ทานวัตถุ (บาลีวันละคำ 4,568)
ทานวัตถุ
ของทำบุญ-หญ้าปากคอกอีกคำหนึ่ง
อ่านว่า ทา-นะ-วัด-ถุ
ประกอบด้วยคำว่า ทาน + วัตถุ
(๑) “ทาน”
บาลีอ่านว่า ทา-นะ รากศัพท์มาจาก ทา (ธาตุ, = ให้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: ทา + ยุ > อน = ทาน แปลตามศัพท์ว่า “การให้” “สิ่งของสำหรับให้”
“ทาน” มีความหมายว่า –
(1) การให้, ยกมอบแก่ผู้อื่น, ให้ของที่ควรให้ แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
(2) สิ่งที่ให้, ทรัพย์สินสิ่งของที่มอบให้หรือแจกออกไป
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ทาน” ว่า giving, dealing out, gift; almsgiving, liberality, munificence (การให้, การแจกให้, ของขวัญ; การให้ทาน, การมีใจคอกว้างขวาง)
“ทาน” ใช้ในรูปเดียวกันทั้งบาลีและสันสกฤต
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ทาน : (คำนาม) ‘ทาน’, การให้, การบริจาค; มันเหลวซึ่งเยิ้มออกจากขมับช้างตกน้ำมัน; การอุปถัมภ์, การบำรุง; วิศุทธิ, นิรมลีกรณ์; การตัด, การแบ่ง; ทักษิณา, ของถวาย, ของให้เปนพิเศษ; การตี, การเฆาะ; อรัณยมธุ, น้ำผึ้งป่า; giving, gift, donation; fluid that flows from the temples of an elephant in rut; nourishing, cherishing; a present, a special gift; striking, beating; wild honey.”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “ทาน” ไว้ว่า –
…………..
ทาน : การให้, ยกมอบแก่ผู้อื่น, ให้ของที่ควรให้ แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น; สิ่งที่ให้, ทรัพย์สินสิ่งของที่มอบให้หรือแจกออกไป.
…………..
(๒) “วัตถุ”
เขียนแบบบาลีเป็น “วตฺถุ” อ่านว่า วัด-ถุ รากศัพท์มาจาก วสฺ (ธาตุ = อยู่) + รตฺถุ ปัจจัย, ลบ สฺ ที่สุดธาตุ (วสฺ > ว) และ ร ต้นปัจจัย (รตฺถุ > ตฺถุ)
: วสฺ > ว + รตฺถุ > ตฺถุ : ว + ตฺถุ = วตฺถุ
หรือ : วสฺ + รตฺถุ = วสฺรตฺถุ > วตฺถุ
“วตฺถุ” (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ที่ตั้งอยู่” มีความหมายหลายอย่าง คือ :
(1) วัตถุ, ของจริง, ทรัพย์, สิ่งของ, ของที่เป็นสาระ (object, real thing, property, thing, substance)
(2) แหล่ง, ที่ตั้ง, สนาม, พื้นที่, ที่ดิน (site, ground, field, plot)
(3) มูลฐาน, รากฐาน, ฐานรองรับ, แก่นสาร, ธาตุ (basis, foundation, seat, (objective) substratum, substance, element)
(4) โอกาส, เหตุผล, พื้นฐาน (occasion for, reason, ground)
(5) เนื้อหา, รูปเรื่อง, เรื่องราว, รายงาน (subject matter, subject, story, account)
(6) ข้อ หรือกระทง (ในข้อความ) (object, item)
บาลี “วตฺถุ” สันสกฤตเป็น “วสฺตุ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกความหมายในสันสกฤตไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“วสฺตุ : (คำนาม) พัสดุ, วัตถุ, สิ่ง; ภาวะหรือประกฤติ, สาระหรือมูลพัสดุ, มูล; มุขยบทแห่งกาพย์หรือนาฏก; matter, substance, thing; nature or essential property, essence or pith; the main subject of a poem or play.”
“วตฺถุ” และ “วสฺตุ” ในบาลีสันสกฤต ไทยเราเอามาใช้เป็น 3 รูป คือ “วัตถุ” (วัด-ถุ) “วัสดุ” (วัด-สะ-ดุ) และ “พัสดุ” (พัด-สะ-ดุ)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของคำทั้ง 3 ในภาษาไทยไว้ดังนี้ –
(1) วัตถุ : (คำนาม) สิ่งของ. (ป.; ส. วสฺตุ).
(2) วัสดุ : (คำนาม) วัตถุที่นํามาใช้ เช่น วัสดุก่อสร้าง; ของใช้ที่มีอายุการใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น กระดาษ ดินสอ (ใช้แก่การงบประมาณ). (ส. วสฺตุ; ป. วตฺถุ).
(3) พัสดุ : (คำนาม) สิ่งของต่าง ๆ, เครื่องใช้ไม้สอย, ที่ดิน, บ้านเรือน. (ส. วสฺตุ; ป. วตฺถุ).
คำว่า “วัตถุ” ในพจนานุกรมฯ มีลูกคำอีก 4 คำ ดังนี้ –
(1) วัตถุดิบ : (คำนาม) สิ่งที่เตรียมไว้เพื่อผลิตหรือประกอบเป็นสินค้าสําเร็จรูป; โดยปริยายหมายถึงเรื่องราว ประสบการณ์ เป็นต้น ที่นักเขียนเสาะหาหรือตระเตรียมสะสมไว้เพื่อแต่งหนังสือ.
(2) วัตถุนิยม : (คำนาม) ทฤษฎีหรือความเชื่อที่ว่าวัตถุเท่านั้นมีอยู่จริง; การให้คุณค่าแก่สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่าสิ่งที่เป็นนามธรรม, สสารนิยม ก็ว่า.
(3) วัตถุประสงค์ : (คำนาม) ผลที่ประสงค์ให้บรรลุ เช่น วัตถุประสงค์ของมัธยมศึกษาก็เพื่อให้เยาวชนมีความรู้ คิดเป็น ทำเป็น และมีคุณธรรม, จุดประสงค์ ก็ว่า.
(4) วัตถุวิสัย : (คำวิเศษณ์) ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ โดยไม่เกี่ยวกับความคิดหรือความรู้สึก; เรียกการสอบแบบที่ผู้สอบมักไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบตายตัว ว่าการสอบแบบวัตถุวิสัย, ปรนัย ก็ว่า. (อ. objective).
ทาน + วตฺถุ = ทานวตฺถุ (ทา-นะ-วัด-ถุ) แปลว่า “สิ่งของอันเขาให้” หมายถึง ของที่ควรให้ กล่าวคือ ถ้าจะให้อะไรแก่ใคร ของสิ่งนั้นแหละเรียกว่า “ทานวตฺถุ” = ของที่ควรให้
“ทานวตฺถุ” ใช้ทับศัพท์ในภาษาไทยเป็น “ทานวัตถุ” อ่านว่า ทา-นะ-วัด-ถุ (ไม่ใช่ ทาน-วัด-ถุ)
คำว่า “ทานวัตถุ” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
คำว่า “ทานวตฺถุ” มีใช้ในคัมภีร์บาลี ดังคาถาว่า –
…………..
อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ
มาลา คนธํ วิเลปนํ
เสยฺยาวสถํ ปทีเปยฺยํ
ทานวตฺถู อิเม ทส.
(อันนัง ปานัง วัตถัง ยานัง
มาลา คันธัง วิเลปะนัง
เสยยาวะสะถัง ปะทีเปยยัง
ทานะวัตถู อิเม ทะสะ)
…………..
หมายเหตุ: ถ้อยคำตามคาถานี้ มีในพระไตรปิฎกหลายแห่ง เช่น สังคีติสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 11 ข้อ 346 เป็นต้น แต่ไม่ได้เรียบเรียงเป็นรูปคาถา คำที่เป็นคาถาตามที่ยกมานี้ปรากฏในคัมภีร์มังคลัตถทีปนี ภาค 2 ข้อ 5 หน้า 3 ซึ่งยกข้อความในคัมภีร์ต่าง ๆ มาอธิบายมงคลสูตรข้อที่ว่าด้วย “ทาน”
…………..
ข้อความในคาถามีคำแปลพร้อมทั้งคำอธิบายดังนี้ –
…………..
ทานวัตถุ-ของที่ควรให้ มี 10 อย่าง ดังต่อไปนี้ –
(1) อันนะ = อาหารหรือของกินทุกชนิด
(2) ปานะ = เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มหรือน้ำผลไม้ รวมทั้งเครื่องประกอบที่ใช้ปรุงเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ
(3) วัตถะ = เครื่องนุ่งห่ม รวมทั้งเครื่องใช้จำพวกผ้าทุกชนิด
(4) ยานะ = ยวดยานพาหนะต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องช่วยให้ไปมาสะดวก แม้กระทั่งรองเท้าและร่มก็รวมอยู่ในประเภทนี้
(5) มาลา = ดอกไม้ทั้งที่ร้อยเป็นพวง หรือจัดให้สวยงาม หรือดอกไม้ธรรมดา ๆ
(6) คันธะ = เครื่องหอม แต่มุ่งถึงเครื่องหอมประเภทสมุนไพรที่มีผลในทางเป็นยา ไม่ใช่เครื่องหอมประเภทเครื่องสำอาง (ธูป ก็น่าจะสงเคราะห์เข้าในประเภทนี้)
(7) วิเลปนะ = เครื่องทา มุ่งถึงเครื่องทาประเภทยาเช่นกัน เป็นต้นว่าน้ำมันทานวดเส้นแก้ปวดเมื่อย ไม่ใช่เครื่องทาประเภทประเทืองผิว
(8 ) เสยยะ = เครื่องนอน รวมไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ เตียงตั่ง เครื่องปูลาดทั้งปวง
(9) อาวสถะ = ที่พักอาศัย รวมตลอดถึงกุฏิ วิหาร อาคารสถานที่ทั้งปวง
(10) ปทีเปยยะ = เครื่องไฟแสงสว่าง รวมตลอดทั้งเทียน ตะเกียง น้ำมันเติมตะเกียง ปัจจุบันนี้ก็รวมอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่าง (และอาจจะรวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายเข้าด้วย)
…………..
โปรดทราบว่า ของถวายพระที่เราเรียกกันเพลินไปว่า “สังฆทาน” ก็อยู่ในจำพวก “ทานวัตถุ” เหล่านี้ทั้งนั้น แต่นักเรียนบาลีบ้านเราไปหลงเรียกว่า “สงฺฆทานานิ” ดังปรากฏในคำถวายทานที่ระบาดอยู่ในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ (อิมานิ มะยัง ภันเต สังฆะทานานิ …)
ของถวายเหล่านี้ ท่านเรียกว่า “ทานวตฺถุ” (ทา-นะ-วัด-ถุ) ไม่ได้เรียกว่า “สงฺฆทาน” (สัง-คะ-ทา-นะ) คำบาลี “ทานวตฺถุ” นักเรียนบาลีบ้านเราก็ผ่านตามาตั้งแต่เปรียญธรรม 5 ประโยค แต่ไม่ได้นึกถึง กลับไปหลงเอาคำว่า “สงฺฆทาน” ซึ่งไม่ได้หมายถึง “สิ่งของ” ใด ๆ เลยมาใช้ นับว่าเป็นเรื่องประหลาดอย่างหนึ่งในวงการเรียนบาลี
และการที่ไม่ได้มีหน่วยงานใด ๆ ของคณะสงฆ์ออกมาทักท้วง แต่พากันนิ่งเลยเฉยผ่านมานานนักหนา ประหนึ่งว่าเห็นดีเห็นชอบด้วย ก็นับว่าเป็นเรื่องประหลาดซ้อนประหลาดเลยทีเดียว
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ยอมสยบให้กับเรื่องผิด ๆ
: คุณค่าของบัณฑิตก็จมดิน
#บาลีวันละคำ (4,568)
14-12-67
…………………………….
…………………………….