ตังกิงมัญ (บาลีวันละคำ 4,328)
ตังกิงมัญ
จำไว้พูดกันให้ติดปาก
อ่านว่า ตัง-กิง-มัน
“ตังกิงมัญ” เป็นคำที่ผู้เขียนบาลีวันละคำคิดขึ้นเอง โดยตัดมาจากคำบาลีเต็ม ๆ ว่า “ตํ กึ มญฺญถ” อ่านว่า ตัง กิง มัน-ยะ-ถะ มีคำบาลี 3 คำ คือ “ตํ” “กึ” “มญฺญถ”
(๑) “ตํ”
อ่านว่า ตัง รูปคำเดิมเป็น “ต” (ตะ) เป็นศัพท์จำพวก “สัพพนาม”
“สัพพนาม” (สรรพนาม) ในบาลีมี 2 ประเภท คือ –
(1) “ปุริสสัพพนาม” (ปุริสสรรพนาม) คือคำแทนชื่อ มี 3 บุรุษ คือ –
1. ปฐมบุรุษ หมายถึงผู้ที่เราพูดถึง เช่น เขา มัน (he, she, they; it) บาลีใช้ศัพท์ว่า “ต” (ตะ) นิยมเรียก “ต-ศัพท์”
2. มัธยมบุรุษ หมายถึงผู้ที่เราพูดด้วย เช่น แก เจ้า มึง (you) บาลีใช้ศัพท์ว่า “ตุมฺห” (ตุม-หะ) นิยมเรียก “ตุมฺห-ศัพท์”
3. อุตตมบุรุษ หรือ อุดมบุรุษ หมายถึงเราซึ่งเป็นผู้พูด เช่น ฉัน ข้า กู (I, we) บาลีใช้ศัพท์ว่า “อมฺห” (อำ-หะ) นิยมเรียก “อมฺห-ศัพท์”
(2) “วิเสสนสัพพนาม” (วิเสสนสรรพนาม) คือคำคุณศัพท์ทำหน้าที่ขยายคำนาม ในบาลีมีหลายคำ เช่น ย (ใด) ต (นั้น) อญฺญ (อื่น) ปร (อื่น) กตร (คนไหน, สิ่งไหน)
ในที่นี้ “ต” เป็น “วิเสสนสัพพนาม” แปลว่า “นั้น” หมายถึง สิ่งใด ๆ ก็ตามที่มุ่งจะกล่าวถึง เช่น สิ่งนั้น เรื่องนั้น กรณีนั้น
“ต” แจกด้วยวิภัตตินามที่สอง (ทุติยาวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์/นปุงสกลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “ตํ” เขียนแบบไทยเป็น “ตัง”
(๒) “กึ”
อ่านว่า กิง เป็นศัพท์จำพวก “นิบาต” ลักษณะพิเศษของศัพท์จำพวก “นิบาต” คือ ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย แต่คงรูปเดิมเสมอ
“กึ” ตำราไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “นิบาตบอกความถาม” มีหลายคำ ดังนี้ –
กึ = หรือ, อะไร, ไฉน
กถํ = อย่างไร
กจฺจิ = แลหรือ
นุ = หนอ
นนุ = มิใช่หรือ
อุทาหุ = หรือว่า
อาทู = หรือว่า
เสยฺยถีทํ = อย่างไรนี้, อะไรบ้าง
(๓) “มญฺญถ”
อ่านว่า มัน-ยะ-ถ เป็นคำกริยาประเภท “กิริยาอาขยาต” รากศัพท์มาจาก มนฺ (ธาตุ = รู้, เข้าใจ, สำคัญ) + ย (ยะ) ปัจจัยประจำหมวด ทิวฺ ธาตุ (กัตตุวาจก) + ถ (ถะ) วิภัตติอาขยาตหมวดวัตตมานา (ประธานเป็นมัธยมบุรุษ = ผู้ที่เราพูดด้วย), พหุวจนะ, ปัจจุบันกาล, แปลง นฺ ที่สุดธาตุ กับ ย เป็น ญฺญ
: มนฺ + ย + ถ = มนฺยถ > มญฺญถ แปลตามศัพท์ว่า “ย่อมรู้” “ย่อมเข้าใจ” “ย่อมสำคัญ”
หมายเหตุ: “สำคัญ” ในคำว่า “ย่อมสำคัญ” หมายถึง เข้าใจ เช่น สำคัญตนผิด ไม่ใช่ “สำคัญ” ที่หมายถึง พิเศษกว่าธรรมดา เช่น “เรื่องสำคัญ” หรือมีคุณค่า เช่น “ของสำคัญ”
“ตํ กึ มญฺญถ” เป็นคำบาลี 3 คำ รวมกันเป็นประโยคสมบูรณ์
แปลโดยพยัญชนะ :
(ตุมฺเห = อันว่าท่านทั้งหลาย)
มญฺญถ = ย่อมเข้าใจ
ตํ = ซึ่งเรื่องนั้น (ตํ วตฺถุํ ซึ่งเรื่องนั้น, ตํ การณํ ซึ่งเหตุนั้น, ตํ ปวตฺตํ ซึ่งเหตุการณ์นั้น ฯลฯ)
กึ = ว่าอย่างไร
แปลโดยอรรถ :
“ตํ กึ มญฺญถ”
ท่านทั้งหลายเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร
ขยายความ :
“ตํ กึ มญฺญถ” (ตัง กิง มัญญะถะ) เป็นประโยคคำพูดในภาษาบาลี พบได้ทั่วไปในพระไตรปิฎก ที่ควรศึกษาเป็นแบบแผนคือพระบาลีในอนัตตลักขณสูตร เป็นพระธรรมเทศนาที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ ดังความตอนหนึ่งว่า –
…………..
ตํ กึ มญฺญถ ภิกฺขเว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ ฯ
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
อนิจฺจํ ภนฺเต ฯ
ไม่เที่ยงพระพุทธเจ้าข้า
ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ ฯ
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ทุกฺขํ ภนฺเต ฯ
เป็นทุกข์พระพุทธเจ้าข้า
ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ
ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า –
เอตํ มม
นั่นของเรา
เอโสหมสฺมิ
นั่นเป็นเรา
เอโส เม อตฺตาติ ฯ
นั่นเป็นตนของเรา
โน เหตํ ภนฺเต ฯ
ข้อนั้นไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า
ที่มา: อนัตตลักขณสูตร วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 1
พระไตรปิฎกเล่ม 4 ข้อ 21
…………..
ความหมาย :
“ตํ กึ มญฺญถ” (ตัง กิง มัญญะถะ) แปลตามศัพท์ว่า “ท่านทั้งกลายเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร”
ถอดความเป็นภาษาธรรมดาว่า –
– เรื่องนั้นท่านคิดว่าเป็นอย่างไร
– ที่เขาพูดอย่างนั้น พวกคุณเข้าใจว่าอย่างไร
– ขอทราบความคิดเห็นเรื่องนี้หน่อย
– แบบนี้หมายความว่าอย่างไร
– เอาไงดี
ฯลฯ
เมื่อใดก็ตามที่ต้องการจะพูดถ้อยคำแบบนี้ นึกถึงคำบาลีประโยคนี้
กรณีพูดกับคนหลายคน : “ตํ กึ มญฺญถ”
กรณีพูดกับคนคนเดียว : “ตํ กึ มญฺญสิ”
เอา “ตํ” “กึ” และ “มญฺ” จาก “มญญถ” มารวมกันเป็น “ตํกึมญฺ” เชียนแบบคำไทยเป็น “ตังกิงมัญ” อ่านว่า ตัง-กิง-มัน
เวลาจะถามอะไรใคร ขึ้นต้นประโยคแบบสนุก ๆ ว่า “ตังกิงมัญ” (หมายความว่า “ขอความเห็นหน่อยพี่น้องทั้งหลาย”-ประมาณนี้) แล้วจึงพูดภาษาไทยตามปกติ ก็ขำดี
อย่ากลัวคำคนค่อนว่าไร้สาระ
ลองคิดดู ถ้าคนไทยด่ากันเป็นภาษาบาลีได้ด้วย จะสนุกแค่ไหน
แถม :
มีผู้ตำหนิติเตียน ค่อนขอด ดูถูกดูแคลน ว่าเรียนบาลีดีแต่สอนให้ท่องให้จำ คิดเองไม่เป็น
ผู้เขียนบาลีวันละคำแสดงให้ดูแล้วว่า คนเรียนบาลีคิดเองเป็น
“ตํ กึ มญฺญถ” คิดออกมาเป็น “ตังกิงมัญ” และเสนอไว้ให้พูดกันติดปาก ใครชอบก็จำเอาไปพูดได้ ไม่สงวนสิทธิ์
ผู้ตำหนิติเตียน ค่อนขอด ดูถูกดูแคลนเช่นนั้น นอกจากเอาอย่างฝรั่งและเอาอย่างกันและกัน หรือวิ่งตามกระแสสังคมแล้ว คิดอะไรเองเป็นบ้าง?
ไม่ได้ชวนทะเลาะ เพียงแค่เคาะชวนให้คิดว่า อยู่ในสังคมเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องดูถูกกัน
…………..
ดูก่อนภราดา!
: จำเป็นต้องฟังความคิดเห็นของเขา
: แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเขา
#บาลีวันละคำ (4,328)
18-4-67
…………………………….
…………………………….