คตินิยม (บาลีวันละคำ 4,464)
คตินิยม
แล้วแต่สังคมจะนำไป?
อ่านว่า คะ-ติ-นิ-ยม
ประกอบด้วยคำว่า คติ + นิยม
(๑) “คติ”
เป็นคำบาลีตรงตัว อ่านว่า คะ-ติ รากศัพท์มาจาก คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + ติ ปัจจัย, ลบ มฺ ที่สุดธาตุ (คติ > ค)
: คมฺ + ติ = คมติ > คติ แปลตามศัพท์ว่า “การไป” “ภูมิอันเหล่าสัตว์ต้องไป ด้วยการเข้าถึงตามกรรมดีกรรมชั่ว” “ที่เป็นที่ไป” หมายถึง ที่ไป, ที่อยู่, ที่เกิดใหม่, ภพภูมิที่จะต้องไปเกิด
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “คติ” ในเชิงขยายความไว้น่าสนใจ ขอยกมาเสนอดังนี้ –
(1) going, going away, (opp. āgati coming); direction, course, career (การไป, การจากไป, (ตรงข้าม “อาคติ” การมา); ทิศทาง, แนว, วิถีชีวิต)
(2) going away, passing on; course, esp after death, destiny, as regards another [future] existence (การจากไป, การผ่านไป; ทางไป, โดยเฉพาะหลังจากตายไป, ชะตากรรม, ที่เกี่ยวกับภพ [อนาคต] อื่น)
(3) behaviour, state or condition of life, sphere of existence, element, especially characterized as sugati & duggati, a happy or an unhappy existence (ความประพฤติ, ภาวะหรือฐานะของความเป็นอยู่, ขอบเขตของภพ, ความเป็นอยู่, ธาตุ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยายลักษณะเป็น “สุคติ” และ “ทุคฺคติ”, ความเป็นอยู่อันสุขสบายหรือเป็นทุกข์)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายของ “คติ” ไว้ดังนี้ –
(1) การไป, ทางไป, ความเป็นไป, ทางดำเนิน, วิธี, แนวทาง, แบบอย่าง
(2) ที่ไปเกิดของสัตว์, ภพที่สัตว์ไปเกิด, แบบการดำเนินชีวิต มี 5 คือ :
๑. นิรยะ = นรก
๒. ติรัจฉานโยนิ = กำเนิดดิรัจฉาน
๓. เปตติวิสัย = แดนเปรต
๔. มนุษย์ = สัตว์มีใจสูงรู้คิดเหตุผล
๕. เทพ = ชาวสวรรค์ ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ถึง อกนิษฐพรหม
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “คติ” ไว้ 2 คำ บอกไว้ดังนี้ –
(1) คติ ๑ : (คำนาม) การไป; ความเป็นไป. (ป.).
(2) คติ ๒ : (คำนาม) แบบอย่าง, วิธี, แนวทาง. (ป.).
(๒) “นิยม”
บาลีอ่านว่า นิ-ยะ-มะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + ยมุ (ธาตุ = สงบ, ระงับ) + อ (อะ) ปัจจัย
: นิ + ยมฺ = นิยมฺ + อ = นิยม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ข้อที่ต้องกำหนดด้วยเวลาเป็นต้น” (คือ เหตุผลที่จะนำมาใช้เป็นข้อกำหนดมีหลายอย่าง หนึ่งในหลายอย่างนั้นคือกาลเวลา)
“นิยม” ในบาลีใช้ในความหมายว่า –
(1) การสำรวม, การบังคับยับยั้ง, การฝึกฝน, การควบคุมตนเอง (restraint, constraint, training, self-control)
(2) การกำหนดแน่, ความแน่นอน, การจำกัด (definiteness, certainty, limitation)
(3) กฎธรรมชาติ, กฎของจักรวาล (natural law, cosmic order)
ความหมายของ “นิยม” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“นิยม : (คำแบบ) (คำนาม) การกำหนด. (ป., ส.). (คำกริยา) ชมชอบ, ยอมรับนับถือ, ชื่นชมยินดี, ใช้ประกอบท้ายคำสมาสบางคำใช้เป็นชื่อลัทธิ เช่น ลัทธิชาตินิยม ลัทธิสังคมนิยม.”
คติ + นิยม = คตินิยม (คะ-ติ-นิ-ยม) เป็นคำประสมแบบไทย แปลตามศัพท์จากหน้าไปหลังว่า “แบบอย่างที่คนนิยมกัน”
ขยายความ :
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “คตินิยม” ไว้ บอกไว้ดังนี้ –
“คตินิยม : (คำนาม) แบบอย่างความคิดเห็น ความเชื่อ หรือวิธีการคิดรวมกันที่เป็นลักษณะของกลุ่มชน เช่น คตินิยมของกลุ่มวิชาชีพ คตินิยมทางศาสนา คตินิยมทางการเมือง. (อ. ideology).”
พจนานุกรมฯ บอกว่า “คตินิยม” คำอังกฤษว่า ideology
พจนานุกรม สอ เสถบุตร ที่คำว่า ideology บอกไว้ดังนี้ –
ideology ลัทธิ, ความนึกคิดซึ่งเป็นไปไม่ได้
ideological ซึ่งเกี่ยวกับลัทธิ, (สงคราม) ลัทธิ
ideologist คนชอบคิดชอบฝัน, คนเคร่งลัทธิ
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล ideology เป็นบาลีว่า:
mānasikavijjā มานสิกวิชฺชา (มา-นะ-สิ-กะ-วิด-ชา) = ความรู้เกี่ยวกับจิตใจ, ความรู้เกี่ยวกับความคิด, ความรู้ในเรื่องความรู้สึกนึกคิด
แถม :
ผู้เขียนบาลีวันละคำค้นหาคำว่า “คตินิยม” จากเว็บไซต์ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ไม่พบคำนี้ แต่ไปพบคำว่า “คตินิยมบรรษัท” แม้จะเป็นคำที่ต่างออกไป แต่ก็มีคำว่า “คตินิยม” อยู่ด้วย และมีข้อความที่น่ารู้ จึงขอนำมาแถมไว้ในที่นี้
…………..
คตินิยมบรรษัท
พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า คตินิยมบรรษัท (corporatism) หมายถึง รูปแบบหนึ่งของการจัดองค์การทางสังคมซึ่งกลุ่มต่าง ๆ เช่น สหภาพแรงงาน สมาคมวิชาชีพ บริษัทธุรกิจ กลุ่มกดดันทางการเมือง กลุ่มล็อบบี องค์กรอาสาสมัคร เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม หรือกลุ่มเหล่านี้ร่วมกับรัฐเป็นผู้ตัดสินใจ ปัจเจกบุคคลจะร่วมในการตัดสินใจได้โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การ หลักคตินิยมบรรษัทนี้แตกต่างกับการตัดสินใจที่ผ่านกลไกตลาด ซึ่งแต่ละคนต่างก็เลือกสินค้าตามรสนิยมตนเอง ในระดับการเมือง คตินิยมบรรษัทแตกต่างกับระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมแบบเดิมซึ่งการตัดสินใจทางการเมืองนั้นจะกระทำโดยรัฐบาลในฐานะที่เป็นตัวแทนโดยตรงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
มีนักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า ระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่กำลังเคลื่อนตัวไปสู่คตินิยมบรรษัทมากขึ้น ภายใต้คตินิยมบรรษัทเช่นนี้ รัฐบาลจะตัดสินใจหลังจากปรึกษาหารือและเจรจาต่อรองกับกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในแบบไตรภาคี ได้แก่ กลุ่มการเมือง สหภาพแรงงาน สมาคมนายจ้าง มีข้อสังเกตทางวิชาการต่อไปว่า นักการเมืองยินยอมให้องค์กรของกลุ่มต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลได้ ก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ควบคุมสมาชิกของตนเป็นการตอบแทน ตัวอย่างที่เด่นชัดตัวอย่างหนึ่ง ได้แก่ “สัญญาประชาคม” ระหว่างรัฐบาลอังกฤษกับขบวนการสหภาพแรงงานในกลางทศวรรษ ๑๙๗๐ รัฐบาลต้องปรึกษาหารือกับสมัชชาสหภาพกรรมกร (Trade Union Congress) ในการกำหนดนโยบายด้านกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการและการจ้างงาน ทั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สมัชชาสหภาพกรรมกรควบคุมค่าจ้างแรงงานให้คงที่ไว้.
จินดารัตน์ โพธิ์นอก
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รู้ว่าใครคิดอะไร เก่ง
: รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูก ยอดเก่ง
#บาลีวันละคำ (4,464)
1-9-67
…………………………….
…………………………….