ยุวราชรังสฤษฎิ์ (บาลีวันละคำ 4,383)
ยุวราชรังสฤษฎิ์
อย่าสะกดผิดอยู่ร่ำไป
อ่านแบบคนรักภาษาว่า ยุ-วะ-ราด-ชะ-รัง-สะ-หฺริด
อ่านแบบคนรักง่ายว่า ยุ-วะ-ราด-รัง-สะ-หฺริด
“ยุวราชรังสฤษฎิ์” เป็นสร้อยนามพระอารามหลวง คือ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อันตั้งอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวัง หรือวังหลวง กับพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า ที่กรุงเทพมหานคร
ประกอบด้วยคำว่า ยุวราช + รังสฤษฎิ์
(๑) “ยุวราช” ประกอบด้วยคำว่า ยุว + ราช
(ก) “เยาว” บาลีเป็น “ยุว” (ยุ-วะ) รากศัพท์มาจาก ยุ (ธาตุ = ปะปน, ผสม) + อ (อะ) ปัจจัย แผลง อุ ที่ ยุ เป็น โอ แปลง โอ เป็น อุว
: ยุ > โย > ยุว + อ = ยุว แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ปะปนกัน” คือมีลักษณะผสมกันระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ หรือพ้นจากวัยเด็ก แต่ยังไม่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความหมายก็คือ คนหนุ่มคนสาว (a youth)
(ข) “ราช” บาลีอ่านว่า รา-ชะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ราชฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง) + อ (อะ) ปัจจัย
: ราชฺ + อ = ราช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รุ่งเรืองโดยยิ่งเพราะมีเดชานุภาพมาก” หมายความว่า ผู้เป็นพระราชาย่อมมีเดชานุภาพมากกว่าคนทั้งหลาย
(2) รญฺชฺ (ธาตุ = ยินดี พอใจ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ ลบ ญฺ แผลง ร เป็น รา
: รญฺชฺ + ณ = รญฺชณ > รญฺช > รช > ราช แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังคนทั้งหลายให้ยินดี” หมายความว่า เป็นผู้อำนวยความสุขให้ทวยราษฎร์ จนคนทั้งหลายร้องออกมาว่า “ราชา ราชา” (พอใจ พอใจ)
“ราช” หมายถึง พระราชา, พระเจ้าแผ่นดิน ใช้นำหน้าคำให้มีความหมายว่า เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน, เกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดิน หรือเป็นของหลวง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ราช ๑, ราช– : (คำนาม) พระเจ้าแผ่นดิน, พญา (ใช้แก่สัตว์) เช่น นาคราช คือ พญานาค สีหราช คือ พญาราชสีห์, คำนี้มักใช้ประกอบกับคำอื่น, ถ้าคำเดียวมักใช้ว่า ราชา.”
ยุว + ราช = ยุวราช (ยุ-วะ-รา-ชะ) แปลว่า “พระราชาหนุ่ม”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ยุวราช, ยุวราชา : (คำนาม) พระราชกุมารที่ได้รับอภิเษกหรือทรงรับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่จะสืบราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินต่อไป. (ป., ส.).”
(๒) “รังสฤษฎิ์” ประกอบด้วยคำว่า รัง + สฤษฎิ์
(ก) “รัง” เป็นคำไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“รัง ๓ : (คำกริยา) แต่ง, สร้าง, ตั้ง.”
(ข) “สฤษฎิ์” (-ฎิ์ ฏ ปฏัก มีการันต์) เป็นรูปคำสันสกฤต พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไม่ได้เก็บคำนี้ไว้ แต่เก็บคำที่มีรูปศัพท์เดียวกัน ดังนี้ –
“สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์ : (คำนาม) การทำ, การสร้าง, ใช้ว่า สฤษดิ์ ก็มี. (ส.).”
โปรดสังเกตการสะกดคำ –
สฤษฎิ, สฤษฎี ฎ ชฎา
สฤษฏ์ ฏ ปฏัก
รัง + สฤษฎิ์ = รังสฤษฎิ์ เป็นคำประสมแบบไทยและประสมข้ามสายพันธุ์ คือไทยประสมสันสกฤต แต่อนุโลมให้ใช้ได้ แบบเดียวกับ “ราชวัง” ก็เป็นบาลีประสมไทย เราใช้กันอยู่ แต่ทั้งนี้หมายถึงคำเก่าคำเดิมที่ท่านใช้กันมาเก่าก่อน ถ้าจะประสมขึ้นใหม่ควรประสมคำในสายพันธุ์เดียวกัน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไม่ได้เก็บคำที่สะกดเป็น “รังสฤษฎิ์” แบบนี้ แต่เก็บคำที่สะกดเป็น “รังสฤษฏ์” (ฏ ปฏัก การันต์ ไม่มีสระ อิ) บอกไว้ว่า –
“รังสฤษฏ์ : (คำกริยา) สร้าง, แต่งตั้ง.”
ยุวราช + รังสฤษฎิ์ = ยุวราชรังสฤษฎิ์ แปลว่า “(อาราม) ที่พระยุพราชสร้าง”
อภิปรายขยายความ :
มีปัญหาว่า “รังสฤษฎิ์” บาลีว่าอย่างไร?
พจนานุกรมฯ เก็บคำว่า “สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์” บอกว่าเป็นคำสันสกฤต ไม่ได้บอกว่า รูปบาลีเป็นอย่างไร
สร้อยนามวัดมหาธาตุ “รังสฤษฎิ์” ฎ ชฎา สระ อิ การันต์
เมื่อเทียบรูปศัพท์ “สฤษฎิ” ควรจะตรงกับบาลีว่า “สุติ” (สุ-ติ) รากศัพท์มาจาก สุ (ธาตุ = ให้เกิดขึ้น) + ติ ปัจจัย หรือ “สุต” (สุ-ตะ) สุ + ต ปัจจัย
“สุติ” แปลว่า “การทำให้เกิดขึ้น”
“สุต” แปลว่า “ผู้ทำให้เกิดขึ้น” หรือ “สิ่งที่ถูกทำให้เกิดขึ้น”
พึงทราบว่า สุ ธาตุในบาลี ใช้ในความหมายหลายหลาก หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) บอกความหมายของ สุ ธาตุ ไว้เกือบ 20 ความหมาย 1 ในความหมายเหล่านั้นคือ “คติยํ = ไป, ถึง”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มี สฤ ธาตุ บอกไว้ว่า –
“สฤ : (ธาตุ) ไป; ไปเร็ว, วิ่ง; to go; to go fast, to run.”
เป็นอันว่า สุ ธาตุในบาลีตรงกับ สฤ ธาตุในสันสฤต
และความหมายอย่างหนึ่งของ สุ ธาตุในบาลีคือ “ชนเน = ให้เกิดขึ้น”
“สุติ” หรือ “สุต” ในบาลีจึงสามารถแปลว่า “การทำให้เกิดขึ้น” หรือ “ผู้ทำให้เกิดขึ้น”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “สฺรษฺฏฤ” บอกไว้ดังนี้ –
“สฺรษฺฏฤ : (คำนาม) ผู้สร้าง, ผู้ทำ; พระพรหม; พระศิวะ; a creator, a maker, Brahmâ; Śiva.”
ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นว่า ภาษาไทยว่า “สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์” จะมาจากสันสกฤตคำไหนก็ตาม แต่ความหมายตรงกับ “สฺรษฺฏฤ” ตาม สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน
สร้อยนามวัดมหาธาตุ เขียนว่า “รังสฤษฎิ์” ฎ ชฎา มีสระ อิ คำว่า “สฤษฎิ์” น่าจะตรงกับบาลีว่า “สุติ” ซึ่งแปลว่า “การทำให้เกิดขึ้น” หรือ “การสร้าง” อนุโลมตาม “สฺรษฺฏฤ” ในสันสกฤต
สร้อยนามวัดมหาธาตุ “ยุวราชรังสฤษฎิ์” จึงมีความหมายว่า “พระยุพราชเป็นผู้สร้าง”
ขอย้ำว่า ที่ว่ามานี้เป็นการสันนิษฐานหรือการเดาทั้งสิ้น ไม่พึงนำไปอ้างอิงเป็นข้อยุติ นักเรียนบาลีและผู้สันทัดทางสันสกฤตพึงช่วยกันศึกษาตรวจสอบเพื่อหาข้อยุติต่อไป
อนึ่ง “ยุวราช” หรือ “ยุพราช” ในที่นี้หมายถึงท่านผู้ใด เป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์หรือผู้สนใจประวัติศาสตร์จะพึงตอบหรือตรวจสอบศึกษากันต่อไป โดยเฉพาะชาววัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ควรจะเป็น “เจ้าภาพ” ในเรื่องนี้โดยตรง
คำว่า “รังสฤษฎิ์” ในคำว่า “ยุวราชรังสฤษฎิ์” สร้อยนามวัดมหาธาตุที่กรุงเทพฯ นั้น ผู้เขียนบาลีวันละคำใช้เทคนิคจำศัพท์แบบแยกพยัญชนะว่า สะ-รึ-สะ-ดิ
สะ-หน้า = ส เสือ
รึ = ฤ รึ
สะ-กลาง = ษ ฤษี
ดิ = ฎ ชฏา (ไม่ใช่ ฏ ปฏัก) สระ อิ การันต์
…………..
เอกสารของทางราชการที่สะกดคำว่า “ยุวราชรังสฤษฎิ์” พึงดูได้จากลิงก์ข้างล่างนี้
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/33409.pdf
(ดูที่หน้า 8 หมายเลข 49 พระมหาเตชินท์ สิทฺธาภิภู)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าวัดไม่สร้างคน
: ต่อไปจะไม่มีคนสร้างวัด
#บาลีวันละคำ (4,383)
12-6-67
…………………………….
…………………………….