อัสสมโณ (บาลีวันละคำ 4,591)

อัสสมโณ
ไม่ใช่สมณะ = ไม่ใช่พระ
อ่านว่า อัด-สะ-มะ-โน
“อัสสมโณ” เขียนแบบบาลีเป็น “อสฺสมโณ” อ่านว่า อัด-สะ-มะ-โน รูปคำเดิมเป็น “อสฺสมณ” อ่านว่า อัด-สะ-มะ-นะ แยกศัพท์ตามที่ตาเห็นเป็น อ + สมณ
(๑) “อ”
อ่านว่า อะ รูปคำเดิมเป็น “น” อ่านว่า นะ เป็นศัพท์จำพวกนิบาต แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
(๒) “สมณ”
อ่านว่า สะ-มะ-นะ รากศัพท์มาจาก สมฺ (ธาตุ = สงบ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แปลง น เป็น ณ
: สมฺ + ยุ > อน = สมน > สมณ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้สงบจากบาปด้วยประการทั้งปวงด้วยอริยมรรค” หรือแปลสั้น ๆ ว่า “ผู้สงบ” หมายถึง นักบวช, ภิกษุ, บรรพชิต
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สมณ” ว่า a wanderer, recluse, religieux (นักบวช, ฤๅษี, สมณะ)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมณ-, สมณะ : (คำนาม) ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).”
น + สมณ ซ้อน สฺ ระหว่างศัพท์
กฎการประสมของ น + คือ :
(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แปลง น เป็น อ–
(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ (อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ) แปลง น เป็น อน–
ในที่นี้ คำหลังคือ “สมณ” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ คือ ส– จึงต้องแปลง น เป็น อ
: น + สฺ + สมณ = นสฺสมณ > อสฺสมณ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ไม่ใช่สมณะ” คือ ไม่ใช่พระ ไม่เป็นพระ
คำว่า “อสฺสมณ” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “อสฺสมโณ” เขียนแบบไทยเป็น “อัสสมโณ”
ขยายความ :
คำว่า “อสฺสมโณ” ในบาลีมาคู่กับคำว่า “อสกฺยปุตฺติโย” ขอให้ศึกษาตัวอย่างจากคำบอกอนุศาสน์ ดังนี้:
…………..
(1) เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส สีสจฺฉินฺโน อภพฺโพ เตน สรีรพนฺธเนน ชีวิตุํ
อันว่าคนถูกตัดศีรษะ ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกฉันใด
เอวเมว ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโย ฯ
ภิกษุเสพเมถุนธรรม ก็ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร ฉันนั้นเหมือนกัน
(2) เสยฺยถาปิ นาม ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปมุตฺโต อภพฺโพ หริตตฺตาย
อันว่าใบไม้เหลืองหลุดจากขั้ว ไม่อาจจะเขียวสดได้อีกฉันใด
เอวเมว ภิกฺขุ ปาทํ วา ปาทารหํ วา อติเรกปาทํ วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิตฺวา อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโย ฯ
ภิกษุถือเอาของอันเขาไม่ได้ให้ด้วยอาการขโมย ได้ราคาหนึ่งบาทก็ดี เทียบเท่ากับหนึ่งบาทก็ดี เกินหนึ่งบาทก็ดี ก็ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร ฉันนั้นเหมือนกัน
(3) เสยฺยถาปิ นาม ปุถุสิลา เทฺวธา ภินฺนา อปฺปฏิสนฺธิกา โหติ
อันว่าศิลาก้อนใหญ่แตกสองเสี่ยง ต่อให้ติดสนิทเป็นเนื้อเดิมอีกไม่ได้ฉันใด
เอวเมว ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโย ฯ
ภิกษุจงใจพรากมนุษย์จากชีวิต ก็ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร ฉันนั้นเหมือนกัน
(4) เสยฺยถาปิ นาม ตาโล มตฺถกจฺฉินฺโน อภพฺโพ ปุน วิรุฬฺหิยา
อันว่าตาลยอดด้วน ไม่อาจที่จะงอกขึ้นได้อีก ฉันใด
เอวเมว ภิกขุ ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปิตฺวา อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโย.
ภิกษุตกอยู่ในอำนาจความอยาก ถูกความอยากได้ครอบงำ อวดอุตริมนุสธรรมอันไม่ได้บรรลุจริง ก็ไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร ฉันนั้นเหมือนกัน
ที่มา: มหาขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 1 พระไตรปิฎกเล่ม 4 ข้อ 144
…………..
คำว่า “อสฺสมโณ = อัสสมโณ” มีความหมาย 2 นัย
นัยหนึ่ง เป็นสมณะอยู่ก่อน แต่ประพฤติการบางอย่างถึงขั้นที่พระวินัยกำหนดไว้ว่าต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นสมณะ แบบนี้ก็เรียกว่า “อัสสมโณ” ซึ่งควรแปลว่า “ไม่เป็นสมณะ” คือ ก่อนหน้านี้เคยเป็นสมณะ แต่บัดนี้ไม่เป็นสมณะแล้ว
อีกนัยหนึ่ง ไม่ได้ผ่านกระบวนการตามพระวินัยที่เรียกว่า อุปสมบทเป็นสมณะ แต่เอาเครื่องกายของสมณะมาสวมใส่ให้คนที่พบเห็นเข้าใจว่าเป็นสมณะ แบบนี้ก็เรียกว่า “อัสสมโณ” ซึ่งควรแปลว่า “ไม่ใช่สมณะ” คือ ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือขณะนี้ ก็ไม่เคยเป็นสมณะ เพราะฉะนั้น จึง “ไม่ใช่สมณะ” มาแต่เดิม
แถม :
ทุกวันนี้ เวลามีข่าวเรื่องคนปลอมบวช คือคนที่ “ไม่ใช่สมณะ” มาแต่เดิม ไปแสดงตนเป็นสมณะและถูกจับได้ ผู้เอาข่าวมาประกาศต่อสาธารณะมักจะใช้คำว่า “พระปลอม” ซึ่งจูงความรู้สึกของคนฟังให้เข้าใจไปว่า คนผู้นั้นเป็น “พระ” ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงเขาเป็น “อัสสมโณ” แบบ “ไม่ใช่สมณะ” คือไม่ใช่พระมาแต่เดิมอยู่แล้ว ทำไมจึงไปใช้คำว่า “พระ” ให้คนเข้าใจผิด?
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอเสนอคำว่า “อัสสมโณ” แทนคำว่า “พระปลอม”
ต่อไปนี้เมื่อจะเอ่ยถึงคนปลอมบวช คือคนที่ใช่พระมาแต่เดิม อย่าเรียกว่า “พระปลอม” อย่าพูดว่า “ตำรวจจับพระปลอมได้คนหนึ่ง” แต่ให้เรียกว่า “อัสสมโณ” เช่น “ตำรวจจับอัสสมโณได้คนหนึ่ง” คนที่ได้ยินคำนี้จะไม่ได้นึกไปถึง “พระ” ไม่ต้องเอา “พระ” เข้ามาเกี่ยวข้อง
แน่นอนว่า คนได้ยินคำว่า “อัสสมโณ” ย่อมจะไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร หมายถึงอะไร หรือหมายถึงใคร แต่เมื่อรู้ถึงพฤติกรรมที่ปรากฏในข่าวก็จะเข้าใจได้เองว่า คนที่ถูกจับ “ไม่ใช่พระ” ซึ่งเป็นความหมายที่ถูกต้องของ “อัสสมโณ”
“พระ” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ทรงศีลทรงธรรมก็จะไม่ต้องถูกจูงเข้ามาสู่ความรู้สึกที่ไม่ดีจากคนที่ไม่ใช่พระอีกต่อไป
แน่นอน ผู้เขียนบาลีวันละคำตระหนักดีว่า ข้อเสนอนี้ไม่มีใคร “เอา” ด้วย มีเหตุผลเป็นร้อยที่จะไม่เอาด้วย หลายคนอาจเห็นเป็นคำตลกไร้สาระ ผลจากข้อเสนอที่ออกมาจะเป็น 0
แล้วเอามาเสนอทำไม?
เอามาเสนอตามแนวคิดที่ว่า “ลมพัด ใบไม้ไหว”
มีคนอ่านแล้วเก็บเอาไปคิด-แม้เพียงคนเดียว ก็คุ้มเหนื่อย
…………..
ดูก่อนภราดา!
: คนบางคนไม่ใช่พระ แต่อยากเป็นพระ
: คนบางคนเป็นพระ แต่อยากไม่ใช่พระ
#บาลีวันละคำ (4,591)
6-1-68
…………………………….
…………………………….