บาลีวันละคำ

อินทรียสังวร (บาลีวันละคำ 4,028)

อินทรียสังวร

ศัพท์วิชาการที่ควรรู้

อ่านว่า อิน-ซี-สัง-วอน

ประกอบด้วยคำว่า อินทรีย + สังวร

(๑) “อินทรีย” 

เขียนแบบบาลีเป็น “อินฺทฺริย” (มีจุดใต้ นฺ และ ทฺ) อ่านว่า อิน-เทฺรียะ รากศัพท์มาจาก อินฺท + อาคม + อิย ปัจจัย 

(ก) “อินฺท” รากศัพท์มาจาก อิทิ (ธาตุ = เป็นใหญ่ยิ่ง) ลงนิคหิตอาคมต้นธาตุ แปลงนิคหิตเป็น นฺ (อิทิ > อึทิ > อินฺทิ) + (อะ) ปัจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ (อิทิ > อิท)

: อิทิ > อึทิ (อิง-ทิ) > อินฺทิ > อินฺท + = อินฺท แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กระทำความเป็นใหญ่ยิ่ง” หมายถึง พระอินทร์, ผู้เป็นเจ้า, ผู้เป็นหัวหน้า, พระราชา, ผู้ปกครอง

(ข) : อินฺท + = อินฺทร + อิย = อินฺทริย > อินฺทฺริย (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “เป็นของพระอินทร์” (belonging to Indra) (2) “เป็นของผู้ปกครอง” (belonging to the ruler)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ไขความคำว่า “อินฺทฺริย” (ตามความเข้าใจของฝรั่ง) ไว้ดังนี้ –

(1) faculty, function (สมรรถพล = กำลังแห่งความสามารถ, การทำงาน)

(2) kind, characteristic, determinating principle, sign, mark (ชนิด, ลักษณะ, หลักที่เป็นตัวกำหนด, เครื่องแสดง, เครื่องหมาย)

(3) principle, controlling force (หลักการ, กำลังที่ควบคุม)

(4) category (ประเภท)

บาลี “อินฺทฺริย” ภาษาไทยใช้ว่า “อินทรีย์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ –

(1) ร่างกายและจิตใจ เช่น สํารวมอินทรีย์

(2) สติปัญญา เช่น อินทรีย์แก่กล้า

(3) สิ่งมีชีวิต

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกความหมายทางธรรมของ “อินทรีย์”ไว้ว่า –

…………..

อินทรีย์ : ความเป็นใหญ่, สภาพที่เป็นใหญ่ในกิจของตน, ธรรมที่เป็นเจ้าการในการทำหน้าที่อย่างหนึ่งๆ เช่น ตาเป็นใหญ่หรือเป็นเจ้าการในการเห็น หูเป็นใหญ่ในการได้ยิน วิริยะเป็นเจ้าการในการครอบงำเสียซึ่งความเกียจคร้าน เป็นต้น 

…………..

(๒) “สังวร” 

เขียนแบบบาลีเป็น “สํวร” อ่านว่า สัง-วะ-ระ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน, ดี) + วรฺ (ธาตุ = ระวัง) + (อะ) ปัจจัย

: สํ + วรฺ = สํวรฺ + = สํวร (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความระวังพร้อม” หมายถึง ความระวัง, การรั้งไว้ (restraint)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความคำว่า “สํวร” ไว้ว่า The fivefold saŋvara: sīla-, sati-, ñāṇa-, khanti-, viriya-, i. e. by virtue, mindfulness, insight, patience, effort (สังวร 5 อย่าง: สีล-, สติ-, ญาณ-, ขนฺติ-, วิริย-, คือ ศีลสังวร, สติสังวร, ญาณสังวร, ขันติสังวร, วิริยสังวร) 

บาลี “สํวร” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สังวร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

สังวร : (คำนาม) ความระวัง, ความเหนี่ยวรั้ง, ความป้องกัน. (คำกริยา) สํารวม, เหนี่ยวรั้ง, เช่น สังวรศีล สังวรธรรม, ถ้าใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส หมายความว่า ความสำรวม, ความระวัง, เช่น อินทรียสังวร จักษุสังวร ญาณสังวร ศีลสังวร, (ภาษาปาก) ให้ระวังจงดี (ผู้ใหญ่สั่งสอนเตือนสติผู้น้อย) เช่น เรื่องนี้พึงสังวรไว้ อย่าให้ผิดอีกเป็นครั้งที่ ๒. (ป., ส. สํวร).”

ขยายความแทรก :

ในคัมภีร์ท่านจำแนก “สังวร” ไว้ 5 อย่าง ขอนำข้อความจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [243] สังวร 5 ซึ่งสรุปความไว้มาแสดงดังนี้ –

…………..

สังวร 5 อย่าง คือ

1. ปาฏิโมกขสังวร สำรวมในปาฏิโมกข์ คือ รักษาสิกขาบทเคร่งครัดตามที่ทรงบัญญัติไว้ในพระปาฏิโมกข์ (Pāṭimokkha-saṃvara: restraint by the monastic code of discipline)

2. สติสังวร สำรวมด้วยสติ คือ สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้น ระวังรักษามิให้บาปอกุศลธรรมเข้าครอบงำ เมื่อเห็นรูป เป็นต้น (Sati-saṃvara: restraint by mindfulness) = อินทรียสังวร

3. ญาณสังวร สำรวมด้วยญาณ คือ ตัดกระแสกิเลสมีตัณหาเป็นต้นเสียได้ ด้วยใช้ปัญญาพิจารณา มิให้เข้ามาครอบงำจิต ตลอดถึงรู้จักพิจารณาเสพปัจจัยสี่ (Ñāṇa-saṃvara: restraint by knowledge) = ปัจจัยปัจจเวกขณ์

4. ขันติสังวร สำรวมด้วยขันติ คือ อดทนต่อหนาว ร้อน หิว กระหาย ถ้อยคำแรงร้าย และทุกขเวทนาต่างๆ ได้ ไม่แสดงความวิการ (Khanti-saṃvara: restraint by patience)

5. วิริยสังวร สำรวมด้วยความเพียร คือ พยายามขับไล่ บรรเทา กำจัดอกุศลวิตกที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปเป็นต้น ตลอดจนละมิจฉาชีพ เพียรแสวงหาปัจจัยสี่เลี้ยงชีวิตด้วยสัมมาชีพ ที่เรียกว่า อาชีวปาริสุทธิ (Viriya-saṃvara: restraint by energy) = อาชีวปาริสุทธิ.

…………..

สังวร” เป็นคุณธรรมช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด

อินฺทฺริย + สํวร = อินฺทฺริยสํวร (อิน-เทฺรียะ-สัง-วะ-ระ) แปลว่า “ความสำรวมอินทรีย์” 

อินฺทฺริยสํวร” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อินทรียสังวร” (อิน-ซี-สัง-วอน)

ขยายความ :

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “อินทรียสังวร” ไว้ดังนี้ –

…………..

อินทรียสังวร : สำรวมอินทรีย์ ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ, การรับรู้อารมณ์ทางอินทรีย์ทั้ง ๖ โดยมีสติมิให้กิเลสครอบงำใจ แต่ให้รู้ตามเป็นจริงและเกิดกุศลธรรม (ข้อ ๑ ในอปัณณกปฏิปทา ๓, ข้อ ๒ ในปาริสุทธิศีล ๔, ข้อ ๒ ในองค์แห่งภิกษุใหม่ ๕), ที่เป็นข้อ ๒ ในปาริสุทธิศีล ๔ นั้น เรียกเต็มว่า อินทรียสังวรศีล แปลว่า ศีลคือความสำรวมอินทรีย์.

…………..

อินทรียสังวร” เป็นข้อหนึ่งในหลักธรรมที่เรียกว่า “อปัณณกปฏิปทา

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [128] แสดง “อปัณณกปฏิปทา” ไว้ดังนี้ –

…………..

อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด, ปฏิปทาที่เป็นส่วนแก่นสารเนื้อแท้ ซึ่งจะนำผู้ปฏิบัติให้ถึงความเจริญงอกงามในธรรม เป็นผู้ดำเนินอยู่ในแนวทางแห่งความปลอดพ้นจากทุกข์อย่างแน่นอนไม่ผิดพลาด — Apaṇṇaka-paṭipadā: sure course; sure practice; unimpeachable path)

1. อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์ คือระวังไม่ให้บาปอกุศลธรรมครอบงำใจ เมื่อรับรู้อารมณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง 6 — Indriya-saṃvara: control of the senses)

2. โภชเนมัตตัญญุตา (ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักพิจารณารับประทานอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายใช้ทำกิจให้ชีวิตผาสุก มิใช่เพื่อสนุกสนานมัวเมา — Bhojane-mattaññutā: moderation in eating)

3. ชาคริยานุโยค (การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน คือขยันหมั่นเพียร ตื่นตัวอยู่เป็นนิตย์ ชำระจิตมิให้มีนิวรณ์ พร้อมเสมอทุกเวลาที่จะปฏิบัติกิจให้ก้าวหน้าต่อไป — Jāgariyānuyoga: practice of wakefulness)

…………..

โดยสรุป “อินทรียสังวร” ก็คือ การควบคุมใจตัวเอง

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ถ้าใจตัวเองก็ยังไว้ใจไม่ได้

: ก็อย่าพึงไว้ใจใครง่ายๆ

#บาลีวันละคำ (4,028)

23-6-66

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *