ใน 3
เลื่อมใสเสียง 4 ใน 5
เลื่อมใสความเคร่ง 9 ใน 10
เลื่อมใสธรรม 1 ใน 100,000
ข้อความตามต้นฉบับที่ท่านแสดงไว้เป็นดังนี้ –
…………..
สพฺพสตฺเต จ ตโย โกฏฺฐาเส กตฺวา เทฺว โกฏฺฐาสา รูปปฺปมาณา เอโก น รูปปฺปมาโณ ฯ
แบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นสามส่วน สองส่วนถือรูปเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือรูปเป็นประมาณ
ปญฺจ โกฏฺฐาเส กตฺวา จตฺตาโร โกฏฺฐาสา โฆสปฺปมาณา เอโก น โฆสปฺปมาโณ ฯ
แบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นห้าส่วน สี่ส่วนถือเสียงเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือเสียงเป็นประมาณ
ทส โกฏฺฐาเส กตฺวา นว โกฏฺฐาสา ลูขปฺปมาณา เอโก น ลูขปฺปมาโณ ฯ
แบ่งสรรพสัตว์ออกเป็น ๑๐ ส่วน เก้าส่วนถือความปอนเป็นประมาณ ส่วนหนึ่งไม่ถือความปอนเป็นประมาณ
สตสหสฺสโกฏฺฐาเส ปน กตฺวา เอโก โกฏฺฐาโสว ธมฺมปฺปมาโณ เสสา น ธมฺมปฺปมาณาติ เวทิตพฺพา ฯ
แบ่งสรรพสัตว์ออกเป็นแสนส่วน ส่วนเดียวเท่านั้นถือธรรมเป็นประมาณ ที่เหลือพึงทราบว่าไม่ถือธรรมเป็นประมาณ
ที่มา: มโนรถปูรณี ภาค 2 หน้า 526 (รูปสุตตวัณณนา)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รูปงาม ยอมรับได้ว่าทุนดี
: แต่ไม่อาจการันตีว่าจะไม่ขาดทุน
#บาลีวันละคำ (3,947)
3-4-66
…………………………….
…………………………….