พหลโยธิน (บาลีวันละคำ 4,460)
พหลโยธิน
ได้ยินแล้วนึกถึงอะไร
อ่านตามหลักฐานว่า พะ-หะ-ละ-โย-ทิน
อ่านตาม ๆ กันมาว่า พะ-หน-โย-ทิน
ประกอบด้วยคำว่า พหล + โยธิน
(๑) “พหล”
ภาษาไทย พจนานุกรมฯ บอกคำอ่านว่า พะ-หน ซึ่งหมายถึงเมื่ออยู่คำเดียวหรืออยู่ท้ายคำ แต่ถ้ามีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย ต้องอ่านว่า พะ-หน-ละ-
คำเทียบเช่น สถล ชล เมื่ออยู่คำเดียวหรืออยู่ท้ายคำอ่านว่า สะ-ถน ชน แต่ถ้ามีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย ต้องอ่านว่า สะ-ถน-ละ- ชน-ละ- เช่น –
สถลมารค อ่านว่า สะ-ถน-ละ-มาก ไม่ใช่ สะ-ถน-มาก
ชลมารค อ่านว่า ชน-ละ-มาก ไม่ใช่ ชน-มาก
“พหล” บาลีอ่านว่า พะ-หะ-ละ รากศัพท์มาจาก พหุ (มาก) + ลา (ธาตุ = ถือเอา) + อ (อะ) ปัจจัย, ลบสระหน้า คือ อา ที่ ลา (ลา > ล) และลบ อุ ที่ (พ)-หุ (พหุ > พห)
: พหุ+ ลา = พหุลา > พหุล + อ = พหุล > พหล แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ถือเอาเนื้อความไว้มาก” หมายถึง ทึบ, หนา (dense, thick)
บาลีมีทั้ง “พหล” และ “พหุล” ที่เป็น “พหุล” ใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) เป็นคุณศัพท์ หมายถึง มาก, ล้นเหลือ (much, abundant)
(2) เป็นคำนาม หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ (abundance)
(3) เป็นสำนวน หมายถึง ปักใจ, ตั้งใจ, อุทิศให้ (given to, intent on, devoted to)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน ไม่มีคำว่า “พหล” แต่มีคำว่า “พหุล” บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“พหุล : (คำวิเศษณ์) มาก; ดำ; ใช้ได้หลายประการ, อันเข้าใจได้มากหรือกว้างขวาง; many, much; black; variously applicable, comprehensive or extensive; – (คำนาม) ไฟ; แรม, ปักษ์มืดของเดือน; ฟ้า; กฤตติกา, หมู่ดาวลูกไก่; คราม; กระวาน; โค; fire; the dark half of a month; the sky; the Pleiades; indigo; cardamoms; a cow.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “พหล” และ “พหุล” บอกไว้ว่า –
(1) พหล : (คำวิเศษณ์) มาก, ใหญ่, หนา, ทึบ. (คำนาม) กองทัพใหญ่. (ป., ส.).
(2) พหุล : (คำวิเศษณ์) หนา, มาก. (ป., ส.).
(๒) “โยธิน”
เป็นรูปคำสันสกฤต บาลีเป็น “โยธี” รากศัพท์มาจาก โยธ + อี ปัจจัย
(ก) “โยธ” บาลีอ่านว่า โย-ทะ รากศัพท์มาจาก ยุธฺ (ธาตุ = รบ, ต่อสู้) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อุ ที่ ยุ-(ธ) เป็น โอ (ยุธฺ > โยธ)
: ยุธฺ+ ณ = ยุธณ > ยุธ > โยธ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้สู้รบ” หมายถึง นักรบ, ทหาร, นักสู้, โยธา (a warrior, soldier, fighter, champion)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “โยธ” บอกไว้ดังนี้ –
“โยธ : (คำนาม) นักรบ, ทหาร; a warrior or combatant, a soldier.”
(ข) โยธ + อี ปัจจัย
: โยธฺ + อี = โยธี แปลและมีความหมายเหมือน “โยธ”
บาลี “โยธี” สันสกฤตเป็น “โยธินฺ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“โยธินฺ : (คำนาม) ‘โยธิน,’ นักรบ; a warrior.”
ภาษาไทยเขียนอิงสันสกฤตเป็น “โยธิน” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“โยธิน : (คำนาม) นักรบ, ทหาร. (ส.).”
พหล + โยธี = พหลโยธี (พะ-หะ-ละ-โย-ที) แปลว่า “นักรบผู้เข้มแข็ง” หรือ “กองทัพที่เข้มแข็ง”
บาลี “พหลโยธี”
สันสกฤต “พหุลโยธินฺ”
ไทย “พหลโยธิน”
อภิปรายขยายความ :
“พหลโยธิน” เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 468 พระยากำแหงสงคราม (นพ) (22 เมษายน พ.ศ.2414 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2462) เป็นผู้ขอพระราชทาน
คำว่า “พหลโยธิน” ที่เป็นนามสกุล ตามอักษรโรมันที่กำกับไว้เป็น Bahalayodhin (ดูภาพจากราชกิจจานุเบกษา) ต้องอ่านว่า พะ-หะ-ละ-โย-ทิน
เห็นคำว่า “พหลโยธิน” คนที่ศึกษาประวัติศาสตร์คงจะนึกถึง พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ซึ่งมีนามเดิมว่า พจน์ นามสกุล พหลโยธิน (29 มีนาคม พ.ศ.2430 – 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2490) หนึ่งในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475
แต่คนไทยทุกวันนี้คงนึกถึง ถนน “พหลโยธิน” อันเป็นหนึ่งในทางหลวงสายประธานทั้ง 4 ของประเทศไทย คือ –
ถนนพหลโยธิน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (สายเหนือ) เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์หลักสี่ ถึงกลางสะพานแม่น้ำสาย (เขตแดนไทย/เมียนมา)
ถนนมิตรภาพ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (สายตะวันออกเฉียงเหนือ) เริ่มต้นจากจังหวัดสระบุรี ถึงสะพานมิตรภาพ จังหวัดหนองคาย (เขตแดนไทย/ลาว)
ถนนสุขุมวิท ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (สายตะวันออก) เริ่มต้นจากบางนา ถึงหาดเล็ก จังหวัดตราด
ถนนเพชรเกษม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (สายใต้) เริ่มต้นจากสะพานเนาวจำเนียร เขตบางกอกใหญ่กับเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ถึงจุดผ่านแดนถาวรสะเดา จังหวัดสงขลา (เขตแดนไทย/มาเลเซีย)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: อย่าห่วงว่าใครจะนึกถึงเราในฐานะอะไร
: จงห่วงว่าเราจะทำตัวเองให้อยู่ในฐานะอะไร
#บาลีวันละคำ (4,465)
2-9-67
…………………………….
…………………………….