กิเลสพันห้า (บาลีวันละคำ 4,605)

กิเลสพันห้า
นับอย่างไร
อ่านว่า กิ-เหฺลด-พัน-ห้า
“กิเลส” เป็นคำบาลี
“พันห้า” เป็นคำไทย
(๑) “กิเลส”
บาลีอ่านว่า กิ-เล-สะ รากศัพท์มาจาก กิลิสฺ (ธาตุ = เดือดร้อน, เศร้าหมอง, เบียดเบียน) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลง อิ ที่ –ลิ-เป็น เอ (กิลิสฺ > กิเลส)
: กิลิสฺ + อ = กิลิส > กิเลส แปลตามศัพท์ว่า (1) “ภาวะเป็นเหตุให้เหล่าสัตว์เดือดร้อน” (2) “ภาวะเป็นเหตุให้เศร้าหมอง” (3) “ภาวะเป็นเหตุให้เบียดเบียนกัน”
สูตรหาความหมายของศัพท์ ท่านว่า :
กิลิสฺสนฺติ เอเตน สตฺตาติ กิเลโส
สัตว์ทั้งหลายย่อมเดือดร้อน, ย่อมเศร้าหมอง, ย่อมเบียดเบียนกัน เพราะภาวะนั้น ดังนั้น ภาวะนั้นจึงชื่อว่า “กิเลส” = ภาวะเป็นเหตุให้เหล่าสัตว์เดือดร้อน, ภาวะเป็นเหตุให้เศร้าหมอง, ภาวะเป็นเหตุให้เบียดเบียนกัน
“กิเลส” หมายถึง เครื่องเศร้าหมอง, ความเศร้าหมอง, มลทินใจ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “กิเลส” ว่า stain, soil, impurity, affliction, depravity, lust (เปรอะเปื้อน, เศร้าหมอง, ไม่บริสุทธิ์, ความทุกข์, ความเสื่อมเสีย, ราคะ)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความเห็นว่า ความหมายของ “กิเลส” ในภาษาบาลีเทียบได้กับที่ภาษาอังกฤษพูดว่า lower or unregenerate nature, sinful desires, vices, passions (ธรรมชาติฝ่ายต่ำ, ความปรารถนาอันเป็นบาป, ความชั่ว, ความทุกข์ทรมาน)
“กิเลส” คืออะไร พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
…………..
กิเลส : สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง, ความชั่วที่แฝงอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ทำให้จิตใจขุ่นมัวไม่บริสุทธิ์ และเป็นเครื่องปรุงแต่งความคิดให้ทำกรรมซึ่งนำไปสู่ปัญหาความยุ่งยากเดือดร้อนและความทุกข์.
…………..
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กิเลส, กิเลส– : (คำนาม) เครื่องทำใจให้เศร้าหมอง ได้แก่ โลภ โกรธ หลง เช่น ยังตัดกิเลสไม่ได้ กิเลสหนา; กิริยามารยาท ในคำว่า กิเลสหยาบ.”
(๒) “พันห้า
เป็นคำไทย บอกจำนวน 1,000 (หนึ่งพัน) + 500 (ห้าร้อย) = 1,500
กิเลส + พันห้า = กิเลสพันห้า มีความหมายว่า “กิเลสจำนวน 1,500”
ขยายความ :
ในภาษาไทย มีคำพูดเป็นสำนวนเก่าที่นิยมกล่าวอ้างกันสืบ ๆ มาแบบติดปากว่า “กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด”
“กิเลสพันห้า = กิเลสจำนวน 1,500” นับอย่างไร ขอเก็บความจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มาแสดงดังนี้:
(๑) ตัวกิเลสแท้ ๆ ที่มีชื่อเรียกว่า “กิเลสวัตถุ” (สิ่งก่อความเศร้าหมอง) มี 10 คือ:
(1) โลภะ – ความอยากได้ (greed)
(2) โทสะ – ความคิดประทุษร้าย (hatred)
(3) โมหะ – ความหลง, ความไม่รู้, ความเขลา (delusion)
(4) มานะ – ความถือตัว (conceit)
(5) ทิฏฐิ – ความเห็นผิด (wrong view)
(6) วิจิกิจฉา – ความลังเลสงสัย, ความเคลือบแคลง (doubt; uncertainty)
(7) ถีนะ – ความหดหู่, ความท้อแท้ถดถอย (sloth)
(8 ) อุทธัจจะ – ความฟุ้งซ่าน (restlessness)
(9) อหิริกะ – ความไม่ละอายต่อความชั่ว (shamelessness)
(10) อโนตตัปปะ – ความไม่เกรงกลัวต่อความชั่ว (lack of moral dread)
(๒) กิเลสทั้ง 10 นี้มีฐานปฏิบัติการ 75 แห่ง คือ:
จิต 1 + เจตสิก 52 + รูปรูป (คือรูปแท้ ไม่ใช่อาการของรูป จำแนกเป็น มหาภูตรูป 4 + ปสาทรูป 5 + วิสัยรูป 4 + ภาวรูป 2 + หทัยรูป 1 + ชีวิตรูป 1 + อาหารรูป 1 = ) 18 + อากาสธาตุ 1 + ลักขณรูป 3 = 75
(๓) ที่ตั้งฐานปฏิบัติการทั้ง 75 แห่งนี้แบ่งเป็น 2 เขต หรือ 2 ส่วน คือ:
ส่วนภายใน (อยู่ในตัวของแต่ละคน) 75
ส่วนภายนอก (อยู่ที่สิ่งนอกตัวของแต่ละคน) 75
รวมทั้งสองส่วน = 150
(๔) กิเลส 10 ตัว (ตามข้อ ๑) แต่ละตัวปฏิบัติการอยู่ในที่ตั้ง 150 แห่ง = 150 x 10 = 1500
นี่คือ “กิเลสพันห้า”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รู้ว่ากิเลสมีเท่าไร ก็สำคัญ
: กำจัดกิเลสไปได้แล้วเท่าไร สำคัญกว่า
#บาลีวันละคำ (4,605)
20-1-68
…………………………….
…………………………….