บาลีวันละคำ

บุญราศี (บาลีวันละคำ 4,451)

บุญราศี

บางทีก็พูดกันเพลินไป

อ่านว่า บุน-ยะ-รา-สี

แยกศัพท์เป็น บุญ + ราศี

(๑) “บุญ” 

บาลีเป็น “ปุญฺญ” อ่านว่า ปุน-ยะ รากศัพท์มาจาก –

(1) ปุ (ธาตุ = ชำระ สะอาด) + ณฺย ปัจจัย, ลง อาคม, ลบ ณฺ, แปลง นฺย เป็น , ซ้อน ญฺ

: ปุ > ปุน + ณฺย = ปุนฺย > ปุญ + = ปุญฺญ แปลตามศัพท์ว่า “กรรมที่ชำระสันดานของตนให้สะอาด” “กรรมที่ชำระผู้ทำให้สะอาด

(2) ปุชฺช (น่าบูชา) + ชนฺ (ธาตุ = เกิด) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ชฺช, และ , แปลง นฺย เป็น , ซ้อน ญฺ 

: ปุชฺช + ชนฺ + ณฺย = ปุนฺย > ปุญ + = ปุญฺญ แปลตามศัพท์ว่า “สภาวะอันทำให้เกิดความน่าบูชา” 

(3) ปุณฺณ (เต็ม) + กรฺ (ธาตุ = ทำ) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺณ, และ , แปลง รย เป็น , ซ้อน ญฺ 

: ปุณฺณ + กรฺ + ณฺย = ปุรย > ปุญ + = ปุญฺญ แปลตามศัพท์ว่า “การกระทำอันทำให้เต็มอิ่มสมน้ำใจ” 

ปุญฺญ” หมายถึง เครื่องชำระสันดาน, ความดี, กรรมที่ดีงามเป็นประโยชน์, ความประพฤติชอบทางกายวาจาและใจ, กุศลกรรม, ความสุข, กุศลธรรม (merit; meritorious action; virtue; righteousness; moral acts; good works)

ปุญฺญ” ภาษาไทยใช้ว่า “บุญ” ความหมายที่เข้าใจกันทั่วไปคือ การกระทําดีตามหลักคําสอนในศาสนา

(๒) “ราศี” 

อ่านว่า รา-สี บาลีเป็น “ราสิ” (รา-สิ, –สิ สระ อิ ไม่ใช่สระ อี) รากศัพท์มาจาก รสฺ (ธาตุ = ยินดี, พอใจ) + อิณ ปัจจัย, ลบ (อิณ > อิ), ทีฆะ อะ ที่ -(สฺ) เป็น อาด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (รสฺ > ราส

: รสฺ + อิณ = รสิณ > รสิ > ราสิ แปลตามศัพท์ว่า “หมู่ที่ยินดี คือมารวมกันด้วยความยินดี” 

ราสิ” (ปุงลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –

1 กอง, ฝูง, หมู่ (heap, quantity, mass)

2 คลังสมบัติ, ทรัพย์สินเงินทอง (store of wealth, riches)

3 เครื่องหมายของจักรราศีทั้ง 12 (a sign of the Zodiac)

4 (คำเฉพาะในตรรกวิทยา) กลุ่ม, การรวมเป็นกลุ่ม, ชนิด, กอง, หมู่ (group, aggregate, category, congery) 

บาลี “ราสิ” สันสกฤตเป็น “ราศิ” (บาลี เสือ สันสกฤต ศาลา)

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

ราศิ : (คำนาม) นิกร, กอง, ปริมาณ, ประมาณ; ราศี (แห่งจักรราศิ); ประมาณในคณิตหรือพิชคณิตวิทยา; ภาคกับตัวหาร, หรือเศษกับส่วน; a heap, a quantity; a sign (of the zodiac); arithmetical or algebraic quantity; a part and its divisor; or numerator and denominator.”

ในภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “ราศี” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ราศี” ไว้ 2 คำ บอกไว้ดังนี้ – 

(1) ราศี ๑ : (คำนาม) กอง, หมู่, เช่น บุญราศี ว่า กองบุญ; ชื่อมาตราวัดจักรราศี คือ ๓๐ องศา เป็น ๑ ราศี, ถ้ากลุ่มดาวใดอยู่ในช่วงจักรราศีนั้น ก็เรียกชื่อราศีตามกลุ่มดาวนั้น เช่น ราศีเมษ ราศีกรกฎ, อาทิตย์โคจรรอบจักรวาลผ่านหมู่ดาว ๑๒ หมู่ และดาวหมู่หนึ่ง ๆ เรียกว่า ราศี ๑. (ส. ราศิ; ป. ราสิ).

(2) ราศี ๒ : (คำนาม) ความสง่างาม, ลักษณะดีงามของคน, เช่น หน้าตามีราศี, โดยปริยายหมายความว่า ความอิ่มเอิบ, ความภาคภูมิ, เช่น ได้ตำแหน่งดี ดูมีราศีขึ้น; สิริมงคล เชื่อกันว่าเวลาเช้าราศีอยู่ที่หน้า เวลากลางวันราศีอยู่ที่หน้าอก เวลากลางคืนราศีอยู่ที่เท้า.

ปุญฺญ + ราสิ = ปุญฺญราสิ (ปุน-ยะ-รา-สิ) แปลว่า “กองแห่งบุญ” > กองบุญ 

ปุญฺญราสิ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “บุญราศี” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

บุญราศี : (คำนาม) กองบุญ.”

ขยายความ :

เราคงเคยพูดคำว่า “บุญราศี” กันมาแล้ว แต่ถ้าถามว่า เคยเห็นคำว่า “บุญราศี” ในภาษาบาลีบ้างหรือเปล่า แทบทั้งหมดคงตอบว่า ไม่เคยเห็น

เพื่อให้ได้เคยเห็นคำว่า “บุญราศี” ในภาษาบาลี ผู้เขียนบาลีวันละคำขอยกเรื่องราวในคัมภีร์บาลีมาแสดงไว้ในที่นี้

ในวันปรินิพพาน บุตรของกษัตริย์มัลละผู้หนึ่งชื่อ ปุกกุสะ ได้ถวายผ้าสิงคิวรรณแด่พระพุทธเจ้า สำนวนในมหาปรินิพพานสูตรบรรยายความตอนนี้ไว้ว่า –

…………..

ปุกกุสมัลลบุตรน้อมคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงมีสีดังทองสิงคี (ผ้าสิงคิวรรณ) ซึ่งเป็นผ้าทรงเข้าไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงนี้มีสีดังทองสิงคี เป็นผ้าทรง ขอพระผู้มีพระภาคจงอาศัยความอนุเคราะห์ทรงรับคู่ผ้านี้ของข้าพระองค์เถิด

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนปุกกุสะ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงให้เราครองผืนหนึ่ง ให้อานนท์ครองผืนหนึ่ง

ปุกกุสมัลลบุตรทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคแล้ว น้อมถวายพระผู้มีพระภาคทรงครองผืนหนึ่ง ถวายท่านพระอานนท์ครองผืนหนึ่ง

พระผู้มีพระภาคทรงยังปุกกุสมัลลบุตรให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว

ปุกกุสมัลลบุตรลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป 

ครั้งนั้น เมื่อปุกกุสมัลลบุตรหลีกไปแล้วไม่นาน ท่านพระอานนท์ได้น้อมคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงมีสีดังทองสิงคีซึ่งเป็นผ้าทรงนั้นเข้าไปสู่พระกายของพระผู้มีพระภาค (คือท่านรับแล้วไม่ได้ใช้เอง หากแต่น้อมถวายพระผู้มีพระภาค) 

แปลเก็บความจาก: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 121-122

…………..

ความตอนนี้ อรรถกถา (สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 285 อธิบายมหาปรินิพพานสูตร) ยกมาขยายความดังนี้ –

…………..

กึ  ปน  เถโร  ตํ  คณฺหีติ ฯ 

ถามว่า พระเถระรับผ้านั้นหรือ 

อาม  คณฺหีติ  ฯ  

ตอบว่า ใช่ ท่านรับ 

กสฺมา  ฯ 

เพราะเหตุไร

มตฺถกปฺปตฺตกิจฺจตฺตา  ฯ

เพราะท่านทำหน้าที่จบเสร็จแล้ว

กิญจาปิ  เหส  เอวรูปํ  ลาภํ  ปฏิกฺขิปิตฺวา  อุปฏฺฐากฏฺฐานํ  ปฏิปนฺโน  ฯ 

ความจริง ท่านพระอานนท์ปฏิเสธไม่รับผลประโยชน์ทำนองนี้ก่อนแล้วจึงยอมปฏิบัติหน้าที่อุปัฏฐากก็จริงอยู่

ตํ  ปนสฺส  อุปฏฺฐากกิจฺจํ  มตฺถกํ  ปตฺตํ  ฯ  

แต่หน้าที่อุปัฏฐากของท่านนั้นจบเสร็จแล้ว (เงื่อนไขที่จะไม่รับสิ่งตอบแทนจึงเป็นอันสิ้นสุดลง)

ตสฺมา  อคฺคเหสิ  ฯ

เพราะฉะนั้นท่านจึงรับ

เย  วา  ปน  เอวํ  วเทยฺยย  อนาราธโก  มญฺเญ  อานนฺโท  ฯ  

อีกประการหนึ่ง อาจจะมีคนพูดอย่างนี้ว่า พระอานนท์เห็นทีจะรู้สึกน้อยใจ

ปญฺจวีสติ  วสฺสานิ  อุปฏฺฐหนฺเตน  น  กิญฺจิ  ภควโต  สนฺติกา  เตน ลทฺธปุพฺพนฺติ  

ท่านอุปัฏฐากมาถึง 25 ปี ไม่เคยได้อะไรจากพระผู้มีพระภาคเลย

เตสํ  วจโนกาสจฺเฉทนตฺถํปิ  อคฺคเหสิ  ฯ 

เพื่อตัดโอกาสที่คนจะพูดเช่นนั้น ท่านจึงรับ 

อปิจ  ชานาติ  ภควา  อานนฺโท  คเหตฺวาปิ  อตฺตนา  น  ธาเรสฺสติ  ฯ  มยฺหํเยว  ปูชํ  กริสฺสติ  ฯ

อนึ่ง พระผู้มีพระภาคก็ทรงทราบว่า อานนท์แม้รับแล้วก็จักไม่ใช้ด้วยตนเอง จักบูชาเรานั่นเอง 

มลฺลปุตฺเตน  ปน  อานนฺทํ  ปูชนฺเตน  สํโฆปิ  ปูชิโต  ภวิสฺสติ  ฯ

แต่ปุกกุสมัลลบุตรเมื่อบูชาอานนท์ ก็จักเท่ากับบูชาพระสงฆ์ด้วย

เอวมสฺส  มหาปุญฺญราสิ  ภวิสฺสตีติ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ กองบุญใหญ่ก็จักมีแก่ปุกกุสมัลลบุตรนั้น 

เถรสฺส  เอกํ  ทาเปสิ  ฯ 

พระผู้มีพระภาคจึงโปรดให้ถวายพระเถระผืนหนึ่ง

เถโรปิ  เตเนว  การเณน  อคฺคเหสีติ  ฯ

ฝ่ายพระเถระก็รับเพราะเหตุนั้นเหมือนกัน (คือรับเพื่อให้ปุกกุสมัลลบุตรได้บุญมากขึ้น)

…………..

ตัวอย่างที่ยกมานี้มีคำว่า “มหาปุญฺญราสิ” ซึ่งแปลว่า “กองบุญใหญ่

เป็นอันว่า ต่อไปนี้เมื่อพูดคำว่า “บุญราศี” ก็ไม่ใช่เพียงแต่พูดกันเพลินไป หากแต่ได้เคยเห็นข้อความ เห็นเรื่องราวที่กล่าวถึง “บุญราศี” = กองบุญ มาแล้ว ซ้ำไม่ใช่ “บุญราศี” ธรรมดา แต่เป็น “มหาบุญราศี” เลยทีเดียว

…………..

ดูก่อนภราดา!

: อย่าคิดแต่เพียงว่า ทำอะไรจึงจะเป็นบุญ

: แต่จงคิดด้วยว่า จะเอาบุญไปทำอะไร

#บาลีวันละคำ (4,451)

19-8-67 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *