สีหไสยาสน์ (บาลีวันละคำ 4,592)

สีหไสยาสน์
นอนอย่างราชสีห์
อ่านว่า สี-หะ-ไส-ยาด
ประกอบด้วยคำว่า สีห + ไสยาสน์
(๑) “สีห”
อ่านว่า สี-หะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สีหฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + อ (อะ) ปัจจัย
: สีหฺ + อ = สีห แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่เบียดเบียนมฤค”
(2) สํ (จาก สํวิชฺชมาน = มีอยู่พร้อม) + อีหา (ความพยายาม) + ณ ปัจจัย, ลบนิคหิต, ลบ ณ และลบสระหน้า คือ อา ที่ (อี)-หา (อีหา > อีห)
: สํ > ส + อีหา = สีหา > สีห แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่มีความพยายามพร้อมที่จะฆ่ามฤค” แปลทับศัพท์ว่า สีหะ, ราชสีห์ ในภาษาไทยใช้อีกคำหนึ่งว่า สิงโต (a lion)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ระบุไว้ว่า often used as an epithet of the Buddha (มักใช้เป็นคำแสดงคุณลักษณะของพระพุทธเจ้า)
“สีห” ในภาษาไทย การันต์ที่ ห เป็น “สีห์” อ่านว่า สี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สีห-, สีห์, สีหะ : (คำนาม) ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะ ตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห-, สิงห์ ๑). (ป.).”
ตามไปดูที่ “สิงห-, สิงห์ ๑” พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ –
“สิงห-, สิงห์ ๑ : (คำนาม) สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้ายและมีกำลังมาก, ราชสีห์ ก็เรียก; ชื่อกลุ่มดาวรูปสิงห์ เรียกว่า ราศีสิงห์ เป็นราศีที่ ๔ ในจักรราศี. (ส. สึห; ป. สีห).”
บาลี “สีห” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สีห-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “สีห์” “สีหะ” “สิงห-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “สิงห์”
(๒) “ไสยาสน์”
อ่านว่า ไส-ยาด แยกศัพท์เท่าที่ตาเห็นเป็น ไสยา + อาสน์
(ก) “ไสยา” บาลีเป็น “เสยฺยา” อ่านว่า เสย-ยา รากศัพท์มาจาก สิ (ธาตุ = นอน) + ย ปัจจัย, แผลง อิ ที่ สิ เป็น เอ (สิ > เส) ซ้อน ยฺ + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: สิ > เส + ยฺ + ย = เสยฺย + อา = เสยฺยา แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่นอน”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เสยฺยา” ว่า a bed, couch (เตียง, เก้าอี้นอน)
บาลี “เสยฺยา” สันสกฤตเป็น “ศยฺยา”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
“ศยฺยา : (คำนาม) ‘ศัยยา,’ ที่นอน; การร้อย; a bed or couch; stringing.”
“เสยฺยา” ในภาษาไทยใช้เป็น “ไสยา” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ไสยา : (คำนาม) การนอน, ที่นอน. (ป. เสยฺยา; ส. ศยฺยา).”
(ข) “อาสน์” บาลีเป็น “อาสน” อ่านว่า อา-สะ-นะ รากศัพท์มาจาก –
(1) อาสฺ (ธาตุ = นั่ง; ตั้งไว้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: อาสฺ + ยุ > อน = อาสน แปลตามศัพท์ว่า (1) “การนั่ง” “ที่นั่ง” (2) “ที่เป็นที่ตั้ง”
(2) อา (แทนศัพท์ “อาคนฺตฺวา” = มาแล้ว) + สิ (ธาตุ = นอน), ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), ลบ อิ ที่ สิ (สิ > ส, ภาษาไวยากรณ์ว่า “ลบสระหน้า”)
: อา + สิ = อาสิ > อาส + ยุ > อน = อาสน แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่มานอน”
“อาสน” หมายถึง การนั่ง, การนั่งลง, ที่นั่ง, บัลลังก์ (sitting, sitting down; a seat, throne)
หมายเหตุ: “อาสน” ที่แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่มานอน” เป็นการแปลตามรูปวิเคราะห์ แต่หมายถึง “ที่นั่ง” เพราะโดยปกติแม้จะนอนก็ต้องนั่งก่อน
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาสน– ๒, อาสน์, อาสนะ : (คำนาม) ที่นั่ง, เครื่องปูรองนั่ง, (ใช้เฉพาะพระภิกษุสามเณร). (ป., ส.).”
เสยฺยา + อาสน = เสยฺยาสน (เสย-ยา-สะ-นะ) ใช้ในภาษาไทยเป็น “ไสยาสน์”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ไสยาสน์ : (คำกริยา) นอน, เรียกพระพุทธรูปในท่านอนว่า พระไสยาสน์ หรือ พระพุทธไสยาสน์, เรียกพระพุทธรูปปางนอนว่า พระปางไสยาสน์. (คำนาม) ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้างพระเขนย พระบาททั้ง ๒ ตั้งซ้อนกัน. [ป. เสยฺย (นอน) + อาสน (นั่ง)].”
อภิปรายแทรก :
คำว่า “เสยฺยาสน” หรือ “ไสยาสน์” ถ้าแปลตามรูปศัพท์ที่ตาเห็น ต้องแปลว่า “ที่นอนและที่นั่ง” หรือ “การนอนและการนั่ง” แต่ที่เข้าใจกันในภาษาไทยหมายถึง “นอน” อย่างเดียว ไม่มี “นั่ง”
เมื่อไม่มี “นั่ง” ทำไมจึงมี “อาสน์” ที่แปลว่า “นั่ง”?
จริงอยู่ คำว่า “อาสน” มีแปลตามศัพท์แบบหนึ่งว่า “ที่เป็นที่มานอน” ซึ่งน่าจะยอมให้ว่า “อาสน” ในที่นี้หมายถึง “ที่นอน” “เสยฺยาสน” หรือ “ไสยาสน์” จึงสามารถแปลได้ว่า “การนอนบนที่นอน”
แต่ยังไม่เคยพบข้อความในคัมภีร์ที่ “อาสน” หมายถึง “ที่นอน” แม้แต่ศัพท์ว่า “เสยฺยาสน” ก็ยังไม่พบ จึงไม่ชวนให้สนิทใจที่จะแปล “อาสน” ว่า “ที่นอน”
ผู้เขียนบาลีวันละคำใคร่จะสันนิษฐานว่า คำว่า “ไสยาสน์” นี้เดิมทีเดียวน่าจะสะกดเป็น “ไสยาศ” (ศ ศาลา สะกด) เป็นคำที่ในภาษากาพย์กลอนเรียกว่า “ศ เข้าลิลิต” คือคำที่เติม “ศ” เข้าข้างท้ายเพื่อแปลงเสียงให้ได้สัมผัสตามที่ต้องการ เช่น –
“นารี” เป็น “นาเรศ”
“นาวา” เป็น “นาเวศ”
“ภุมรา” เป็น “ภุมเรศ”
ในที่นี้ คำเดิมคือ “ไสยา” แผลงตามกฎ “ศ เข้าลิลิต” น่าจะเป็น “ไสเยศ” แต่ไม่จำเป็นต้องลงเสียง “เ–ศ” เสมอไป
คำเทียบที่เห็นได้ชัดคือคำว่า “ลีลาศ” (เต้นรําแบบตะวันตก) คำเดิมคือ “ลีลา” ที่หมายถึง ท่าทาง, ท่าทางอันงาม, การเยื้องกราย
“ลีลา” แปลงเป็น “ลีลาศ” ฉันใด
“ไสยา” ก็แปลงเป็น “ไสยาศ” ได้ฉันนั้น
คำว่า “ไสยาศ” นี้เอง นักเลงบาลีฟังเสียง ไส-ยาด แล้วก็จับมาทำ “ทัฬหีกรรม” คือบวชซ้ำสอง เป็น “ไสยาสน์” (ไสยา > ไสยาศ > ไสยาสน์)
และเพราะคำเดิม “ไสยาศ” ท่านหมายถึง “นอน” เมื่อแปลงเป็น “ไสยาสน์” จะแปลตามรูปศัพท์ว่า “นอนและนั่ง” ก็ไม่ได้ เพราะความจริงอันเป็นหลักฐานบังคับอยู่ จึงจำต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แปลว่า “นอน” อย่างเดียว
เขียน “ไสยาสน์” (“นอนและนั่ง”) แต่บังคับให้มีความหมายเท่ากับ “ไสยาศ” (นอน) มาจนทุกวันนี้
สีห + เสยฺยาสน = สีหเสยฺยาสน (สี-หะ-เสย-ยา-สะ-นะ) แปลว่า “การนอนเพียงดังราชสีห์” หมายถึง นอนเหมือนราชสีห์
“สีหเสยฺยาสน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สีหไสยาสน์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สีหไสยา, สีหไสยาสน์ : (คำนาม) ท่านอนอย่างราชสีห์ คือ นอนตะแคงขวา แขนซ้ายพาดไปตามลำตัว เท้าซ้ายซ้อนบนเท้าขวา มือขวารองรับศีรษะด้านข้าง.”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มีคำว่า “สีหไสยา” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
สีหไสยา : นอนอย่างราชสีห์ คือนอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ กำหนดใจถึงการลุกขึ้นไว้ (มีคำอธิบายเพิ่มอีกว่า มือซ้ายพาดไปตามลำตัว มือขวาช้อนศีรษะไม่พลิกกลับไปมา)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: นอนคว่ำ เป็นวัวควาย
: นอนหงาย เป็นเปรต
: นอนอย่างผู้วิเศษ คือ “สีหไสยาสน์”
#บาลีวันละคำ (4,592)
7-1-68
…………………………….
…………………………….