บาลีวันละคำ

ภุมเทวดา (บาลีวันละคำ 4,238)

ภุมเทวดา

เทวดาพวกไหน

อ่านว่า พุม-มะ-เท-วะ-ดา

ประกอบด้วยคำว่า ภุม + เทวดา

(๑) “ภุม” 

บาลีเป็น “ภุมฺม” อ่านว่า พุม-มะ รากศัพท์มาจาก ภูมิ + ณฺย ปัจจัย

(ก) “ภูมิ” บาลีอ่านว่า พู-มิ รากศัพท์มาจาก ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + มิ ปัจจัย

: ภู + มิ = ภูมิ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สถานที่มีอยู่เป็นอยู่แห่งสัตว์โลก” มีความหมายหลายอย่าง กล่าวคือ พื้นดิน, ดิน, แผ่นดิน, สถานที่, ถิ่น, แคว้น, แถบ, ภูมิภาค, พื้น, พื้นราบ, ขั้นตอน, ระดับ (ground, soil, earth, place, quarter, district, region, plane, stage, level)

(ข) ภูมิ + ณฺย ปัจจัย, ลบสระหน้า คือ อิ ที่ (ภู)-มิ และลบ (ภูมิ + ณฺย = ภูมิณฺย > ภูมณฺย = ภูมฺย), แปลง ภูมฺย เป็น ภุมฺม

: ภูมิ + ณฺย = ภูมิณฺย > ภูมณฺย > ภูมฺย > ภุมฺม แปลตามศัพท์ว่า “อันตั้งอยู่บนภาคพื้น”  

ภุมฺม” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) เป็นนาม (นปุงสกลิงค์) หมายถึง ดิน, พื้นดิน, พื้น (soil, ground, floor)

(2) เป็นคุณศัพท์ หมายถึง เป็นของโลก, แห่งโลก, เกี่ยวกับแผ่นดิน (belonging to the earth, earthly, terrestrial)

บาลี “ภุมฺม” สันสกฤตเป็น “เภาม

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

เภาม : (คำวิเศษณ์) แห่งพสุธา; อันเกิดในพสุธา; earthly, terrestrial; produced in the earth; – (คำนาม) ดาวอังคาร; นรก; อัมพรร; นามของนางสีดา; the planet Mars; hell; ambergris; a name of Sitā.”

บาลี “ภุมฺม” ในภาษาไทยใช้เป็น “ภุม-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

ภุม– ๒ : (คำนาม) พื้นดิน, ภาคพื้น. (ป. ภุมฺม).”

(๒) “เทวดา” 

บาลีเป็น “เทวตา” (ไทย –ดา ด เด็ก, บาลี –ตา ต เต่า) อ่านว่า เท-วะ-ตา รากศัพท์มาจาก เทว + ตา ปัจจัย

(ก) “เทว” อ่านว่า เท-วะ รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + (อะ) ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว)

: ทิวฺ + = ทิว > เทว แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ” 

ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกัน คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา 

แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังหมายถึงอีกหลายอย่าง คือ พระยม, ความตาย, สมมติเทพ, พระราชา, ท้องฟ้า, ฝน, เมฆฝน, วรุณเทพ 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เทว” ไว้ดังนี้ –

(1) good etc. (สิ่งที่ดี และอื่นๆ)

(2) a god, a deity, a divine being (เทวดา, เทพเจ้า, เทพ)

(3) the sky, rain-cloud, rainy sky, rain-god (ท้องฟ้า, เมฆฝน, ท้องฟ้ามีฝน, เทพแห่งฝน) 

(ข) เทว + ตา ปัจจัย

: เทว + ตา = เทวตา แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นเทวดา” (condition or state of a deva) หมายถึง เทพเจ้า; เทพยดา, พระเจ้า, นางฟ้า (divinity; divine being, deity, fairy)

เทวตา” ในบาลี ก็คือที่เรารู้จักกันในภาษาไทยว่า “เทวดา” นั่นเอง

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

เทวดา : (คำนาม) ชาวสวรรค์มีกายทิพย์ ตาทิพย์ หูทิพย์ และกินอาหารทิพย์ เป็นโอปปาติกะ. (ป., ส. เทวตา).”

ภุมฺม + เทวตา = ภุมฺมเทวตา (พุม-มะ-เท-วะ-ตา) แปลตามศัพท์ว่า “เทวดาผู้สถิตอยู่ที่ภาคพื้น

บาลี “ภุมฺมเทวตา” ในภาษาไทยใช้เป็น “ภุมเทวดา” (พุม-มะ-เท-วะ-ดา)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

ภุมเทวดา : (คำนาม) เทวดาพวกหนึ่งที่สิงสถิตอยู่บนพื้นดิน. (ป. ภุมฺม + เทวตา).”

ขยายความ :

ที่ว่า “ภุมเทวดา” คือ เทวดาผู้สถิตอยู่ที่ภาคพื้น หรือที่พจนานุกรมฯ ว่า “เทวดาพวกหนึ่งที่สิงสถิตอยู่บนพื้นดิน” นั้น ถามว่า สิงสถิตอยู่ตรงไหนหรือส่วนไหนบนพื้นดิน หมายถึงอยู่กับพื้นดิน อย่างคำที่ว่านอนกลางดิน เช่นนั้นหรือ?

คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ภาค 7 หน้า 92 (อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ) มีคำบรรยายถึงสถานที่อยู่อาศัยของพวกนาค มนุษย์ และเทวดา บอกไว้ดังนี้ –

…………..

เหฏฺฐา  นาคา 

พวกนาค อยู่ภายใต้แผ่นดิน

ภูมิตเล  มนุสฺสา 

พวกมนุษย์ อยู่บนพื้นดิน

รุกฺขคจฺฉปพฺพตาทีสุ  ภุมฺมฏฺฐกเทวตา 

พวกภุมเทวดา อยู่ที่ต้นไม้ กอไม้ และภูเขาเป็นต้น

อนฺตลิกฺเข  อากาสฏฺฐกเทวตา

พวกอากาศเทวดา อยู่ในฟากฟ้า

…………..

ถ้าถือตามนี้ “ภุมเทวดา” ก็เป็นพวกที่สิงสถิตอยู่ตามสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นดินตามธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ กอไม้ และภูเขา แต่ไม่ใช่นั่งนอนอยู่บนผิวพื้นดิน 

พวกที่นั่งนอนอยู่บนผิวพื้นดิน (ภูมิตเล) คือพวกมนุษย์ มนุษย์นั้นไม่ว่าจะไปอยู่ในอากาศหรืออวกาศ ลงไปอยู่ในน้ำหรือใต้ดิน ก็อยู่ได้ชั่วคราว ในที่สุดแล้วก็ต้องมาอยู่บนผิวพื้นดิน คือต้องลงดินเสมอ

ตามคำอธิบายในคัมภีร์ เทพที่เราเรียกว่า “รุกขเทวดา” (เทวดาที่สิงสถิตอยู่บนต้นไม้) ก็คือ “ภุมเทวดา” พวกหนึ่งนั่นเอง

เทพพวกที่ต่างจาก “ภุมเทวดา” ก็คือพวกที่สิงสถิตอยู่ในอากาศ และตั้งแต่เทพชั้นจาตุมหาราชขึ้นไป

แถม :

ภุมเทวดา” ที่ชาวพุทธน่าจะคุ้นหูกันทั่วไป ก็คือที่กล่าวถึงในตอนท้ายของธัมมจักกัปปวัตนสูตร ดังข้อความที่ว่า –

…………..

ปวตฺติเต  จ  ภควตา  ธมฺมจกฺเก  ภุมฺมา  เทวา  สทฺทมนุสฺสาเวสุํ  

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรแล้ว พวกภุมเทวดาได้ร้องประกาศว่า –

เอตมฺภควตา  พาราณสิยํ  อิสิปตเน  มิคทาเย  อนุตฺตรํ  ธมฺมจกฺกํ  ปวตฺติตํ  อปฺปฏิวตฺติยํ  สมเณน  วา  พฺราหฺมเณน  วา  เทเวน  วา  มาเรน  วา  พฺรหฺมุนา  วา  เกนจิ  วา  โลกสฺมินฺติ  ฯ

นั่นธรรมจักรอันยอดเยี่ยมอันพระผู้มีพระภาคทรงประกาศแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้พระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลกคัดค้านไม่ได้ 

ภุมฺมานํ  เทวานํ  สทฺทํ  สุตฺวา  จาตุมฺมหาราชิกา  เทวา  สทฺทมนุสฺสาเวสุํ  ฯ

พวกเทพชั้นจาตุมหาราชได้ฟังเสียงของพวกภุมเทวดา ก็ได้ร้องประกาศว่า … 

…………..

ดูก่อนภราดา!

: มนุษย์ที่บรรลุธรรม

: ประเสริฐเลิศล้ำกว่าเทวดาธรรมดา

#บาลีวันละคำ (4,238)

19-1-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *