บาลีวันละคำ

ปุนัปปุนัง (บาลีวันละคำ 4,391)

ปุนัปปุนัง

ที่มาของคำว่า “บุนนะบุนนัง

อ่านว่า ปุ-นับ-ปุ-นัง

ปุนัปปุนัง” เขียนแบบบาลีเป็น “ปุนปฺปุนํ” (ปุ-นับ-ปุ-นัง) เป็นศัพท์จำพวก “นิบาต” ในบาลีไวยากรณ์ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเรียบเรียง เรียกว่า “นิบาตมีเนื้อความต่าง ๆ” นิบาตในหมวดนี้มีหลายคำ ขอยกมาแสดงเป็นอลังการแห่งความรู้ดังนี้ (ภาษาอังกฤษจาก THE PALI TEXT SOCIETY’S PALI-ENGLISH DICTIONARY edited by T. W. RHYS DAVIDS)

อญฺญทตฺถุ =โดยแท้ (surely, all-round, absolutely) 

อโถ = อนึ่ง (and, also, and further, likewise, nay) 

อทฺธา = แน่แท้ (certainly, for sure, really, truly) 

อวสฺสํ = แน่แท้ (inevitably) 

อโห = โอ (yea, indeed, well; I say… for sure…) 

อารา = ไกล (far from, remote [from]) 

อาวี  แจ้ง (clear, manifest, evident; openly, before one’s eyes, in full view) 

อิติ = เพราะเหตุนั้น, ว่าดังนี้, ด้วยประการนี้, ชื่อ (thus)

อุจฺจํ = สูง (high) 

กฺวจิ = บ้าง (ever = who-ever, what-ever. etc.) 

กิญฺจาปิ = แม้น้อยหนึ่ง (whatever) 

นานา = ต่าง ๆ (various, of all kinds) 

นีจํ = ต่ำ (low, inferior, humble) 

นูน = แน่ (is it then, now, shall I; surely, certainly, indeed) 

ปจฺฉา = ภายหลัง (behind, aft, after, afterwards, back; westward) 

ปฏฺฐาย = ตั้งก่อน (from … onward, beginning with, henceforth, from the time of) 

ปภูติ = จำเดิม (beginning, since, after, subsequently) 

ปุน = อีก (again)

ปุนปฺปุนํ = บ่อย ๆ (again and again)

ภิยฺโย = ยิ่ง (in a higher degree, more, repeatedly, further) 

ภิยฺโยโส = โดยยิ่ง (still more, more and more) 

มิจฺฉา = ผิด (wrongly, in a wrong way, wrong-, false) 

มุธา = เปล่า (for nothing, gratis) 

มุสา = เท็จ (falsely, wrongly) 

สกึ = คราวเดียว (once) 

สณิกํ = ค่อย ๆ (slowly, gently, gradually) 

สตกฺขตฺตุํ = ร้อยคราว (a hundred times = “many” or “innumerable”) 

สทฺธึ = พร้อม, กับ (together) 

สยํ = เอง (self, by oneself) 

สห = กับ (in conjunction with, together, accompanied by; immediately after) 

สามํ = เอง (self, of oneself) 

หมายเหตุ: คำแปลเป็นอังกฤษบางคำควรปรับแก้

ตามรายการนี้ จะเห็นว่า มี “ปุน” อยู่ด้วยคำหนึ่ง “ปุนปฺปุนํ” ตามรูปศัพท์ก็คือ ปุน + ปุน ซ้อน ปฺ ระหว่างศัพท์ เนื่องจากศัพท์หลังขึ้นต้นด้วย  

: ปุน + ปฺ + ปุน = ปุนปฺปุน 

ปุนปฺปุน” ใช้ในฐานะเป็นคำขยายกริยา จึงลง อํ วิภัตตินามที่สอง (ทุติยาวิภัตติ) เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “ปุนปฺปุนํ” ถูกจัดเข้าเป็นนิบาต คงรูปเป็น “ปุนปฺปุนํ” ไม่แจกด้วยวิภัตติใด ๆ อีกต่อไป

ปุนปฺปุนํ” เขียนแบบไทยเป็น “ปุนัปปุนัง” 

ขยายความ :

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “บุนนะบุนนัง” บอกไว้ว่า – 

บุนนะบุนนัง : (คำกริยา) ซ่อม, เพิ่มเติม.”

พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกว่า “บุนนะบุนนัง” มาจากภาษาอะไร แต่เมื่อดูจากรูปคำแล้ว ผู้เขียนบาลีวันละคำแน่ใจว่ามาจาก “ปุนปฺปุนํ” ในบาลีนี่เอง

ป ปลา ในบาลี ไทยเราปรับเป็น บ ใบไม้ เสียงอ่านว่า ปุ-นับ-ปุ-นัง จึงถูกปรับเป็น บุ-นับ-บุ-นัง แล้วเพี้ยนเป็น “บุนนะบุนนัง” 

บุนนะบุนนัง” ในภาษาไทย ที่พจนานุกรมฯ บอกความหมายไว้ว่า “ซ่อม, เพิ่มเติม” ก็สามารถ “ลากเข้าความ” ได้ไม่ยาก “ปุนปฺปุนํ” แปลว่า “บ่อย ๆ” (again and again) หมายถึงทำซ้ำ ๆ คือทำซ้ำลงไปในสิ่งที่เคยทำไว้แล้วหรือมีอยู่แล้ว ความหมายเดียวกับ ซ่อม หรือเพิ่มเติมนั่นเอง

การที่พจนานุกรมฯ เก็บคำว่า “บุนนะบุนนัง” ไว้ บอกให้รู้ว่า ครั้งหนึ่งคนไทยเคยเอาคำว่า “ปุนปฺปุนํ” ในบาลีมาใช้ในภาษาไทยเป็น “บุนนะบุนนัง” แต่คนไทยวันนี้น่าจะไม่รู้จักคำนี้แล้ว ไม่ต้องหวังว่ายังจะมีใครพูดคำนี้กันอยู่อีก

แถม :

คัมภีร์ธรรมบทมีคาถาวรรคหนึ่งว่า “ทุกฺขา  ชาติ  ปุนปฺปุนํ” (ทุก-ขา ชา-ติ ปุ-นับ-ปุ-นัง) (ชราวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 21)

คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค 5 อันเป็นแบบเรียนของนักเรียนบาลีแปลคาถาวรรคนี้ว่า “การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์” แต่มีเชิงอรรถบอกไว้ว่า “ความเกิด เป็นทุกข์ร่ำไป

จึงเกิดเป็นปัญหาว่า “ปุนปฺปุนํ” —

ทำหน้าที่ขยาย “ทุกฺขา” > “ปุนปฺปุนํ  ทุกฺขา” = เป็นทุกข์ร่ำไป 

หรือขยาย “ชาติ” > “ปุนปฺปุนํ  ชาติ” = การเกิดบ่อย ๆ

ขอฝากนักเรียนบาลีช่วยกันขบคิดเป็นการบ้านหรือการวัดโดยทั่วกัน

…………..

ดูก่อนภราดา!

: เรียนบาลีเพื่อสอบได้ ดี

: เรียนบาลีเพื่อเอาความรู้มาขบคิดปัญหา ดีมาก

: เรียนบาลีเพื่อเอาความรู้มาปฏิบัติขัดเกลาตนเอง ดีที่สุด

#บาลีวันละคำ (4,391)

20-6-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *