รุกขมูลิกังคะ ธุดงค์ข้อที่ 9 (บาลีวันละคำ 4,118)
รุกขมูลิกังคะ ธุดงค์ข้อที่ 9
พระรุกขมูลตัวจริง
…………..
ธุดงค์มี 13 ข้อ คือ –
1. ปังสุกูลิกังคะ ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
2. เตจีวริกังคะ ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร
3. ปิณฑปาติกังคะ ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร
4. สปทานจาริกังคะ ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร
5. เอกาสนิกังคะ ถือนั่งฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร
6. ปัตตปิณฑิกังคะ ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร
7. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ถือห้ามภัตที่ถวายภายหลังเป็นวัตร
8. อารัญญิกังคะ ถืออยู่ป่าเป็นวัตร
9. รุกขมูลิกังคะ ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร
10. อัพโภกาสิกังคะ ถืออยู่ที่แจ้งเป็นวัตร
11. โสสานิกังคะ ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร
12. ยถาสันถติกังคะ ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้
13. เนสัชชิกังคะ ถือการนั่งเป็นวัตร
…………..
“รุกขมูลิกังคะ” อ่านว่า รุก-ขะ-มู-ลิ-กัง-คะ ประกอบด้วยคำว่า รุกขมูลิก + อังคะ
(๑) “รุกขมูลิก”
เขียนแบบบาลีเป็น “รุกฺขมูลิก” (มีจุดใต้ กฺ) อ่านว่า รุก-ขะ-มู-ลิ-กะ ประกอบด้วยคำว่า รุกฺข + มูล + อิก ปัจจัย
(ก) “รุกข” รากศัพท์มาจาก –
(1) รุกฺขฺ (ธาตุ = ป้องกัน, ปิดกั้น) + อ (อะ) ปัจจัย
: รุกฺข + อ = รุกฺข แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ป้องกัน” (คือป้องกันแดดได้)
(2) รุหฺ (ธาตุ = เกิด, งอกขึ้น) + ข ปัจจัย, แปลง ห เป็น กฺ (รุหฺ > รุกฺ)
: รุหฺ + ข = รุหฺข > รุกฺข แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เกิดขึ้นบนแผ่นดิน”
บาลี “รุกฺข” (ปุงลิงค์) สันสกฤตเป็น “วฺฤกฺษ” ใช้ในภาษาไทยว่า “พฤกษ” คือ ต้นไม้
(ข) “มูล” บาลีอ่านว่า มู-ละ รากศัพท์มาจาก มูลฺ (ธาตุ = ตั้งอยู่, งอกขึ้น) + อ (อะ) ปัจจัย
: มูลฺ + อ = มูล (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ที่ตั้ง” “ที่งอกขึ้น”
“มูล” ในภาษาลีมีความหมายหลายหลาก ดังนี้ :
1 รากไม้ (root)
2 โคน, ก้น (foot, bottom)
3 หลักฐาน, เหตุผล, สาเหตุ, เงื่อนไข (ground for, reason, cause, condition)
4 กำเนิด, บ่อเกิด, พื้นฐาน, รากฐาน (origin, source, foundation, root)
5 ปฐม, เริ่มแรก, ฐาน, เค้าความเดิม, เรื่องเดิม (beginning, base)
6 แก่นสาร, มูลฐาน, ค่า, เงิน, ต้นทุน, ราคา, สินจ้าง (substance, foundation, worth, money, capital, price, remuneration)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “มูล” ในภาษาไทยไว้ดังนี้ –
1 โคน เช่น รุกขมูล
2 ราก, รากเหง้า, เช่น มีโทสะเป็นมูล
3 เค้า เช่น คดีมีมูล
4 ต้น เช่น ชั้นมูล
5 มวล, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, เช่น จัดข้าวของไว้ให้โดยพร้อมมูล เตรียมเอกสารหลักฐานไว้ให้พร้อมมูล
6 อุจจาระสัตว์
7 ขี้หรือเศษของสิ่งต่าง ๆ เช่น มูลไถ = ขี้ไถ
รุกฺข + มูล = รุกฺขมูล (รุก-ขะ-มู-ละ) แปลตามศัพท์ว่า “โคนต้นไม้” (the foot of a tree)
ในภาษาบาลีนิยมแบ่งต้นไม้ออกเป็น 3 ส่วน :
– ส่วนโคน เรียกว่า “มูล” (มู-ละ)
– ส่วนลำต้น เรียกว่า “มชฺฌิม” (มัด-ชิ-มะ) หรือ “ขนฺธ” (ขัน-ทะ)
– ส่วนปลาย เรียกว่า “อุปริ” (อุ-ปะ-ริ)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“รุกขมูล : (คำนาม) โคนต้นไม้, เรียกพระที่ถือธุดงค์อยู่โคนไม้ว่า พระรุกขมูล.”
(ค) รุกฺขมูล + อิก = รุกฺขมูลิก (รุก-ขะ-มู-ลิ-กะ) แปลว่า “ผู้อยู่โคนไม้เป็นวัตร” “ผู้พักอาศัยที่โคนไม้เป็นประจำ”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความ “รุกฺขมูลิก” ไว้ดังนี้ –
(1) one who lives at the foot of a tree, an open air recluse (ผู้อยู่โคนต้นไม้, ผู้อยู่กลางแจ้ง)
(2) belonging to the practice of a recluse living under a tree “tree rootman’s practice” (เป็นวิธีปฏิบัติของนักพรตที่อาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ “การปฏิบัติกรรมฐานโดยนั่งที่โคนต้นไม้เป็นวัตร”)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “รุกขมูลิกธุดงค์” บอกไว้ว่า –
“รุกขมูลิกธุดงค์ : (คำนาม) ธุดงค์อย่าง ๑ ใน ๑๓ อย่าง ที่ภิกษุจะต้องสมาทานว่าจะอยู่โคนต้นไม้เป็นประจํา. (ป. รุกฺขมูลิกธูตงฺค).”
(๒) “อังคะ”
เขียนแบบบาลีเป็น “องฺค” อ่านว่า อัง-คะ รากศัพท์มาจาก องฺคฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป; รู้) + อ (อะ) ปัจจัย
: องฺคฺ + อ = องฺค (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ร่างที่เดินได้” (2) “เหตุเป็นเครื่องรู้ที่เกิด” (คือทำให้รู้ต้นกำเนิด) (3) “ส่วนอันเขารู้ว่าเป็นส่วนย่อย”
“องฺค” ในบาลีหมายถึง –
(1) ส่วนของร่างกาย, อวัยวะ (a constituent part of the body, a limb)
(2) ชิ้นส่วน, ส่วนประกอบ (member, part)
(3) องค์ประกอบของทั้งหมด หรือของระบบ หรือส่วนย่อยที่ประกอบเข้าเป็นส่วนใหญ่ (a constituent part of a whole or system or collection)
รุกฺขมูลิก + องฺค = รุกฺขมูลิกงฺค (รุก-ขะ-มู-ลิ-กัง-คะ) แปลว่า “องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร” หมายถึง วิธีปฏิบัติธุดงค์ว่าด้วยการพักอาศัยที่โคนไม้ ไม่อยู่ในที่มุงบัง
“รุกฺขมูลิกงฺค” ใช้ในภาษาไทยเป็น “รุกขมูลิกังคะ”
ขยายความ :
“รุกขมูลิกังคะ” เป็นธุดงค์ข้อที่ 9 ในจำนวนธุดงค์ 13 ข้อ
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายของ “ธุดงค์” และ “รุกขมูลิกังคะ” ไว้ดังนี้
…………..
(1) ธุดงค์ : องค์คุณเครื่องกำจัดกิเลส, ข้อปฏิบัติเข้มงวด ที่สมัครใจสมาทานประพฤติประจำตัว ชั่วระยะกาลสั้น หรือยาว หรือแม้ตลอดชีวิต ก็ได้ เป็นอุบายขัดเกลากิเลส ส่งเสริมความมักน้อยสันโดษ เป็นต้น มี 13 ข้อ
(2) รุกขมูลิกังคะ : องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้พักอาศัยใต้ร่มไม้ ไม่อยู่ในที่มุงบัง, คำสมาทานว่า “ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามิ” แปลว่า “ข้าพเจ้างดที่มุงบัง สมาทานองค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร” (ข้อ ๙ ใน ธุดงค์ ๑๓)
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [342] แสดง “รุกขมูลิกังคะ” ธุดงค์ข้อที่ 9 ไว้ดังนี้ –
…………..
9. รุกขมูลิกังคะ (องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร คำสมาทานว่า “ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามิ” แปลว่า “ข้าพเจ้างดที่มุงบัง สมาทานองค์แห่งผู้—” — Rukkhamūlikaṅga: tree-rootdweller’s practice)
…………..
พระแบกกลดสะพายบาตร คนสมัยนี้เรียก “พระธุดงค์” ไม่มีเค้าเงื่อนว่าการแบกกลดสะพายบาตรเป็นธุดงค์ข้อไหน
คนเก่าเรียกพระแบกกลดสะพายบาตรว่า “พระรุกขมูล” ยังพอมีเค้ามูลว่ามาจากธุดงค์ข้อ “รุกขมูลิกังคะ” นี้
หลักข้อหนึ่งใน 4 หลักแห่งการดำรงชีวิตของภิกษุที่พระอุปัชฌาย์ปฐมนิเทศให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่บวชก็คือ “รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา” ถอดความว่า “ชีวิตนักบวชในพระพุทธศาสนาอาศัยโคนไม้เป็นที่อยู่”
ในต้นพุทธกาล ภิกษุในพระพุทธศาสนาอาศัยโคนไม้เป็นที่พัก อันเป็นเครื่องแสดงให้รู้ว่าเป็นผู้สละละวางทรัพย์สินทั้งปวง แม้กระทั่งที่อยู่ก็อาศัยธรรมชาติล้วนๆ
แม้ภายหลังจะมีผู้มีศรัทธาสร้างที่พักถวายและมีพุทธานุญาตให้ภิกษุใช้สอยได้ การอยู่โคนไม้ก็ยังเป็นข้อปฏิบัติที่ถือกันว่าเป็นการขัดเกลาอัธยาศัยอย่างหนึ่ง
การถือธุดงค์ข้อ “รุกขมูลิกังคะ” ก็คือการถอยกลับไปหาวิถีชีวิตดั้งเดิมของพระ-ผู้ไม่มีบ้านเรือนนั่นเอง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: พระสมัยเก่าอยู่โคนไม้
: พระสมัยใหม่อยู่…??
#บาลีวันละคำ (4,118)
21-9-66
…………………………….
…………………………….