บาลีวันละคำ

มงคลสมรส (บาลีวันละคำ 4,569)

มงคลสมรส

แปลว่าอะไร

อ่านว่า มง-คน-สม-รด

ประกอบด้วยคำว่า มงคล + สมรส

(๑) “มงคล

เขียนแบบบาลีเป็น “มงฺคล” (มีจุดใต้ งฺ) อ่านว่า มัง-คะ-ละ รากศัพท์มาจาก –

(1) มคิ (ธาตุ = ถึง, ไป, เป็นไป) + อล ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ -(คิ) แล้วแปลงนิคหิตเป็น งฺ (มคิ > มํคิ > มงฺคิ), ลบสระที่สุดธาตุ (มคิ > มค)

: มคิ > มํคิ > มงฺคิ > มงฺค + อล = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า (1) “เหตุให้ถึงความเจริญ” (2) “เหตุเป็นเครื่องถึงความบริสุทธิ์แห่งเหล่าสัตว์

(2) มงฺค (บาป) + ลุ (ธาตุ = ตัด) + (อะ) ปัจจัย, ลบสระหน้า (คือ อุ ที่ ลุ ที่อยู่หน้า ปัจจัย : ลุ > )

: มงฺค + ลุ = มงฺคลุ > มงฺคล + = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า “เหตุที่ตัดความชั่ว

มงฺคล” (นปุงสกลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) มีฤกษ์งามยามดี, รุ่งเรือง, มีโชคดี, มีมหกรรมหรืองานฉลอง (auspicious, prosperous, lucky, festive) 

(2) ลางดี, ศุภมงคล, งานรื่นเริง (good omen, auspices, festivity)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มงคล, มงคล– : (คำนาม) เหตุที่นํามาซึ่งความเจริญ เช่น มงคล ๓๘, สิ่งซึ่งถือว่าจะนำสิริและความเจริญมาสู่และป้องกันไม่ให้สิ่งที่เลวร้ายมากล้ำกราย, เรียกงานที่จัดให้มีขึ้นเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข เช่น งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานทำบุญวันเกิด ว่า งานมงคล; เรียกเครื่องรางของขลังที่เชื่อว่าจะนำความสุขความเจริญเป็นต้นมาให้ หรือป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ว่า วัตถุมงคล; สิ่งที่ทำเป็นวงด้วยด้ายเป็นต้นสำหรับสวมศีรษะเพื่อเป็นสิริมงคล นิยมใช้เฉพาะในเวลาชกมวยไทยหรือตีกระบี่กระบอง. (ป., ส.).”

มงคล” ตามหลักพระพุทธศาสนาหมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ

(๒) “สมรส

ภาษาไทยอ่านว่า สม-รด แยกศัพท์เท่าที่ตาเห็นเป็น สม + รส 

(ก) “สม” บาลีอ่านว่า สะ-มะ รากศัพท์มาจาก สมฺ (ธาตุ = ห้อย, ย้อย) + (อะ) ปัจจัย

: สมฺ + = สม แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ห้อยอยู่” (คืออยู่เคียงคู่กัน) 

สม” ในบาลีเป็นคุณศัพท์ (ถ้าเป็นนาม เป็นปุงลิงค์) ใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) เรียบ, ได้ระดับ (even, level)

(2) เหมือนกัน, เสมอกัน, อย่างเดียวกัน (like, equal, the same)

(3) เที่ยงธรรม, ซื่อตรง, มีจิตไม่วอกแวก, ยุติธรรม (impartial, upright, of even mind, just)

(ข) “รส” บาลีอ่านว่า ระ-สะ รากศัพท์มาจาก –

(1) รสฺ (ธาตุ = ยินดี; ติดใจ, เยื่อใย) + (อะ) ปัจจัย

: รสฺ + = รส (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งเป็นที่ยินดีแห่งเหล่าสัตว์” (2) “สิ่งอันเหล่าสัตว์ติดใจ” “สิ่งเป็นเหตุติดใจ” 

(2) (แทนศัพท์ “รม” = พอใจ) + อสฺ (ธาตุ = กิน) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ

: + อสฺ = รส + กฺวิ = รสกฺวิ > รส (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่สัตว์พอใจกิน

รส” ในบาลีใช้ในความหมายหลายหลากมากกว่าที่เรารู้กันในภาษาไทย พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ รวบรวมไว้ดังนี้ –

(1) juice (น้ำผลไม้) 

(2) taste as [objective] quality, the sense-object of taste (รสในฐานเป็นคุณลักษณะ [เชิงวัตถุวิสัย], รสายตนะ)

(3) sense of taste, as quality & personal accomplishment (ความรู้สึกเกี่ยวกับรสในฐานเป็นใหญ่ และความสำเร็จส่วนตน)

(4) object or act of enjoyment, sensual stimulus, material enjoyment, pleasure (วัตถุ หรือสิ่งเร้าเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน, สิ่งกระตุ้นทางอารมณ์, ความเพลิดเพลินทางวัตถุ, สุขารมณ์)

(5) flavour and its substance or substratum (รสและสาระของรส หรือสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นรส)

(6) essential property, elegance, brightness (สมบัติอันเป็นสาระสำคัญ, ความสง่างาม, ความเจิดจ้า)

(7) essential property [in philosophy] (สมบัติอันเป็นสาระสำคัญ [คำเฉพาะในทางปรัชญา])

(8 ) fine substance, semi-solid semiliquid substance, extract, delicacy, fineness, dust (สิ่งของที่ละเอียดอ่อน, สิ่งของครึ่งแข็งครึ่งเหลว, สิ่งที่กลั่นออกจากของอื่น, ของที่แบบบาง, ความละเอียด, ละออง)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รส : (คำนาม) สิ่งที่รู้ได้ด้วยลิ้น เช่น เปรี้ยว หวาน เค็ม ฝาด, โดยปริยายหมายถึง ความไพเราะ เช่น กลอนบทนี้ไม่มีรส. (ป., ส.).”

สม + รส = สมรส ภาษาไทยอ่านว่า สม-รด

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

สมรส : (คำกริยา) แต่งงาน เช่น นาย ก สมรสกับนางสาว ข. (คำวิเศษณ์) ที่เกี่ยวกับการแต่งงาน เช่น พิธีมงคลสมรส.”

พจนานุกรมฯ มีคำว่า “การสมรส” อีกคำหนึ่ง บอกไว้ดังนี้ –

การสมรส : (คำที่ใช้ในกฎหมาย) (คำนาม) การแต่งงานที่จดทะเบียนสมรสแล้ว.”

ทำไมจึงเรียกการแต่งงานว่า “สมรส” ผู้เขียนบาลีวันละคำยังไม่พบคำอธิบาย (คำอธิบายคงมี แต่ผู้เขียนบาลีวันละคำยังไม่ได้เห็น)

ขอสันนิษฐาน (คือเดา) ว่า ชายหญิงนิยมชมชอบ หรือพอใจใน “รส” ต่าง ๆ เหมือนกัน หรือ “สม” กัน เมื่อมาแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน จึงเรียกว่า “สมรส” แปลว่า “มีรสนิยมสมกัน

คำสันนิษฐานนี้ ผิดถูกประการใด ขอท่านผู้รู้โปรดช่วยบูรณาการด้วยเทอญ

มงคล + สมรส = มงคลสมรส (มง-คน-สม-รด) แปลเท่าที่ตาเห็นว่า “งานมงคลเนื่องในการแต่งงาน

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้สั้น ๆ ว่า –

มงคลสมรส : (คำนาม) งานแต่งงาน.”

ขยายความ :

เพื่อให้ได้แง่คิดทางธรรม ขอนำข้อความจาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [183] แสดง “สมชีวิธรรม” หลักธรรมของคนที่สมรสกัน มาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้ –

…………..

สมชีวิธรรม 4 (หลักธรรมของคู่ชีวิต, ธรรมที่จะทำให้คู่สมรสมีชีวิตสมหรือสม่ำเสมอกลมกลืนกัน อยู่ครองกันยืดยาว — Samajãvidhamma: qualities which make a couple well matched)

1. สมสัทธา (มีศรัทธาสมกัน — Sama-saddhā: to be matched in faith)

2. สมสีลา (มีศีลสมกัน — Sama-sīlā: to be matched in moral conduct)

3. สมจาคา (มีจาคะสมกัน — Sama-cāgā: to be matched in generosity)

4. สมปัญญา (มีปัญญาสมกัน — Sama-paññā: to be matched in wisdom)

…………..

อ่านรายละเอียดในพระไตรปิฎกได้ที่ลิงก์นี้

https://84000.org/tipitaka/read/?21/55

…………..

อธิบายแถม :

1. สมสัทธา มีศรัทธาสมกัน หมายความว่า นับถือเลื่อมใสในสิ่งเดียวกัน หรือไปในแนวทางเดียวกัน = ไปไหนไปกัน

2. สมสีลา มีศีลสมกัน หมายความว่า มีความประพฤติถูกต้องดีงามในแนวทางเดียวกัน = เป็นไงเป็นกัน

3. สมจาคา มีจาคะสมกัน หมายความว่า มีน้ำใจเสียสละเสมอกัน = เท่าไรเท่ากัน

4. สมปัญญา มีปัญญาสมกัน หมายความว่า มีแนวคิด มีเหตุผลในเรื่องต่าง ๆ ตรงกัน หรือไปในแนวทางเดียวกัน = ว่าไงว่ากัน

ท่านว่า ชายหญิงใดมีคุณสมบัติเช่นนี้ ชายหญิงนั้นจะได้พบกันเป็นคู่ครองกันทุกภพทุกชาติ

…………..

หมายเหตุ: โปรดระวัง คำว่า “สม-” ที่อยู่หน้าชื่อคุณธรรม อ่านว่า สะ-มะ- อย่างคำบาลี ไม่ใช่อ่านว่า สม อย่างคำไทย

แต่คำแปล เช่น “มีศรัทธาสมกัน” “สม” ในที่นี้อ่านว่า สม อย่างคำไทย ไม่ใช่อ่านว่า สะ-มะ อย่างคำบาลี

…………..

ดูก่อนภราดา!

เมื่อสมรสกันแล้ว –

: จงพยายามปรับ “รส” ของตนให้ “สม” กับรสของเขา

: อย่าเอาแต่เกณฑ์ให้เขาปรับ “รส” ของเขาให้ “สม” กับรสของตน

#บาลีวันละคำ (4,569)

15-12-67 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *