ปุเรภัต (บาลีวันละคำ 4,644)

ปุเรภัต
คำวัดที่ชาววัดต้องรู้
(และชาวบ้านก็ควรรู้ด้วย)
อ่านว่า ปุ-เร-พัด
ประกอบด้วยคำว่า ปุเร + ภัต
(๑) “ปุเร”
“ปุเร” อ่านว่า ปุ-เร เป็นศัพท์ที่บางกรณีใช้เหมือนคำนิบาต บางกรณีใช้เหมือนเป็นคำนาม นักเรียนบาลีท่องจำคำแปลว่า “ปุเร ในก่อน”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกว่า “ปุเร” เป็น indeclinable (อัพยยศัพท์ คือนิบาตชนิดหนึ่ง) ใช้ในความหมาย 2 นัย คือ –
(1) ก่อน, ข้างหน้า (before, in front)
ความหมายนี้เล็งถึงกาลเวลาในอนาคต เช่นลง โต ปัจจัย เป็น “ปุรโต” (ปุ-ระ-โต) แปลว่า “ข้างหน้า” ถ้าเป็นสถานที่ คือที่อยู่ข้างหน้า เรายังไปไม่ถึง ถ้าเป็นกาลเวลา คือเวลาที่อยู่ข้างหน้า ยังมาไม่ถึง ตรงกับ “อนาคต” ตรงข้ามกับ “อดีต” คือที่ผ่านพ้นล่วงเลยไปแล้ว
แต่ในบางบริบท “ปุเร” ใช้หมายถึงอดีตกาล เช่น “ปุเรชาติ” = ชาติที่เกิดก่อน คือชาติในอดีต
(2) ก่อน, แต่ก่อน, เร็วกว่าหรือก่อนกว่า (before, formerly, earlier)
ความหมายนี้เล็งถึงลำดับก่อนหลัง เช่น ทำก่อน-ทำทีหลัง ไปก่อนคือล่วงหน้าไปก่อน-ไปทีหลัง คือตามไปทีหลัง “ปุเร” ในความหมายนี้ตรงข้ามกับ “ปจฺฉา” = ภายหลัง
“ปุเร” ที่ยกมาเป็นบาลีวันละคำวันนี้ ใช้ในความหมายที่ตรงข้ามกับ “ปจฺฉา”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไม่ได้เก็บคำว่า “ปุเร” ไว้ แต่มีคำว่า “ปุเรจาริก” ซึ่งมีคำว่า “ปุเร” คำนี้ บอกไว้ว่า –
“ปุเรจาริก : (คำวิเศษณ์) เป็นเครื่องนำหน้า, เป็นอารมณ์, เป็นหัวหน้า. (ป., ส.).”
(๒) “ภัต”
บาลีเป็น “ภตฺต” อ่านว่า พัด-ตะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ภชฺ (ธาตุ = เสพ, คบหา) + ต ปัจจัย, แปลง ชฺ เป็น ตฺ
: ภชฺ + ต = ภชต > ภตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ของเป็นเครื่องเสพ”
(2) ภุชฺ (ธาตุ = กลืนกิน, ใช้สอย) + ต ปัจจัย, แปลง อุ ที่ ภุ-(ชฺ) เป็น อ (ภุ > ภ), แปลง ชฺ เป็น ตฺ
: ภุชฺ + ต = ภุชต > ภชต > ภตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ของที่จะพึงกลืนกิน”
ข้อความบางแห่งในคัมภีร์ คำว่า “ภตฺต” หมายถึง “ข้าวสุก” โดยเฉพาะ แต่โดยทั่วไป “ภตฺต” หมายถึง อาหาร (ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นข้าว)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ภตฺต” (นปุงสกลิงค์) ว่า food, nourishment, meal, feeding (อาหาร, ของบำรุงเลี้ยงร่างกาย, อาหารที่เป็นมื้อ, การเลี้ยง)
บาลี “ภตฺต” สันสกฤตเป็น “ภกฺต”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“ภกฺต : (คำวิเศษณ์) อันมีความภักดีต่อ; อันเอาใจใส่; อันหุงหรือต้มแล้ว; attached to; attentive to; cooked or boiled; – (คำนาม) อาหาร; ข้าวอันหุงหรือต้มแล้ว; food; cooked or boiled rice.”
บาลี “ภตฺต” ภาษาไทยใช้เป็น “ภัต” และ “ภัตร”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ภัต, ภัต-, ภัตร : (คำนาม) อาหาร, ข้าว. (ป. ภตฺต).”
ปุเร + ภตฺต = ปุเรภตฺต (ปุ-เร-พัด-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “ก่อนอาหาร”
ขยายความ :
คำว่า “ปุเรภตฺต” (ปุ-เร-พัด-ตะ) หรือ “ปุเรภัต” (ปุ-เร-พัด) เป็นคำที่คู่กับ “ปจฺฉาภตฺต” หรือ “ปัจฉาภัต”
“ปุเรภัต” แปลตามศัพท์ว่า “ก่อนอาหาร” หมายถึง ก่อนถึงเวลารับประทานอาหารตามปกติ
“ปัจฉาภัต” แปลตามศัพท์ว่า “หลังอาหาร” หมายถึง เวลาหลังเที่ยงวันไปแล้ว
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ปุเรภตฺต” ว่า the early meal, morning meal, breakfast (ก่อนภัตร, ภัตตาหารมื้อเช้า, อาหารเช้า)
และแปลและขยายความ “ปจฺฉาภตฺต” ว่า “after-meal,” i. e. after the midday meal, either as ˚ŋ (acc. — adv.) in the afternoon, after the main meal (“ภายหลังอาหาร”, คือ ภายหลังอาหารกลางวัน, ใช้ในรูปกิริยาวิเสสนะเป็น ปจฺฉาภตฺตํ ในเวลาบ่าย, หลังอาหารมื้อสำคัญ)
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “ปุเรภัต” และ “ปัจฉาภัต” ไว้ดังนี้ –
(1) ปุเรภัต : ก่อนภัต, ก่อนอาหาร หมายถึงเวลาก่อนฉันของภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็ได้ แต่เมื่อพูดอย่างกว้าง หมายถึง ก่อนหมดเวลาฉัน คือ เวลาเช้าจนถึงเที่ยง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ภิกษุฉันอาหารได้; เทียบ ปัจฉาภัต.
(2) ปัจฉาภัต : ภายหลังภัต, เวลาหลังอาหารสำหรับพระภิกษุ โดยทั่วไปหมายถึงเวลาเที่ยงไปแล้ว; เทียบ ปุเรภัต.
แถม-วิจารณ์ :
คำว่า “ปุเรภัต” เป็นคำที่คู่กับ “ปัจฉาภัต”
ถ้าพูดถึง “ปุเรภัต” ก็ต้องพัวพันไปถึง “ปัจฉาภัต” ด้วยเสมอ
ถ้าพูดถึง “ปัจฉาภัต” ก็ต้องพัวพันไปถึง “ปุเรภัต” ด้วยเสมอ
ถ้ากล่าวถึงคำหนึ่ง ก็จะต้องนึกไปถึงอีกคำหนึ่งด้วยเสมอ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ปัจฉาภัต” ไว้ บอกไว้ว่า –
“ปัจฉาภัต : (คำนาม) เวลาภายหลังบริโภคอาหาร คือ ตั้งแต่เที่ยงแล้วไป. (ป.).”
แต่ไม่ได้เก็บคำว่า “ปุเรภัต” ไว้
อนึ่ง “ปุเร” กับ “ปัจฉา” เป็นศัพท์จำพวก “นิบาต” เหมือนกัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ปัจฉา” ไว้ บอกไว้ว่า –
“ปัจฉา : (คำแบบ [คือคำที่ใช้เฉพาะในหนังสือ ไม่ใช่คำพูดทั่วไป]) (คำวิเศษณ์) ภายหลัง, เบื้องหลัง, ข้างหลัง. (ป.).”
และมี “ลูกคำ” 2 คำ คือ ปัจฉาภัต และ ปัจฉาสมณะ
แต่ “ปุเร” ไม่มีเก็บไว้ในพจนานุกรมฯ
มีคำที่ขึ้นต้นด้วย “ปุเร” เก็บไว้คำเดียว คือ “ปุเรจาริก” ดังที่ยกมาให้ดูข้างต้น
ถ้าเก็บ “ปัจฉาภัต” ก็ควรเก็บ “ปุเรภัต” ไว้ด้วย
ถ้าเก็บ “ปัจฉาสมณะ” ก็ควรเก็บ “ปุเรสมณะ” ไว้ด้วย
เพราะเป็นคำคู่กัน และมีใช้อยู่จริง
อนึ่ง ขอแถม-วิจารณ์นอกเรื่องไปถึงชื่อกัณฑ์ในมหาเวสสันดรชาดกด้วยเพราะมีกรณีแบบเดียวกัน
มหาเวสสันดรชาดกมี 13 กัณฑ์ ชื่อกัณฑ์ที่มีเก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 รวม 8 กัณฑ์ คือ –
กัณฑ์ที่ 1 ทศพร
กัณฑ์ที่ 2 หิมพานต์
กัณฑ์ที่ 3 ทานกัณฑ์
กัณฑ์ที่ 6 จุลพน
กัณฑ์ที่ 7 มหาพน
กัณฑ์ที่ 8 กุมาร
กัณฑ์ที่ 11 มหาราช
กัณฑ์ที่ 12 ฉกษัตริย์
ชื่อกัณฑ์ที่ไม่มีเก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 รวม 5 กัณฑ์ คือ –
กัณฑ์ที่ 4 วนประเวศน์
กัณฑ์ที่ 5 ชูชก
กัณฑ์ที่ 9 มัทรี
กัณฑ์ที่ 10 สักรบรรพ
กัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์
ยังไม่ทราบเหตุผลว่า ที่มี ทำไมจึงมี และที่ไม่มี ทำไมจึงไม่มี
บางกัณฑ์ก็น่าสงสัยอย่างยิ่ง เช่น “ทานกัณฑ์” กับ “นครกัณฑ์”
“ทานกัณฑ์” มี แต่ทำไม่ “นครกัณฑ์” จึงไม่มี
หรือเมื่อ “นครกัณฑ์” ไม่มี แต่ทำไม “ทานกัณฑ์” จึงมี
เพราะทั้ง “ทาน” และ “นคร” ก็เป็นแม่คำด้วยกันทั้งคู่
กล่าวคือ เมื่อถึงคำว่า “ทาน-” แล้วไล่คำต่อไปถึง “-กัณฑ์” ได้ลูกคำว่า “ทานกัณฑ์”
เมื่อถึงคำว่า “นคร-” ไล่คำต่อไป ก็ควรไปถึง “-กัณฑ์” และได้ลูกคำว่า “นครกัณฑ์” โดยทำนองเดียวกัน
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น พจนานุกรมฯ เก็บคำว่า “ทานกัณฑ์” แต่ไม่ได้เก็บคำว่า “นครกัณฑ์”
จึงไม่ทราบว่าราชบัณฑิตยฯ ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเก็บคำ
คำวิจารณ์นี้เป็นคำวิจารณ์ลอยลม จะได้ยินไปถึงราชบัณฑิตยฯ ด้วยหรือเปล่าไม่อาจทราบได้ แต่หวังว่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้พจนานุกรมฯ เป็นแหล่งศึกษาภาษาไทย คือช่วยให้ได้สติว่า แม้ว่าเราควร “ยึด” พจนานุกรมฯ เป็นมาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง “ยอม” พจนานุกรมฯ ไปเสียทุกอย่าง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: อาหารช่วยให้หายหิวได้
: แต่ช่วยให้หายอยากไม่ได้
#บาลีวันละคำ (4,644)
28-2-68
…………………………….
…………………………….
