บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

เกียรติของเครื่องแบบ

เกียรติของเครื่องแบบ

———————

เมื่อแรกเข้ารับราชการในกองทัพเรือนั้น ผมมีสถานภาพเป็น “ข้าราชการกลาโหมพลเรือน”

ได้ยินคำนี้ทีแรกฟังดูขัดๆ ชอบกลอยู่ เพราะเท่าที่เข้าใจกันนั้นข้าราชการกลาโหมกับข้าราชการพลเรือนเป็นคนละสายกัน 

กลาโหมเป็นทหาร พลเรือนก็พลเรือนธรรมดา

“กลาโหมพลเรือน” หมายถึงข้าราชการที่สังกัดกระทรวงกลาโหม แต่เป็นพลเรือน ไม่ใช่ทหาร

————

ขออนุญาตแวะตรงนี้นิดหนึ่ง เพื่อหาความรู้

ทหารไทยที่เราเห็นอยู่ทั่วไปนั้นมีที่มาดังนี้ –

๑ มาจากเด็กที่เข้าเรียนในโรงเรียนเหล่าของกองทัพ คือโรงเรียนนายร้อย โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศ จบแล้วเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเป็นนายร้อย

๒ มาจากเด็กที่เข้าเรียนเป็นนักเรียนนายสิบ (ของกองทัพบก) นักเรียนจ่า (ของกองทัพเรือ) นักเรียนจ่าอากาศ (ของกองทัพอากาศ) จบแล้วเป็นนายทหารประทวน เมื่อรับราชการต่อไปสามารถเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญาบัตรได้

๓ มาจากชายฉกรรจ์ที่เข้ารับการตรวจคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการตามกฎหมาย คือที่เราเรียกกันว่าพลทหาร ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองทัพตามระยะเวลาที่กำหนด

๔ มาจากพลเรือนคือชาวบ้านธรรมดาที่มีวุฒิทางการศึกษาตรงตามที่กองทัพต้องการ โดยการสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งต่างๆ ของกองทัพ

จำพวกที่ ๑-๒-๓ พอเข้าไปในกองทัพก็ถูกฝึกให้เป็นทหารทันที แล้วจึงทำงาน

ส่วนจำพวกที่ ๔ นั้นเข้าไปทำงานก่อน แล้วจึงถูกฝึกให้เป็นทหาร ฝึกจบแล้วจึงจะได้รับการแต่งตั้งยศ จะเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวนขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สอบบรรจุ

จำพวกที่ ๔ นี้ ถ้าเคยเป็นพลทหารหรือเคยเรียนวิชารักษาดินแดน (รด.) มาก่อน เมื่อบรรจุเข้ารับราชการจะได้รับการแต่งตั้งยศทหาร-แต่งเครื่องแบบทหารได้-ทันที 

ผมอยู่ในจำพวกที่ ๔ แต่ยังไม่ได้ฝึกวิชาทหาร จึงต้องเป็น “กลาโหมพลเรือน” ไปก่อน คือยังแต่งเครื่องแบบทหารไม่ได้

ทำไมเขาจึงไม่ให้พวกที่ยังไม่ได้ฝึกวิชาทหารแต่งเครื่องแบบทหาร?

ก็เพราะคนที่จะแต่งเครื่องแบบทหารได้ต้องรู้ขนบธรรมเนียมของทหาร 

การยืน การเดิน การนั่ง 

การพูด การทักทาย 

การแสดงความเคารพ 

การวางกิริยาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอาวุโสสูงกว่า 

การปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้มีอาวุโสต่ำกว่า 

การออกคำสั่ง การรับคำสั่ง 

แบบแผนหรือหลักนิยมในการปฏิบัติราชการทางทหาร

ฯลฯ 

เหล่านี้ ล้วนมีแบบฉบับของทหารทั้งสิ้น 

และต้องปฏิบัติตามแบบฉบับนั้นด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง มิใช่สักแต่ว่าทำ 

ผู้ที่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบจึงต้องได้รับการฝึกให้มีสำนึกสูงพอที่จะรักษาเกียรติของเครื่องแบบไว้ได้

ถ้าเทียบกับพระอาจช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น

พระท่านมีหลักธรรมที่เรียกว่า “ปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณะ” (ธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ) มีอยู่ข้อหนึ่งว่า

บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว 

อาการกิริยาใดๆ ของสมณะ 

เราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ

คนแต่งเครื่องแบบทหารก็ต้องพิจารณาเนืองๆ ว่า

บัดนี้เรามีเพศต่างจากพลเรือนแล้ว 

อาการกิริยาใดๆ ของทหาร 

เราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ

————

ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดทำไม?

เมื่อเช้านี้ (๑ กันยายน) ผมเดินออกกำลังผ่านหน้าวิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ไปทางตลาดศรีเมือง เลี้ยวขวาตรงหน้าทางเข้าตลาดศรีเมือง ไปตามถนนเพชรเกษมสายเก่า 

ยังไม่ทันถึงสี่แยกต้นสำโรง ก็พอดีติดเพลงชาติ

ถนนเพชรเกษมสายเก่า ณ เวลานั้นมีรถวิ่งตลอด ทั้งรถยนต์ รถเครื่อง 

เมื่อเพลงชาติดังขึ้นจากลำโพงเสียงตามสายของเทศบาล รถทุกคันยังวิ่งกันขวักไขว่ตามปกติ

ตลอดถนนสายนั้นมีชายสูงอายุ-คือผม-เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนตรงเคารพเพลงชาติ

เพียงคนเดียวเท่านั้น-จริงๆ !!

————

แน่นอน มีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่สามารถยกขึ้นมาอ้างได้

ฯลฯล

ฯลฯ

หยุดทำไม 

หยุดไม่ได้ 

รถวิ่งตามกันมาหยุดได้ไง

เสียเวลา 

ไม่จำเป็น

ถ้าคันอื่นหยุดสิ ฉันจะหยุด นี่มีใครเขาหยุดกันมั่งล่ะ

ฯลฯ

ความรักชาตินี่ต้องแสดงออกด้วยการเคารพเพลงชาติเท่านั้นรึ

ฯลฯ

ประเทศอื่นที่เขาเจริญกว่าเราร้อยเท่า เพราะประชาชนเขาเคารพเพลงชาติงั้นสิ

ฯลฯ

ฯลฯ

————

ตอนนี้ได้ยินว่าผู้รับผิดชอบต่อบ้านเมืองกำลังเตรียมการเรื่องรัฐธรรมนูญอันเป็นระเบียบแม่บทของการบริหารบ้านเมือง 

จะเรียกว่าหัวใจของประชาธิปไตยก็ว่าได้

เราถกเถียงกันและให้ความสำคัญเป็นอันมาก-กับเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการต่างๆ ที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ-หัวใจของประชาธิปไตย

แต่เราไม่ได้สนใจกันเลยสักนิดว่า คนของเรามีหัวใจเป็นประชาธิปไตยแล้วหรือยัง

เราไม่มีมาตรการ-ถึงหากจะมีก็ไม่ได้เข้มแข็งเด็ดขาดจริงจังที่จะใช้มาตรการนั้น-สำหรับฝึกหัดอบรมสั่งสอนคนของเราให้มีสำนึกสูงพอที่จะรักษาเกียรติแห่งประชาธิปไตยเอาไว้ให้ได้

จะฝึกหัดอบรมสั่งสอนกันอย่างไร ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป

ถ้าถามว่า ประเทศของเราต้องการให้เด็กไทย-คนไทยในอนาคต-มีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร 

และมีใครลงมือฝึกหัดอบรมสั่งสอนเพื่อให้เป็นอย่างนั้นแล้วหรือยัง

ใครตอบได้บ้าง?

แค่ได้ยินเพลงชาติควรปฏิบัติตัวอย่างไร ก็ยังไม่รู้และไม่ทำกันเลย

แต่ที่อนาถยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริการกิจการบ้านเมืองก็ไม่เคยมีความคิดที่จะฝึกหัด อบรม สั่งสอน กวดขันผู้คนในบ้านเมืองแต่ประการใดทั้งสิ้น

ประชาธิปไตยนั้นก็เหมือนเครื่องแบบ

ถ้าอยากแต่งเครื่องแบบ ต้องสอนกันให้รู้จักรักษาเกียรติของเครื่องแบบด้วยครับ

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑ กันยายน ๒๕๕๘

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *