ความก้าวหน้าที่ถอยหลัง

ความก้าวหน้าที่ถอยหลัง
———————-
มีญาติมิตรท่านหนึ่งปรารภว่า คนสมัยนี้เขาไม่อ่านข้อความยาวๆ
ฟังแล้วผมก็เลยคิดต่อไปอีกว่า เมื่อไม่อ่านข้อความยาวๆ เสียแล้ว การที่คนคนนั้นจะเขียนข้อความยาวๆ ก็เป็นอันไม่ต้องหวัง
แล้วทีนี้จะสื่อสารกันอย่างไร ?
ก็คงสื่อสารกันด้วยสัญลักษณ์ ดังที่ปรากฏในเฟซบุ๊กนี่ก็เห็นอยู่ดาษดื่นแล้ว
เป็นภาพใบหน้าบ้าง ภาพปากบ้าง ภาพมือบ้าง ภาพกิริยาท่าทางต่างๆ บ้าง รวมทั้งข้อความต่างๆ ก็มีผู้ประดิษฐ์คิดถ้อยคำสำเร็จรูปไว้ให้พร้อมสรรพ ตัวผู้สื่อสารไม่ต้องคิดเอง
อยากจะสื่อสารว่ากระไรก็จิ้มๆ กดๆ เอาจากภาพที่ผู้เอามาใส่โปรแกรมไว้ให้เรียบร้อย
คิดว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้มนุษย์ก็ได้
และเป็นการทำลายความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ไปพร้อมๆ กันด้วยก็ได้
ทำนองเดียวกับที่ข้อสอบแบบปรนัยทำลายความสามารถของนักเรียนนักศึกษาในการเรียบเรียงตัวอักษรออกมาเป็นข้อความเพื่อสำแดงความรู้ เพราะมีผู้คิดคำตอบไว้ให้เลือกเรียบร้อยแล้ว
(ข้อสอบแบบปรนัย วัดความสามารถในการใช้ภาษาของผู้ออกข้อสอบ แต่ไม่ได้ส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาของผู้เรียน)
ทำนองเดียวกับที่สตรีไทยสมัยนี้ส่วนมากหุงข้าว-ทำกับข้าวไม่เป็น เพราะมีร้านอาหารไว้ให้ซื้อกินได้ง่ายกว่า
————
ต่อไปมนุษย์ก็จะไม่สามารถถ่ายทอดจินตนาการของตัวเองออกมาเป็นรูปธรรมตามธรรมชาติของแต่ละคนได้ เพราะมีสัญลักษณ์สำเร็จรูปไว้ให้เลือก
วิถีชีวิตของมนุษย์จะถูกกำหนดโดยโปรแกรมสำเร็จรูปมากขึ้น
ไม่ต้องทำอะไรเอง เพราะมีสินค้าสำเร็จรูปไว้ให้เลือก
ไม่ต้องพูดอะไรเอง เพราะมีลัญลักษณ์และข้อความสำเร็จรูปไว้ให้เลือก
ไม่ต้องคิดอะไรเอง เพราะมีแบบความคิดสำเร็จรูปไว้ให้เลือก
การสื่อสารด้วยภาษาเขียนที่มีข้อความยาวๆ ก็จะลดน้อยลง
นั่นหมายถึงว่าศักยภาพของมนุษย์ในการเรียบเรียงถ้อยคำที่มีข้อความหลายๆ ประโยคติดต่อกัน ก็จะลดลงด้วย
พูดตรงๆ ก็คือคนเราจะเขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นเล่มน้อยลง
อาจเป็นปัญหาแบบงูกินหาง คือ –
เพราะไม่มีความอดทนในการอ่านข้อความยาวๆ จึงทำให้ไม่มีใครอดทนเขียนข้อความยาวๆ
เพราะไม่มีความอดทนในการเขียนข้อความยาวๆ จึงทำให้ไม่มีข้อความยาวๆ ให้อ่าน และจึงทำให้ไม่มีความอดทนในการอ่านข้อความยาวๆ
หนังสือที่คนในอดีตเขียนขึ้นเป็นเรื่องเป็นเล่มก็จะไม่มีใครอ่าน ดังที่ในเวลาก็ปรากฏแล้วว่า หนังสือดีๆ สำนวนงามๆ เป็นอันมาก เด็กสมัยนี้ก็ไม่อ่านกันแล้ว (จะเป็นเพราะไม่มีความอดทนในการอ่านหรือเพราะไม่รู้ว่ามีหนังสือดีอยู่ในโลกก็ตาม)
สภาพเช่นนี้จะค่อยๆ เป็นไปแบบไม่รู้สึกตัวรุนแรงนัก แต่ในที่สุดแล้ว มนุษย์ในอนาคตจะกลับไปสื่อสารกันด้วยสัญลักษณ์แบบเดียวกับที่มนุษย์ในอดีตเคยกระทำกัน คือสื่อสารกันด้วยภาพ ด้วยเครื่องหมาย และด้วยภาษาสำเร็จรูป
ดังที่เราได้เห็นสิ่งบอกเหตุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ….
ไม่อยากอ่านข้อความยาวๆ
ไม่อยากเขียนข้อความยาวๆ
ข้อความใหม่ๆ ที่งดงาม ไพเราะ สละสลวย ก็ไม่มีใครเขียน
ข้อความที่งดงาม ไพเราะ สละสลวย ที่มีผู้เขียนขึ้นไว้แต่ก่อน ก็ไม่มีใครอ่าน
การคิดค้นถ้อยคำที่งดงาม ไพเราะ สละสลวย เพื่อแสดงจินตนาการโดยอิสระก็จะค่อยๆ หมดไป
ภาษาต่างๆ ที่ใช้พูดกันในหมู่ชนเชื้อชาติต่างๆ ก็จะค่อยๆ สูญไป
รวมทั้งภาษาไทยของเราด้วย
ใครยังมีความรู้สึกรักภาษาไทยได้ ก็รีบรู้สึกเอาไว้เถอะครับ
อีกไม่นานก็จะไม่มีภาษาไทยให้เรารักอีกแล้ว
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘
วันภาษาไทยแห่งชาติ