ปายาส (บาลีวันละคำ 4,527)

ปายาส
ชวนกันหาความฉลาดโดยการเปิดพจนานุกรม
อ่านว่า ปา-ยาด
บาลีอ่านว่า ปา-ยา-สะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ปา (ธาตุ = ดื่ม) + อสฺ (ธาตุ = กิน) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แปลง อา ที่ ปา เป็น อาย (ปา > ปาย), ทีฆะ อะ ที่ อ-(สฺ) เป็น อา (อสฺ > อาส)
: ปา > ปาย + อสฺ = ปายส > ปายาส แปลตามศัพท์ว่า “ข้าวที่มีภาวะสองประการ คือดื่มก็ได้ กินก็ได้”
คำแปลนี้ทำให้สันนิษฐานว่า กระบวนการปรุงข้าวปายาสน่าจะมี 2 ระยะ คือ ระยะที่ยังเป็นน้ำอยู่ก็สามารถดื่มได้ และเมื่อเคี่ยวต่อไปจนน้ำแห้งก็เป็นของกินได้
(2) ปย (น้ำนม) + ณ ปัจจัย, ลง ส อาคมระหว่าง ปย กับ ณ (ปย + ส + ณ), ลบ ณ, ทีฆะสระต้นศัพท์ด้วยอำนาจ ณ ปัจจัย (ปย > ปาย), ทีฆะ อะ ที่ ย เป็น อา
: ปย + ส + ณ = ปยสณ > ปายส > ปายาส แปลตามศัพท์ว่า “ข้าวที่ระคนหรือที่เกิดได้ด้วยน้ำนม”
“ปายาส” (ปุงลิงค์ และ นปุงสกลิงค์) หมายถึง ข้าวที่หุงด้วยน้ำนม, ข้าวเจือน้ำนม, ข้าวปายาส (rice boiled in milk, milk-rice, rice porridge)
ขยายความ :
คำว่า “ปายาส” หรือข้าวปายาส ชวนให้นึกถึงคำอื่นอีกบางคำที่อาจจะหมายถึงข้าวปายาสตามที่แสดงรากศัพท์มานี้ หรือหมายถึงข้าวอยางอื่นก็ยังไม่แน่ใจ ขอถือโอกาสยกคำที่นึกถึงนั้นจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน มาเสนอไว้ในที่นี้เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษาเรียนรู้
คำแรกคือ “กระยาทิพย์”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ดังนี้ –
“กระยาทิพย์ : (คำนาม) ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ถั่ว งา เป็นต้น นิยมใช้หญิงพรหมจารีเป็นผู้กวน มักทำในพิธีสารท เรียกว่า ข้าวกระยาทิพย์, ข้าวทิพย์ ก็เรียก.
ต่อมา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ปรับปรุงคำนิยามใหม่ บอกไว้ดังนี้ –
“กระยาทิพย์ : (คำนาม) ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ข้าวฟ่าง ถั่วราชมาส งา เป็นต้น นิยมใช้หญิงพรหมจารีเป็นผู้กวน มักทำในพิธีสารท เรียกว่า ข้าวกระยาทิพย์, ข้าวทิพย์ ก็เรียก.”
ความแตกต่างคือ:
– พจนานุกรมฯ ฉบับ 2542 บอกว่า “ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ถั่ว งา เป็นต้น”
– พจนานุกรมฯ ฉบับ 2554 ปรับแก้เป็น “ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ข้าวฟ่าง ถั่วราชมาส งา เป็นต้น”
คำต่อไปคือ “ข้าวทิพย์”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ดังนี้ –
“ข้าวทิพย์ : (คำนาม) ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ปรุงด้วยเครื่องกวนมี น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ถั่ว งา เป็นต้น นิยมใช้หญิงพรหมจารีเป็นผู้กวน มักทำในพิธีสารท, ข้าวกระยาทิพย์ ก็เรียก.”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ปรับปรุงคำนิยามใหม่ บอกไว้ดังนี้ –
“ข้าวทิพย์ : (คำนาม) ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ข้าวฟ่าง ถั่วราชมาส งา เป็นต้น นิยมใช้หญิงพรหมจารีเป็นผู้กวน มักทำในพิธีสารท, ข้าวกระยาทิพย์ ก็เรียก.”
ความแตกต่างก็เป็นแบบเดียวกับคำว่า “กระยาทิพย์” คือ ข้อความว่า “ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ถั่ว งา เป็นต้น” ปรับแก้เป็น “ปรุงด้วยเครื่องกวนมีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนม ข้าวฟ่าง ถั่วราชมาส งา เป็นต้น”
คำต่อไปคือ “ปายาส”
คำนี้ พจนานุกรมฯ ฉบับ 2542 และฉบับ 2554 ใช้คำนิยามตรงกัน บอกไว้ดังนี้ –
“ปายาส : (คำนาม) ข้าวชนิดหนึ่งที่หุงเจือด้วยน้ำนมและน้ำตาล, ข้าวเปียกเจือนม. (ป.).”
อีกคำหนึ่งคือ “มธุปายาส”
คำนี้ พจนานุกรมฯ ฉบับ 2542 และฉบับ 2554 ก็ใช้คำนิยามตรงกัน บอกไว้ดังนี้ –
“มธุปายาส : (คำนาม) ข้าวปายาสเจือน้ำผึ้ง ใช้เป็นของหวานในงานรื่นเริง. (ป.).”
“กระยาทิพย์” “ข้าวทิพย์” “ปายาส” “มธุปายาส” ทั้ง 4 ชื่อนี้ หมายถึงข้าวชนิดเดียวกัน ใช่หรือไม่ โปรดพิจารณาดูเถิด
การเปิดพจนานุกรมฯ นอกจากได้ประโยชน์โดยตรง คือได้รู้ความหมายของคำที่ต้องการรู้แล้ว ยังได้มีโอกาสศึกษาสังเกตการใช้ถ้อยคำ อันชวนให้คิดหาเหตุผลต่อไปอีกว่า ทำไมจึงใช้ถ้อยคำแบบนั้นในคำนิยาม และทำไมจึงปรับแก้คำเช่นนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง
การคิดหาเหตุผลดังกล่าวนี้ย่อมเป็นทางนำให้เกิดปัญญา
แถม :
ในกระบวนข้าวปายาส ควรกล่าวว่าข้าวมธุปายาสตำรับนางสุชาดานับว่าขึ้นชื่อที่สุด เพราะมีวิธีเตรียมน้ำนมที่พิสดารมาก
ปฐมสมโพธิกถา พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ปริจเฉทที่ ๘ พุทธบูชาปริวัตน์ บรรยายเรื่องการเตรียมทำข้าวมธุปายาสไว้ว่า –
………….
………….
…..เอาฝูงโคนมมาประมาณ ๑,๐๐๐ ไปเลี้ยงในป่าชะเอมเครือ ให้บริโภคเครือชะเอมหวังจะให้น้ำนมนั้นมีรสหวาน แล้วจึงให้แบ่งโคนม ๑,๐๐๐ นั้นกระทำออกเป็นสองพวก พวกละ ๕๐๐ จึงให้รูดเอาน้ำนมแห่งแม่โค ๕๐๐ นั้นมาให้แม่โคพวกหนึ่งอีก ๕๐๐ นั้นบริโภค แล้วให้แบ่งแม่โค ๕๐๐ พวกนั้นออกไปเป็นสองพวก พวกละ ๒๕๐ เล่า ให้รูดน้ำนมแม่โค ๒๕๐ พวกหนึ่ง มาให้แม่โค ๒๕๐ อีกพวกหนึ่งนั้นกิน แต่แบ่งลดกึ่งกันลงมาทุกชั้น ๆ ให้แม่โคกินน้ำนมแห่งกัน ๆ ต่อ ๆ ลงไปจนตราบเท่า ๑๖ ตัว แบ่งออกเป็นสองพวก พวกละ ๘ ตัว ให้กินน้ำนมแห่งกันอีกเล่า เพื่อประโยชน์จะให้ขีรธารานั้นข้นมีรสหวานยิ่งกอปรด้วยโอชะอันเลิศ …..
………….
………….
จากนั้นจึงเอาน้ำนมโคที่ได้ตามกรรมวิธีนี้ไปเคี่ยวปรุงเป็นมธุปายาสต่อไป
“มธุปายาส” มักเรียกกันในปัจจุบันนี้ว่า “ข้าวทิพย์” พิธีกวนตามตำราท่านว่าต้องใช้สาวพรหมจารีเป็นผู้กวน
ถือกันว่า ใครได้กิน “มธุปายาส” หรือ “ข้าวทิพย์” ที่กวนถูกต้องตามตำรับแล้วจะเกิดสิริมงคลนักแล
…………..
ดูก่อนภราดา!
: อย่ามัวรอสิริมงคลจากการได้กินข้าวปายาส
: แต่จงใช้ความสามารถปฏิบัติธรรมนำให้เกิดสิริมงคล
#บาลีวันละคำ (4,527)
3-11-67
…………………………….
…………………………….