บาลีวันละคำ

สุกขวิปัสสก (บาลีวันละคำ 4,412)

สุกขวิปัสสก

พระอรหันต์กิเลสแห้ง

อ่านว่า สุก-ขะ-วิ-ปัด-สก

ประกอบด้วยคำว่า สุกข + วิปัสสก 

(๑) “สุกข” 

เขียนแบบบาลีเป็น “สุกฺข” (มีจุดใต้ ก) อ่านว่า สุก-ขะ รากศัพท์มาจาก สุขฺ (ธาตุ = เหี่ยวแห้ง) + (อะ) ปัจจัย, แปลง สุขฺ เป็น สุกฺข

: สุข + = สุข > สุกฺข แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่เหี่ยวแห้ง” ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง แห้ง, เหือดแห้ง (dry, dried up)

(๒) “วิปัสสก” 

เขียนแบบบาลีเป็น “วิปสฺสก” อ่านว่า วิ-ปัด-สะ-กะ รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = วิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + ทิสฺ (ธาตุ = เห็น) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลง ทิสฺ เป็น ปสฺส, แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ)

: วิ + ทิสฺ = วิทิสฺ + ณฺวุ = วิทิสฺณฺวุ > วิปสฺสณฺวุ > วิปสฺสก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เห็นแจ้ง”  

สุกฺข + วิปสฺสก = สุกฺขวิปสฺสก (สุก-ขะ-วิ-ปัด-สะ-กะ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มีการเห็นแจ้งที่เหี่ยวแห้งเพราะไม่มียางคือสมถภาวนา” 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สุกฺขวิปสฺสก” ว่า “dry-visioned” (“พระอรหันต์สุกขวิปัสสก”) 

สุกฺขวิปสฺสก” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สุกขวิปัสสก” 

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายไว้ว่า –

…………..

สุกขวิปัสสก : พระผู้เจริญวิปัสสนาล้วนสำเร็จพระอรหัต มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่นอีก เช่นไม่ได้ฌานสมาบัติ ไม่ได้อภิญญา เป็นต้น.

…………..

ขยายความ :

พระอรหันต์สุกขวิปัสสกเป็นคู่กับพระอรหันต์สมถยานิก จับความหมายง่าย ๆ ว่า พระอรหันต์สมถยานิกเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสและทรงคุณวิเศษอย่างอื่นด้วย เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์เป็นต้น ส่วนพระอรหันต์สุกขวิปัสสกหมดกิเลสอย่างเดียว ไม่มีคุณวิเศษอย่างอื่น

ท่านว่าสมัยพุทธกาลและหลังพุทธกาลเล็กน้อย พระอรหันต์ส่วนมากจะเป็นพระอรหันต์สมถยานิก แต่หลังจากนั้นพระอรหันต์สมถยานิกจะค่อย ๆ หมดไป เหลือแต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสก และเมื่อกาลเวลาล่วงไปอีก พระอรหันต์สุกขวิปัสสกก็จะค่อย ๆ หมดไป

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ขอยกเรื่อง “อธิคมอันตรธาน” หรือ “การสูญหายไปแห่งการบรรลุธรรม” ที่คัมภีร์อรรถกถาบรรยายไว้มาให้ศึกษากันในที่นี้ ดังนี้ –

…………..

ตตฺถ  อธิคโมติ  จตฺตาโร มคฺคา  จตฺตาริ  ผลานิ  จตสฺโส  ปฏิสมฺภิทา  ติสฺโส  วิชฺชา  ฉ  อภิญฺญาติ  ฯ

ในอันตรธาน 5 อย่างนั้น มรรค 4 ผล 4 ปฏิสัมภิทา 4 วิชชา 3 อภิญญา 6 ชื่อว่า อธิคม

โส  ปริหายมาโน  ปฏิสมฺภิทาโต  ปฏฺฐาย  ปริหายติ  ฯ

อธิคมนั้น เมื่อจะเสื่อม (หมายถึงไม่มีใครสามารถบรรลุได้) ย่อมเสื่อมตั้งแต่ปฏิสัมภิทาเป็นต้นไป

พุทฺธานํ  หิ  ปรินิพฺพานโต  วสฺสสหสฺสเมว  ปฏิสมฺภิทา  นิพฺพตฺเตตุํ  น  สกฺโกนฺติ

เป็นความจริง นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 1,000 ปีเท่านั้น ก็ไม่มีใครสามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุปฏิสัมภิทาได้ 

ตโต  ปรํ  ฉ  อภิญฺญา

ต่อแต่นั้นก็อภิญญา 6 

ตโต  ตาปิ  นิพฺพตฺเตตุํ  อสกฺโกนฺตา  ติสฺโส  วิชฺชา  นิพฺพตฺเตนฺติ  ฯ

ต่อแต่นั้น เมื่อไม่สามารถบรรลุอภิญญาได้ ก็บรรลุแค่วิชชา 3

คจฺฉนฺเต  คจฺฉนฺเต  กาเล  ตาปิ  นิพฺพตฺเตตุํ  อสกฺโกนฺตา  สุกฺขวิปสฺสกา  โหนฺติ  ฯ

ครั้นกาลล่วงไป ๆ ก็ไม่สามารถบรรลุวิชชา 3 ได้ เป็นได้เพียงพระอรหันต์สุกขวิปัสสก (ผู้หมดกิเลส แต่ไม่มีคุณวิเศษอื่นใด)

เอเตเนว  อุปาเยน  อนาคามิโน  สกทาคามิโน  โสตาปนฺนาติ  ฯ

มรรคผลเสื่อมไปโดยทำนองนี้ (คือในที่สุดพระอรหันต์ก็หมด ค่อยลดลงไป) เหลือแต่พระอนาคามี พระสกทาคามี (จนในที่สุด) ก็เหลือแต่พระโสดาบัน

เตสุ  ธรมาเนสุ  อธิคโม  อนฺตรหิโต  นาม  น  โหติ  ฯ

ท่านผู้เป็นโสดาบันยังทรงชีพอยู่ อธิคมก็ยังไม่อันตรธาน

ปจฺฉิมกสฺส  โสตาปนฺนสฺส  ชีวิตกฺขเยน  อธิคโม  อนฺตรหิโต  นาม  โหตีติ  ฯ

ต่อท่านผู้เป็นโสดาบันคนสุดท้ายสิ้นชีพ อธิคมก็เป็นอันว่าอันตรธาน ด้วยประการฉะนี้

อิทํ  อธิคมอนฺตรธานํ  นาม.

นี้ชื่อว่า อธิคมอันตรธาน

ที่มา: มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตรนิกาย ภาค 1 หน้า 116-117

…………..

ดูก่อนภราดา!

: กิเลสแห้งเองไม่ได้

: แต่ทำให้แห้งได้

#บาลีวันละคำ (4,412)

11-7-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *