บาลีวันละคำ

ผาสุวิหาร (บาลีวันละคำ 4,589)

ผาสุวิหาร

สร้างได้ทั้งในบ้านและในวัด

อ่านว่า ผา-สุ-วิ-หาน

ประกอบด้วยคำว่า ผาสุ + วิหาร

(๑) “ผาสุ” 

อ่านว่า ผา-สุ รากศัพท์มาจาก –

(1) ผส (ธาตุ = ชอบใจ) + ณุ ปัจจัย, ลบ เหลือแต่ อุ (ณุ > อุ), ทีฆะต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (ผสฺ > ผาส)

: ผส + ณุ = ผสณุ > ผสุ > ผาสุ แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ชอบใจ” 

(2) ผุส (ธาตุ = เบียดเบียน) แปลง อุ ที่ ผุ เป็น อา (ผุส > ผาส) + อุ ปัจจัย 

: ผุส + อุ = ผุสุ > ผาสุ แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่เบียดเบียนความทุกข์” 

ผาสุ” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง ความสบาย, ความสะดวก, ความรื่นรมย์ (pleasant, convenient, comfortable)

(๒) “วิหาร

ภาษาไทยอ่านว่า วิ-หาน บาลีอ่านว่า วิ-หา-ระ รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = พิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + หรฺ (ธาตุ = อยู่อาศัย) + ปัจจัย, ลบ , “ทีฆะต้นธาตุ” คือ อะ ที่ -(รฺ) เป็น อา (หรฺ > หาร)

: วิ + หรฺ = วิหรฺ + = วิหรณ > วิหร > วิหาร แปลตามศัพท์ว่า “นำอิริยาบถไปเป็นพิเศษ” หมายความว่า ผลัดเปลี่ยนอิริยาบถ หรือยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ในที่นั้น อาการเช่นนั้นจึงเรียกว่า “วิหาร

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลคำว่า “วิหาร” ไว้ดังนี้ –

(1) spending one’s time [sojourning or walking about], staying in a place, living; place of living, stay, abode [in general] (ใช้เวลา [พักแรมหรือเดินไปหา], พักอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง, ดำรงอยู่; วิหาร, ที่อยู่, ที่อาศัย [โดยทั่วๆ ไป]) 

(2) state of life, condition, mode of life (การดำรงชีวิต, สถานะ, วิถีชีวิต) 

(3) a habitation for a Buddhist mendicant, an abode in the forest, or a hut; a dwelling, habitation, lodging [for a bhikkhu], a single room (วิหาร, ที่พักอาศัยในป่า, หรือกระท่อม; ที่อยู่อาศัย, ที่พักพิง, กุฏิ [สำหรับภิกษุ], ห้องเดี่ยว) 

(4) place for convention of the bhikkhus, meeting place; place for rest & recreation [in garden or park] (สถานที่ประชุมของภิกษุ, ที่ประชุม; สถานที่พักผ่อนและหย่อนใจ [ในสวนหรืออุทยาน]) 

(5) a larger building for housing bhikkhus, an organized monastery, a Vihāra (ตึกใหญ่สำหรับภิกษุทั้งหลายอยู่อาศัย, วัด, วิหาร) 

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วิหาร, วิหาร– : (คำนาม) วัด, ที่อยู่ของพระสงฆ์; ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป, คู่กับ โบสถ์; การพักผ่อน เช่น ทิวาวิหาร ว่า การพักผ่อนในเวลากลางวัน. (ป., ส.).” 

ขยายความแทรก : 

วิหาร” ถ้าใช้เป็นอาการนาม มีความหมายว่า “การอยู่” ถ้าหมายถึงสถานที่ แปลว่า “ที่อยู่

ในภาษาบาลี “วิหาร” ที่แปลว่า “ที่อยู่” โดยทั่วไปหมายถึง “วัด” (monastery สถานที่ทางศาสนา โดยปรกติเป็นที่อยู่ของสงฆ์) เช่น เวฬุวัน เชตวัน บุพพาราม ชีวกัมพวัน สถานที่เหล่านี้ล้วนมีฐานะเป็น “วิหาร” คือที่อยู่ของพระสงฆ์

ในภาษาไทย “วิหาร” เข้าใจกันในความหมายเฉพาะว่า อาคารที่สร้างเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป คู่กับ “โบสถ์” คืออาคารที่สร้างเพื่อเป็นที่ทำสังฆกรรม

ในภาษาไทย เฉพาะอาคารหลังเดียวในวัด (ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป) เรียกว่า “วิหาร” ในภาษาบาลี พื้นที่หมดทั้งวัด เรียกว่า “วิหาร

ในที่นี้ “วิหาร” ใช้เป็นอาการนาม มีความหมายว่า “การอยู่

ผาสุ + วิหาร = ผาสุวิหาร (ผา-สุ-วิ-หา-ระ) แปลว่า “การอยู่สบาย” หมายถึง การอยู่เป็นสุข, การอยู่ผาสุก, ความสะดวกสบาย (comfort, ease)

ผาสุวิหาร” บาลีอ่านว่า ผา-สุ-วิ-หา-ระ ภาษาไทยอ่านว่า ผา-สุ-วิ-หาน

คำว่า “ผาสุวิหาร” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

ขยายความ :

ผาสุวิหาร = การอยู่สบาย” มีความหมาย 2 นัย คือ การอยู่สบายทางกาย และการอยู่สบายทางใจ

การอยู่สบายทางกาย ดังตัวอย่างว่า –

…………..

จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป

อภุตฺวา อุทกํ ปิเว

อลํ ผาสุวิหาราย

ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน ฯ

การบริโภคอาหารยังอีก 4-5 คำจะอิ่ม

ควรงดเสีย แล้วดื่มน้ำ

(เท่านี้) เป็นการเพียงพอเพื่ออยู่สบาย

ของภิกษุผู้มีใจเด็ดเดี่ยว

ที่มา: เถรคาคา (สารีปุตตเถรคาถา) พระไตรปิฎกเล่ม 26 ข้อ 396

…………..

การอยู่สบายทางใจ ดังตัวอย่างในข้อ (4) ของวัตถุประสงค์ในการบัญญัติพระวินัย 10 ข้อ ดังนี้ –

…………..

เตนหิ  ภิกฺขเว  ภิกฺขูนํ  สิกฺขาปทํ  ปญฺญาเปสฺสามิ  ทส  อตฺถวเส  ปฏิจฺจ  

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลายอาศัยอำนาจประโยชน์ 10 ประการ คือ –

(1) สงฺฆสุฏฺฐุตาย = เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ คือ เพื่อความเรียบร้อยดีงามแห่งสงฆ์ ซึ่งได้ทรงชี้แจงให้มองเห็นคุณโทษแห่งความประพฤตินั้น ๆ ชัดเจนแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบทขึ้นไว้โดยความเห็นชอบร่วมกัน

(2) สงฺฆผาสุตาย = เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์

(3) ทุมฺมงฺกูนํ  ปุคฺคลานํ  นิคฺคหาย = เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก คือ เพื่อกำราบคนผู้ด้าน ประพฤติทราม

(4) เปสลานํ  ภิกฺขูนํ  ผาสุวิหาราย = เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุผู้มีศีลดีงาม

(5) ทิฏฺฐธมฺมิกานํ  อาสวานํ  สํวราย = เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน คือ เพื่อระวังปิดทางความเสื่อมเสีย ความทุกข์ ความเดือดร้อน ที่จะมีในปัจจุบัน

(6) สมฺปรายิกานํ  อาสวานํ  ปฏิฆาตาย = เพื่อบำบัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต คือเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสื่อมเสีย ความทุกข์ความเดือดร้อน ที่จะมีมาในภายหน้าหรือภพหน้า

(7) อปฺปสนฺนานํ  ปสาทาย = เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส

(8 ) ปสนฺนานํ  ภิยฺโยภาวาย = เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นไปของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว

(9) สทฺธมฺมฏฺฐิติยา = เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม

(10) วินยานุคฺคหาย = เพื่ออนุเคราะห์วินัย คือ ทำให้มีบทบัญญัติสำหรับใช้เป็นหลักเกณฑ์จัดระเบียบของหมู่ สนับสนุนความมีวินัยให้หนักแน่นมั่นคงยิ่งขึ้น

ที่มา: ปฐมปาราชิกกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 1

พระไตรปิฎกเล่ม 1 ข้อ 20

คำแปล: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ข้อ [327]

ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต 

…………..

ดูก่อนภราดา!

: รู้ประมาณในการบริโภค

ทำให้อยู่สบายกาย

: เจริญสติไม่ว่างวาย

ทำให้อยู่สบายใจ

#บาลีวันละคำ (4,589)

4-1-68 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *