มจฺโฉ (บาลีวันละคำ 4,693)

มจฺโฉ
ศีลของพระภิกษุเรารู้กันว่า มี 227 สิกขาบท 1 ใน 227 คือสิกขาบทที่ 5 โภชนวรรค ปาจิตติยกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 501 ระบุ “เบญจโภชน์” ไว้ดังนี้ –
…………..
โภชนียํ นาม ปญฺจ โภชนานิ
โอทโน กุมฺมาโส สตฺตุ มจฺโฉ มํสํ ฯ
ที่ชื่อว่า โภชนียะ (ของกิน) ได้แก่ โภชนะ 5 อย่าง คือ
(1) โอทโน ข้าวสุก (boiled rice)
(2) กุมฺมาโส ขนมสด (junket)
(3) สตฺตุ ขนมแห้ง (barley-meal)
(4) มจฺโฉ ปลา (fish)
(5) มํสํ เนื้อ (meat)
…………..
หลักพระวินัยกำหนดว่า ผู้นิมนต์พระไปฉัน ถ้าระบุชื่อโภชนะ เช่นบอกว่า นิมนต์ไปฉันไก่ย่าง นิมนต์ไปฉันหมูสะเต๊ะ นิมนต์ไปฉันก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น พระรับนิมนต์ไปฉัน มีความผิด (ภาษาพระว่า “ต้องอาบัติ”) ตามสิกขาบทที่อ้างข้างต้นนั้น ฐานความผิดคือ “รับนิมนต์ที่ออกชื่อโภชนะ”
ผู้นิมนต์พระที่รู้วินัยพระ จึงนิมนต์เป็นคำกลาง ๆ ไม่ระบุชื่ออาหาร คำที่ใช้กันอยู่คือ นิมนต์ฉันภัตตาหารเช้า นิมนต์ฉันภัตตาหารเพล หรือ นิมนต์ฉันเช้า นิมนต์ฉันเพล เท่านี้ก็เป็นอันถูกต้อง นิมนต์แบบนี้ พระรับนิมนต์ไปฉันได้
…………..
“มจฺโฉ” อ่านว่า มัด-โฉ รูปคำเดิมเป็น “มจฺฉ” อ่านว่า มัด-ฉะ รากศัพท์มาจาก –
(1) มสฺ (ธาตุ = สัมผัส) + ฉ (ฉะ) ปัจจัย, แปลง สฺ ที่ (ม)-สฺ เป็น จฺ (มสฺ > มจฺ)
: มสฺ + ฉ = มสฺฉ > มจฺฉ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ต้องสัมผัสน้ำ”
(2) มรฺ (ธาตุ = ตาย) + ฉ (ฉะ) ปัจจัย, แปลง รฺ ที่ (ม)-รฺ เป็น จฺ (มรฺ > มจฺ)
: มรฺ + ฉ = มรฺฉ > มจฺฉ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ที่จะตายเมื่ออยู่บนบก”
“มจฺฉ” (ปุงลิงค์) หมายถึง ปลา (fish)
“มจฺฉ” เป็นปุงลิงค์ แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “มจฺโฉ” (มัด-โฉ)
ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่า ไทยเราคุ้นกับคำว่า “มัจฉา” แต่ไม่คุ้นกับ “มัจโฉ” หรือ “มัจฉะ” คำนี้ศัพท์เดิมในบาลีเป็น “มจฺฉ” (มัด-ฉะ) ไม่ใช่ทั้ง “มจฺฉา” หรือ “มจฺโฉ”
บาลี “มจฺฉ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “มจฺฉ” “มตฺสฺย” และ “มตฺสฺยา” บอกไว้ดังนี้ –
(1) มจฺฉ : (คำนาม) มัตสยา, ปลา; a fish.
(2) มตฺสฺย, มตฺสฺยา : (คำนาม) ‘มัตสยะ, มัตสยา,’ ปลา; a fish.
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “มัจฉะ” “มัจฉา” “มัตสยะ” และ “มัตสยา” บอกไว้ว่า –
(1) มัจฉะ, มัจฉา : (คำนาม) ปลา. (ป. มจฺฉ; ส. มตฺสฺย).
(2) มัตสยะ, มัตสยา : (คำนาม) ปลา. (ส. มตฺสฺย; ป. มจฺฉ).
อภิปรายขยายความ :
หนังสือ วินัยมุข เล่ม 1 พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส อธิบายเรื่อง “เบญจโภชน์” กล่าวถึง “มัจโฉ” = ปลา ไว้ดังนี้ –
…………..
ปลานั้น สงเคราะห์เอาหอย เอากุ้ง และสัตว์น้ำเหล่าอื่นที่ใช้เป็นอาหารเข้าด้วย.
…………..
เป็นอันว่า ทายกมานิมนต์ออกชื่อหอย กุ้ง และสัตว์น้ำเหล่าอื่นที่ใช้เป็นอาหาร ก็รวมอยู่ในปลาด้วย จะอ้างว่า-ไม่ได้ออกชื่อปลา จึงไปฉันได้-ดังนี้ หาได้ไม่
มักมีปัญหาถกเถียงกันในหมู่ผู้นับถือศาสนาว่า การกินเนื้อสัตว์ผิดหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาหรือไม่
ผู้เขียนบาลีวันละคำไม่มีความประสงค์จะร่วมถกเถียงด้วย แต่เมื่อได้ยินคำถกเถียงทีไรก็มักจะนึกถึงคำบาลีในพระปาติโมกข์ที่ได้ฟังสมัยเป็นพระ และยังได้ยินติดหูมาจนถึงบัดนี้ ตรงที่ว่า “มจฺโฉ มํสํ ขีรํ ทธิ”
ขอยกข้อความเต็ม ๆ ในพระบาลีมาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้
…………..
ยานิ โข ปน ตานิ ปณีตโภชนานิ เสยฺยถีทํ สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ มจฺโฉ มํสํ ขีรํ ทธิ. โย ปน ภิกฺขุ เอวรูปานิ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺเชยฺย ปาจิตฺติยนฺติ.
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 517
…………..
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงแปลไว้ในหนังสือวินัยมุข เล่ม 1 ว่า –
…………..
อนึ่ง ภิกษุใดไม่ใช่ผู้อาพาธ ขอโภชนะอันประณีตเห็นปานนี้ เช่น เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ปลา เนื้อ นมสด นมส้ม เพื่อประโยชน์แก่ตนแล้วฉัน เป็นปาจิตตีย์
ที่มา: วินัยมุข เล่ม 1 หน้า 150-151
…………..
มีนัยว่า ปลา เนื้อ อันเป็น “เนื้อสัตว์” เป็นอาหารที่ชาวบ้านทำกินกันและถวายพระได้ด้วย
ท่านผู้สนใจไม่พึงหยุดอยู่แค่นี้ แต่ควรศึกษาให้ละเอียดต่อไปอีก ก็จะได้ความความรู้เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องไปถกเถียงกับใคร
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถกเถียงกันว่ากินเนื้อสัตว์บาปหรือไม่บาป
ก็ดี
: ช่วยกันหาวิธีไม่ให้สัตว์ถูกฆ่าไปด้วย
จะดียิ่งขึ้น
#บาลีวันละคำ (4,693)
18-4-68
…………………………….
…………………………….