บาลีวันละคำ

ธรรมนิยาม (บาลีวันละคำ 4,524)

ธรรมนิยาม

กฎแห่งธรรมชาติ

อ่านว่า ทำ-มะ-นิ-ยาม

ประกอบด้วยคำว่า ธรรม + นิยาม

(๑) “ธรรม

บาลีเป็น “ธมฺม” อ่านว่า ทำ-มะ รากศัพท์มาจาก ธรฺ (ธาตุ = ทรงไว้) + รมฺม (ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ธรฺ > ) และ ต้นปัจจัย (รมฺม > มฺม)

: ธรฺ > + รมฺม > มฺม : + มฺม = ธมฺม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “กรรมที่ทรงไว้ซึ่งความดีทุกอย่าง” (หมายถึงบุญ)

(2) “สภาวะที่ทรงผู้ดำรงตนไว้มิให้ตกไปในอบายและวัฏทุกข์” (หมายถึงคุณธรรมทั่วไปตลอดจนถึงโลกุตรธรรม)

(3) “สภาวะที่ทรงไว้ซึ่งสัตว์ผู้บรรลุมรรคเป็นต้นมิให้ตกไปในอบาย” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

(4) “สภาวะที่ทรงลักษณะของตนไว้ หรืออันปัจจัยทั้งหลายทรงไว้” (หมายถึงสภาพหรือสัจธรรมทั่วไป)

(5) “สภาวะอันพระอริยะมีโสดาบันเป็นต้นทรงไว้ ปุถุชนทรงไว้ไม่ได้” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

คำแปลตามศัพท์ที่เป็นกลาง ๆ “ธมฺม” คือ “สภาพที่ทรงไว้

บาลี “ธมฺม” สันสกฤตเป็น “ธรฺม” เราเขียนอิงสันสกฤตเป็น “ธรรม

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “ธรรม” ไว้ดังนี้ –

(1) คุณความดี เช่น เป็นคนมีธรรมะ เป็นคนมีศีลมีธรรม

(2) คําสั่งสอนในศาสนา เช่น แสดงธรรม ฟังธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้า

(3) หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา เช่น ปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม

(4) ความจริง เช่น ได้ดวงตาเห็นธรรม

(5) ความยุติธรรม, ความถูกต้อง, เช่น ความเป็นธรรมในสังคม

(6) กฎ, กฎเกณฑ์, เช่น ธรรมะแห่งหมู่คณะ

(7) กฎหมาย เช่น ธรรมะระหว่างประเทศ

(8 ) สิ่งของ เช่น เครื่องไทยธรรม

(๒) “นิยาม

บาลีอ่านว่า นิ-ยา-มะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + ยมุ (ธาตุ = ผูก, มัด, พัน) + ปัจจัย, ลบ , ลบสระที่สุดธาตุ (ยมุ > ยม), ทีฆะ อะ ต้นธาตุ (ยม > ยาม)

: นิ + ยมุ = นิยมุ + = นิยมุณ > นิยมุ > นิยม > นิยาม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การกำหนด” 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นิยาม” ว่า –

(1) way, way to an end or aim, esp. to salvation, right way (วิธี, วิธีที่จะไปถึงเป้าหมายหรือจุดหมาย, โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงความรอดพ้น, ทางที่ถูกต้อง) 

(2) method, manner, practice (วิธี, ทาง, การปฏิบัติ) 

บาลี “นิยาม” สันสกฤตก็เป็น “นิยาม

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

นิยาม : (คำนาม) พรตหรือศาสนกริยา, ตบัสหรือทุกขกริยา, อนาหาร; ประติพันธ์หรือการระงับ; a religious act or observance, penance, fasting; restraint, hindering, or holding back.”

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

นิยาม : (คำแบบ) (คำนาม) การกำหนด เช่น ธรรมนิยาม, ทาง, อย่าง, วิธี. ก. กำหนดหรือจำกัดความหมายที่แน่นอน. (ป., ส.).”

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [223] แสดง “นิยาม” ไว้ดังนี้ –

…………..

นิยาม 5 (กำหนดอันแน่นอน, ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ, กฎธรรมชาติ — Niyāma: orderliness of nature; the five aspects of natural law)

1. อุตุนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ โดยเฉพาะดิน น้ำ อากาศ และฤดูกาล อันเป็นสิ่งแวดล้อมสำหรับมนุษย์ — Utu-niyāma: physical inorganic order; physical laws)

2. พีชนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ มีพันธุกรรมเป็นต้น — Bīja-niyāma: physical organic order; biological laws)

3. จิตตนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต — Citta-niyāma: psychic law)

4. กรรมนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ คือ กระบวนการให้ผลของการกระทำ — Kamma-niyāma: order of act and result; the law of Kamma; moral laws)

5. ธรรมนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับความสัมพันธ์และอาการที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กันแห่งสิ่งทั้งหลาย — Dhamma-niyāma: order of the norm; the general law of cause and effect; causality and conditionality)

…………..

ธมฺม + นิยาม = ธมฺมนิยาม (ทำ-มะ-นิ-ยา-มะ) แปลว่า “การกำหนดด้วยธรรม” หรือ “การกำหนดตามธรรม” หมายถึง กฎแห่งธรรมชาติ

ธมฺมนิยาม” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ธรรมนิยาม” อ่านว่า ทำ-มะ-นิ-ยาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

“ธรรมนิยาม : (คำนาม) “การกำหนดแน่นอนแห่งความจริงแท้”, การดำรงอยู่แห่งความจริงแท้ คือ สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา. (ส.; ป. ธมฺมนิยาม).”

ขยายความ :

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [86] แสดง “ธรรมนิยาม” ไว้ดังนี้ –

…………..

ธรรมนิยาม 3 (กำหนดแห่งธรรมดา, ความเป็นไปอันแน่นอนโดยธรรมดา, กฎธรรมชาติ — Dhamma-niyāma: orderliness of nature; natural law)

1. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา (สังขารคือสังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง — Sabbe saṅkhārā aniccā: all conditioned states are impermanent)

2. สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา (สังขารคือสังขตธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์ — Sabbe saṅkhārā dukkhā: all conditioned states are subject to oppression, conflict or suffering)

3. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา (ธรรมคือสังขตธรรมและอสังขตธรรม หรือสังขารและวิสังขารทั้งปวงไม่ใช่ตน — Sabbe dhammā anattā: all states are not-self or soulless)

หลักความจริงนี้ แสดงให้เห็นลักษณะ 3 อย่าง ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ ของสภาวธรรมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตาม หลักทั้งสามนี้ ก็คงมีอยู่เป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าเป็นแต่ทรงค้นพบ และนำมาเปิดเผยแสดงแก่เวไนย.

…………..

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “ธรรมนิยาม” อธิบายไว้ดังนี้ –

…………..

ธรรมนิยาม : กำหนดแน่นอนแห่งธรรมดา, กฎธรรมชาติ, ความจริงที่มีอยู่หรือดำรงอยู่ตามธรรมดาของมัน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วทรงนำมาแสดงชี้แจงอธิบายให้คนทั้งหลายได้รู้ตาม มี ๓ ตามพระบาลีดังนี้ 

๑. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง 

๒. สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา สังขารทั้งปวง คงทนอยู่มิได้ 

๓. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งปวง มิใช่เป็นตน.

…………..

ดูก่อนภราดา!

: มองเห็นปัญหา ยาก

: เข้าใจปัญหา ยากกว่า

: แก้ปัญหา ยากมาก

: แก้ปัญหาสำเร็จ ยากที่สุด

#บาลีวันละคำ (4,524)

31-10-67 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *