อภินิเวสายะ (บาลีวันละคำ 4,253)
อภินิเวสายะ
ธรรมะระดับปรมัตถ์
อ่านว่า อะ-พิ-นิ-เว-สา-ยะ
“อภินิเวสายะ” รูปคำเดิมในบาลีเป็น “อภินิเวส” อ่านว่า อะ-พิ-นิ-เว-สะ ประกอบด้วย อภิ + นิเวส
(๑) “อภิ”
เป็นคำอุปสรรค มีความหมายว่า เหนือ, ทับ, ยิ่ง, ข้างบน (over, along over, out over, on top of) โดยอรรถรสของภาษาหมายถึง มากมาย, ใหญ่หลวง (very much, greatly)
(๒) “นิเวส”
บาลีอ่านว่า นิ-เว-สะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + วิสฺ (ธาตุ = อยู่อาศัย) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ ที่ วิ-(สฺ) เป็น เอ (วิสฺ > เวส)
: นิ + วิสฺ = นิวิสฺ + ณ = นิวิสณ > นิวิส > นิเวส (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่อยู่อาศัย” หมายถึง การเข้าไป, การหยุดพัก, การตั้งหลักแหล่ง; บ้าน, นิเวศน์ (entering, stopping, settling down; house, abode)
อภิ + นิเวส = อภินิเวส (อะ-พิ-นิ-เว-สะ) แปลตามศัพท์ว่า “การเข้าไปอยู่อย่างยิ่ง” หมายถึง ความยึดมั่น (settling in)
“อภินิเวส” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) เป็นคำนาม หมายถึง ความปรารถนา, ความเอนเอียง, ความโน้มเอียง, ความยึดเหนี่ยว (wishing for, tendency towards (-), inclination, adherence)
(2) เป็นคุณศัพท์ หมายถึง ชอบหรือรัก, เคยตัว หรือสมัครใจ (liking, loving, being given or inclined to)
“อภินิเวส” แจกด้วยวิภัตตินามที่สี่ (จตุตถีวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “อภินิเวสาย” (อะ-พิ-นิ-เว-สา-ยะ) เขียนแบบคำไทยเป็น “อภินิเวสายะ”
อภิปรายขยายความ :
“อภินิเวสาย > อภินิเวสายะ” ตัดมาจากข้อความเต็มว่า –
สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
(สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ)
ที่มา: จูฬตัณหาสังขยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม 12 ข้อ 434
แปลยกศัพท์ :
สพฺเพ ธมฺมา = ธรรมทั้งหลายทั้งปวง
นาลํ (น [ไม่] + อลํ [ควร] = นาลํ) = ไม่ควร
อภินิเวสาย = เพื่อการยึดมั่น
(อภินิเวสาย แจกด้วยจตุตถีวิภัตติ มีคำเชื่อมว่า แก่, เพื่อ, ต่อ)
แปลโดยอรรถ (แปลเอาความ) :
สภาพทั้งปวงไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่น
ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
…………..
คำสอนข้อนี้เป็นคำสอนให้เข้าใจโลกและทำใจกับโลกให้ถูกต้อง
ไม่ได้สอนให้ปล่อยปละละเลย วางเฉย-ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ต้องเข้าใจก็คือ ยึดมั่นหรือไม่ยึดมั่นเป็นอาการทางใจ
ยึดมั่น-เป็นอาการปกติของคนทั่วไปอยู่แล้ว
แต่ไม่ยึดมั่น-เป็นสิ่งที่ต้องฝึก เป็นงานทางใจ
การไม่ยึดมั่นเป็นคนละเรื่องกับเห็นปัญหาแล้วคิดหาทางแก้ปัญหา
เห็นปัญหา ศึกษาปัญหา แล้วหาทางแก้ปัญหา นี่เป็นงานที่ต้องทำ
ทำพร้อมไปกับการไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง
เทียบง่าย ๆ กับ-เกิดมาแล้วต้องตาย
เกิดมาแล้วต้องตาย-นี่เป็นความจริง ต้องเข้าใจและยอมรับ
แต่ในระหว่างที่ยังไม่ตายต้องทำอะไร นี่คืองานที่ต้องทำ
เวลามีเรื่องราวหรือมีปัญหา เช่น ใครทำอะไรผิดเพี้ยนเปลี่ยนผันไปจากหลักเกณฑ์ที่ควรจะเป็น หรือปล่อยปละละเลยจนเกิดความเสียหายต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเมื่อเห็นอะไรที่ควรจะรักษาไว้ให้อยู่ยั่งยืนต่อไป แต่กลับมาถูกทำลายลง แล้วมีใครลุกขึ้นมาแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นต้น
ก็มักจะมีท่านจำพวกหนึ่งออกมาบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น (สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ)
บอกเสร็จก็รู้สึกคล้าย ๆ กับว่าท่านได้ทำหน้าที่อันสำคัญสำเร็จเรียบร้อยแล้ว หรือได้แก้ปัญหานั้น ๆ สำเร็จแล้ว
ฟังเผิน ๆ ดูดี – ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น
แต่ถ้าพินิจดูให้ดี เมื่อมีกรณีเช่นนั้นแล้วพูดแบบนี้ น่าจะไม่เป็นผลดีเท่าไร
อาจทำให้คนเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างผิด ๆ ได้ง่ายมาก
เมื่อเกิดปัญหาที่ควรจะต้องแก้ไข แต่มีคนออกมาบอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ก็คือออกมาบอกว่า ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้นแหละ ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรหรอก
ถ้าไม่ได้มีเจตนาจะให้เข้าใจแบบนี้ แล้วจะให้เข้าใจแบบไหน
คนพูดเคยคิดบ้างไหม-ถึงความหมายของคำที่ชอบพูดนั้น
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ท่องได้พูดได้ ดี
: ทำได้ด้วย ดีที่สุด
#บาลีวันละคำ (4,253)
3-2-67
…………………………….
…………………………….