มุทิตา – นางมณโฑไม่ต้องมานะจ๊ะ (บาลีวันละคำ 4,066)
มุทิตา – นางมณโฑไม่ต้องมานะจ๊ะ
วิธีจำแบบสนุกๆ เพื่อเขียนไม่ผิด
คำว่า “มุทิตา” –ทิ– ใช้ ท ทหาร ไม่ใช่ ฑ มณโฑ
“มุทิตา” เป็นรูปคำบาลี อ่านว่า มุ-ทิ-ตา มีรากศัพท์มา 2 นัย คือ –
(1) มุทฺ (มุ-ทะ, ธาตุ = ยินดี, เบิกบาน) + อิ อาคม + ต ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: มุทฺ + อิ + ต = มุทิต + อา = มุทิตา แปลตามศัพท์ว่า “กิริยาที่ยินดี” หมายถึง ชื่นชม, ยินดี, พอใจ (pleased, glad, satisfied)
ความหมายตามนัยนี้ ถ้าเป็นคุณศัพท์ มีความหมายว่า มีใจชื่นชม, มีใจปราโมทย์, ดีใจ (with gladdened heart, pleased in mind)
(2) มุทุ (อ่อนโยน) + ตา ปัจจัย, แปลง อุ ที่ (มุ)-ทุ เป็น อิ (มุทุ > มุทิ)
: มุทุ + ตา = มุทุตา > มุทิตา แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นผู้อ่อนโยน” หมายถึง ความมีใจอ่อน, ความกรุณา, ความเห็นอกเห็นใจ (soft-heartedness, kindliness, sympathy)
ความหมายตามนัยนี้ ในทางปฏิบัติก็คือ ใครจะสุขหรือจะทุกข์ ก็รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ถ้าสุขก็พลอยยินดี ถ้าทุกข์ก็พลอยเดือดร้อนใจไปด้วย
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกความหมายของ “มุทิตา” ไว้ว่า –
…………..
มุทิตา : ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี, เห็นผู้อื่นอยู่ดีมีสุข ก็แช่มชื่นเบิกบานใจด้วย เห็นเขาประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป ก็พลอยยินดีบันเทิงใจ พร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุน ไม่กีดกันริษยา; ธรรมตรงข้ามคือ อิสสา (ข้อ ๓ ในพรหมวิหาร ๔).
…………..
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มุทิตา : (คำนาม) ความมีจิตพลอยยินดีในลาภยศสรรเสริญสุขของผู้อื่น เป็น ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา. (ป.).”
ขยายความ :
“มุทิตา” เป็นธรรมข้อที่ 3 ในพรหมวิหาร 4
พึงทราบความหมายของพรหมวิหารทั้ง 4 ข้อ ตามที่แสดงไว้ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [161] ดังนี้ –
…………..
1. เมตตา ความรัก ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
2. กรุณา ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
3. มุทิตา ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป
4. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชู ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตน
…………..
อภิปราย :
คำว่า “มุทิตา” (-ทิ– ท ทหาร) นี้ ยังมีคนชอบเขียนผิดเป็น “มุฑิตา” (-ฑิ– ฑ มณโฑ) กันอยู่ทั่วไป แบบ-ไม่ยอมรับรู้อะไร ไม่อ่าน ไม่ฟังคำอธิบายชี้แจงใดๆ ยึดความเข้าใจของตัวเองเป็นเกณฑ์
ไม่ทราบว่าไปเอาความเข้าใจผิดๆ มาจากไหนว่า มุทิตา ใช้ ฑ มณโฑ
อาจจะอ้างว่า ก็-เห็นใครๆ เขาเขียนกันอย่างนี้ คือเห็นใครๆ เขาสะกดเป็น “มุฑิตา” (-ฑิ– ฑ มณโฑ)
ส่วนที่ใครๆ เขาเขียนถูก สะกดถูกเป็น “มุทิตา” (-ทิ– ท ทหาร) มีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง กลับมองไม่เห็น ไม่เอาไปเป็นตัวอย่าง
สะกดถูก ไม่เอาไปอ้างเป็นตัวอย่าง
สะกดผิด กลับเอาไปอ้างเป็นตัวอย่าง
ชอบกลแท้ๆ
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอเสนอแนะว่า ทุกครั้งที่จะเขียนคำว่า “มุทิตา” ให้ท่องออกมาว่า “มุทิตา – นางมณโฑไม่ต้องมานะจ๊ะ”
หรือจะท่องไว้เสมอๆ ให้ติดปากได้ก็ยิ่งดี เขียนทุกทีจะได้ไม่ผิด
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เขียนผิดก็มีมุทิตาได้
: แต่มีมุทิตาด้วย เขียนถูกด้วย ดีกว่านะจ๊ะ
#บาลีวันละคำ (4,066)
31-7-66
…………………………….
…………………………….