นะโม ตัสสะ (บาลีวันละคำ 4,096)
นะโม ตัสสะ
ไม่ใช่ นะโมตัสสะ
ต่างกันตรงไหน?
เป็นคำบาลี 2 คำ คือ “นะโม” คำหนึ่ง “ตัสสะ” คำหนึ่ง
(๑) “นะโม”
เขียนแบบบาลีเป็น “นโม” อ่านว่า นะ-โม รูปคำเดิมเป็น “นม” (นะ-มะ) รากศัพท์มาจาก นมฺ (ธาตุ = นอบน้อม) + อ (อะ) ปัจจัย
: นมฺ + อ = นม แปลว่า การนอบไหว้, ความนอบน้อม, ความเคารพ (homage, veneration)
หลักความรู้ทางไวยากรณ์ :
คำว่า “นโม” ในทางไวยากรณ์จัดว่าเป็นคำพิเศษ ตำราบางเล่ม (เช่น อภิธานปฺปทีปิกาฏีกา คาถาที่ 426 หน้า 298) บอกว่า เป็น อะ-การันต์ คือรูปคำเดิมเป็น “นม” (นะ-มะ) แจกด้วยวิภัตตินาม เปลี่ยนรูปเป็น “นโม” แต่ก็เป็น โอ-การันต์ด้วย คือรูปคำเดิมเป็น “นโม” อยู่แล้ว จะแจกด้วยวิภัตติหรือไม่แจกก็เป็น “นโม” อยู่นั่นเอง
รูปคำ “นโม” ปกติแปลกันว่า “อันว่าความนอบน้อม” แปลอย่างนี้บ่งว่า “นโม” เป็นปุงลิงค์ แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกพจน์
แต่ในที่บางแห่ง (เช่น คัมภีร์มโนรถปูรณี [อรรถกถาอังคุตรนิกาย] ภาค 2 หน้า 158) มีคำว่า “นโม กเรยฺย” แปลว่า “พึงทำซึ่งความนอบน้อม” กรณีเช่นนี้“นโม” ใช้เป็นทุติยาวิภัตติ
ที่ว่ามานี้เป็นหลักไวยากรณ์ ผู้ไม่มีพื้นมาก่อนฟังไว้พอเป็นแนว
“นโม” เขียนแบบคำอ่านเป็น “นะโม”
(๑) “ตัสสะ”
เขียนแบบบาลีเป็น “ตสฺส” อ่านว่า ตัด-สะ รูปศัพท์เดิมเป็น “ต” (ตะ) เป็นศัพท์จำพวก “สัพพนาม”
“สัพพนาม” (สรรพนาม) ในบาลีมี 2 ประเภท คือ –
(1) “ปุริสสัพพนาม” (ปุริสสรรพนาม) คือคำแทนชื่อ มี 3 บุรุษ คือ –
1. ปฐมบุรุษ หมายถึงผู้ที่เราพูดถึง เช่น เขา มัน (he, she, they; it) บาลีใช้ศัพท์ว่า “ต” (ตะ) นิยมเรียก “ต-ศัพท์”
2. มัธยมบุรุษ หมายถึงผู้ที่เราพูดด้วย เช่น แก เจ้า มึง (you) บาลีใช้ศัพท์ว่า “ตุมฺห” (ตุม-หะ) นิยมเรียก “ตุมฺห-ศัพท์”
3. อุตตมบุรุษ หรือ อุดมบุรุษ หมายถึงเราซึ่งเป็นผู้พูด เช่น ฉัน ข้า กู (I, we) บาลีใช้ศัพท์ว่า “อมฺห” (อำ-หะ) นิยมเรียก “อมฺห-ศัพท์”
(2) “วิเสสนสัพพนาม” (วิเสสนสรรพนาม) คือคำคุณศัพท์ทำหน้าที่ขยายคำนาม ในบาลีมีหลายคำ เช่น ย (ใด) อญฺญ (อื่น) ปร (อื่น) กตร (คนไหน, สิ่งไหน)
ในที่นี้ “ต” เป็น “วิเสสนสัพพนาม” แปลว่า “นั้น” นิยมใช้ใน 2 ฐานะ คือ
๑ ใช้หมายถึงบุคคลสัตว์สิ่งของที่พูดถึงมาแล้วและต้องการกล่าวถึงอีกหรือต้องการย้ำว่าหมายถึงผู้นั้นตัวนั้นสิ่งนั้นแน่นอน ก็ใช้ ต-ศัพท์แทน
๒ เป็นคำที่คู่กับ “ย” (ยะ) แปลว่า “ใด” นิยมเรียกคู่กันว่า “ยะ–ตะ” มีสูตรที่นักเรียนบาลีต้องจำได้ คือ “มีใด ต้องมีนั้น” คือ ถ้าความท่อนแรกมี “ย” ความท่อนหลังต้องมี “ต” เรียกกันว่า “รับยะ รับตะ”
ในบทนะโมนี้ ต-ศัพท์ใช้ในฐานะตามข้อ ๑ คือกล่าวย้ำว่ามุ่งถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นอย่างแน่นอน
ในที่นี้คำว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้า” คำบาลีว่า “ภควโต” (ภะคะวะโต) แจกด้วยวิภัตตินามที่สี่ (จตุตถีวิภัตติ) “ต-ศัพท์” ทำหน้าที่ขยาย “ภควโต” จึงเปลี่ยนรูปเป็น “ตสฺส” ตามกฎที่ว่า คำขยาย (วิเสสนะ) ต้องประกอบลิงค์ วจนะ วิภัตติ ตามคำที่ตนขยาย
อภิปรายขยายความ :
“นะโม ตัสสะ” เป็นบทนมัสการพระพุทธเจ้า เรียกรู้กันทั่วไปว่า “บทนะโม” ข้อความเต็มๆ เป็นดังนี้ –
เขียนแบบบาลี:
……………………………………………….
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
……………………………………………….
เขียนแบบคำอ่าน:
……………………………………………….
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
……………………………………………….
แปลโดยพยัญชนะ:
……………………………………………….
นโม = อันว่าความนอบน้อม
(อตฺถุ = จงมี)
ภควโต = แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
อรหโต = ผู้เป็นพระอรหันต์ (ผู้ไกลจากกิเลส)
สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส = ผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ตสฺส = พระองค์นั้น
……………………………………………….
แปลโดยโดยอรรถ:
……………………………………………….
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
……………………………………………….
ที่ยกคำว่า “นะโม ตัสสะ” มาเขียนเป็นบาลีวันละคำ ก็เนื่องจากได้เห็นในที่หลายแห่งเขียนคำนี้ติดกันเป็น “นะโมตัสสะ”
ขอได้โปรดทราบทั่วกันว่า “นะโมตัสสะ” เขียนติดกันแบบนี้เป็นการเขียนที่ผิด เพราะ “นะโม” เป็นคำหนึ่ง “ตัสสะ” เป็นอีกคำหนึ่ง เป็นคำบาลี 2 คำ และคำบาลีนั้นเขียนแยกกันเป็นคำๆ แบบเดียวกับภาษาองกฤษ เพราะฉะนั้น คำขึ้นต้นบทนะโม จึงต้องเขียนแยกกันเป็น “นะโม ตัสสะ” ไม่ใช่ติดกันเป็น “นะโมตัสสะ”
“นะโม ตัสสะ” ถูก ✔
“นะโมตัสสะ” ผิด ✘
ผู้ที่เผยแพร่คำนี้ตามเว็บไซต์ต่างๆ ถ้าจะกรุณาลบคำที่ผิดออกไป และเอาคำที่ถูกต้องมาขึ้นไว้แทน นอกจากจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบแล้ว ยังเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สังคม นับเป็นมหากุศลอันควรแก่การอนุโมทนาอย่างยิ่ง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เขียนผิดก็ไม่ตกนรกนะจ๊ะคนสวย
: แต่ไม่ตกนรกด้วย เขียนถูกด้วย ดีกว่า
#บาลีวันละคำ (4,096)
30-8-66
…………………………….
…………………………….