ปีติ กับ ปิศาจ (บาลีวันละคำ 4,092)
ปีติ กับ ปิศาจ
คิดไปก็ประหลาดในภาษาไทย
(๑) “ปีติ”
เป็นรูปคำบาลี อ่านว่า ปี-ติ รากศัพท์มาจาก ปี (ธาตุ = ยินดี, ชอบใจ) + ติ ปัจจัย
: ปี + ติ = ปีติ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “กิริยาที่ยินดี”
หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) แปล “ปีติ” ว่า ความยินดี, ความอิ่มใจ, ความเบิกบานใจ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ปีติ” ว่า emotion of joy, delight, zest, exuberance (ความรู้สึกยินดี, ความอิ่มใจ, ความปราโมทย์, ความซาบซ่านหรือดื่มด่ำ)
บาลี “ปีติ” สันสกฤตเป็น “ปฺรีติ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ปฺรีติ : (คำนาม) ‘ปรีติ’ ความยินดี, ความปราโมท, ความสุข; ความรัก, ความเสน่หา, ความนับถือ, วธูของกามเทพ; นักษัตรโยคที่สองในจำนวนยี่สิบเจ็ด; joy, pleasure, happiness; love, affection, regard; the wife of Kāmadeva or Cupid; the second of the twenty-seven astronomical yogas.”
ภาษาไทยใช้ตามรูปบบาลีเป็น “ปีติ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ปีติ : (คำนาม) ความปลาบปลื้มใจ, ความอิ่มใจ. (ป.; ส. ปฺรีติ).”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกความหมายของ “ปีติ” ไว้ว่า –
…………..
ปีติ : ความอิ่มใจ, ความดื่มด่ำในใจ มี ๕ คือ ๑. ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อยพอขนชันน้ำตาไหล ๒. ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะรู้สึกแปลบๆ ดุจฟ้าแลบ ๓. โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอกรู้สึกซู่ลงมาๆ ดุจคลื่นซัดฝั่ง ๔. อุพเพคาปีติ ปีติโลดลอย ให้ใจฟู ตัวเบาหรืออุทานออกมา ๕. ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน เอิบอาบไปทั่วสรรพางค์ เป็นของประกอบกับสมาธิ (ข้อ ๔ ใน โพชฌงค์ ๗)
…………..
(๒) “ปิศาจ”
เป็นรูปคำสันสกฤต บาลีเป็น “ปิสาจ” อ่านว่า ปิ-สา-จะ รากศัพท์มาจาก ปิสิต (ปิ-สิ-ตะ = เนื้อสัตว์) + อสฺ (ธาตุ = กิน) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง ปิสิต เป็น ปิ, แปลง อสฺ เป็น สาจ
: ปิสิต > ปิ + อสฺ > สาจฺ : ปิ + สาจฺ + อ = ปิสาจ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กินเนื้อ” หมายถึง มาร, ปีศาจ, ผี (a demon, goblin, sprite, ghost)
บาลี “ปิสาจ” สันสกฤตเป็น “ปิศาจ” (สันสกฤต ศ ศาลา บาลี ส เสือ)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“ปิศาจ : (คำนาม) ผี, เวตาล; นางผี; a fiend, a sprite or ghost; a female imp, a she-demon.”
ภาษาไทยใช้ ศ ศาลา ตามสันสกฤต พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) “ปิศาจ : (คำนาม) ผี, ลักษณนามว่า ตน, ปีศาจ ก็ว่า. (ส.; ป. ปิสาจ).”
(2) ปีศาจ : (คำนาม) ผี, ลักษณนามว่า ตน, ปิศาจ ก็ว่า. (ส.; ป. ปิสาจ).
อภิปรายขยายความ :
“ปีติ” กับ “ปิศาจ” เป็นคำที่ประหลาดในภาษาไทย
ประหลาดข้อแรก คือ คำว่า “ปีติ” ทั้งบาลีและสันสกฤตเป็นรูปเดียวกัน คือ พยางค์ต้น ปี– สระ อี เสียงเดียวกับคำไทยว่า เดือนปี
แต่คนไทยส่วนมากเมื่อเขียนคำนี้ จะสะกดเป็น “ปิติ” ปิ- สระ อิ
ปิ- เหมือนคำไทยว่า กะปิ
โปรดทราบว่า
ปีติ ปี– (เดือนปี) สระ อี ถูก ✔
ปิติ ปิ- (กะปิ) สระ อิ ผิด ✘
ประหลาดข้อที่สอง คือ คำว่า “ปิสาจ” ทั้งบาลีและสันสกฤต พยางค์ต้นเป็นรูปเดียวกัน คือ ปิ– สระ อิ เสียงเดียวกับคำไทยว่า กะปิ
แต่คนไทยส่วนมากเมื่อเขียนคำนี้ จะสะกดเป็น “ปีสาจ” ปี- สระ อี
ปี- เหมือนคำไทยว่า เดือนปี
สรุปความประหลาดก็คือ :
บาลี ปี– (ปีติ) เอาไปเขียนเป็น ปิ-
บาลี ปิ– (ปิสาจ) เอาไปเขียนเป็น ปี-
มีผู้เสนอทฤษฎีว่า จะสะกดอย่างไร สระอิหรือสระอี น หนู หรือ ณ เณร ศ ศาลา หรือ ส เสือ สระไอ ไม้ม้วนหรือไม้มลาย สถิต จะมี ย การันต์หรือไม่มี มรณภาพ สะกดเป็น มรณะภาพ ฯลฯ ไม่ต้องไปใส่ใจว่าพจนานุกรมสะกดอย่างไร มีใช้หรือไม่ ภาษาไม่มีผิดไม่มีถูก ข้อสำคัญอยู่ที่จับสาระที่ต้องการสื่อสารให้ได้ แล้วเอาสาระนั้นไปใช้-เท่านี้พอแล้ว
ความจริง ทฤษฎีนี้ไม่ใช่ทฤษฎีใหม่ แต่เป็นทฤษฎีโบราณ-โบราณมาก คนโบราณท่านใช้วิธีสะกดคำแบบนี้ ใครที่เคยอ่านสมุดข่อยใบลานเอกสารเก่าแก่ย่อมจะยืนยันได้
เราผ่านยุคสมัยนั้น จนสามารถสร้างสรรค์พจนานุกรม-ระเบียบแห่งการใช้ถ้อยคำให้ลงรอยเดียวกัน-ไว้เป็นสมบัติวัฒนธรรมของชาติไทย เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศได้แล้ว
จะเดินหน้า ถอยหลัง หรือหยุดอยู่กับที่ – อาจไม่มีถูกไม่มีผิด
แต่ต้องคิดให้รอบคอบ
…………..
ดูก่อนภราดา!
โปรดอ่านข้อความข้างล่างนี้
แล้วนำเอาสาระไปใช้
อย่าใส่ใจสะกดการันต์
: ยานีกินกไดทากได
: ไชนำตาลิงนำพิงกได
#บาลีวันละคำ (4,092)
26-8-66
…………………………….
…………………………….