บาลีวันละคำ

มํสํ (บาลีวันละคำ 4,696)

มํสํ

1 ในเบญจโภชน์

ศีลของพระภิกษุเรารู้กันว่า มี 227 สิกขาบท 1 ใน 227 คือสิกขาบทที่ 5 โภชนวรรค ปาจิตติยกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 501 ระบุ “เบญจโภชน์” ไว้ดังนี้ –

…………..

โภชนียํ  นาม  ปญฺจ  โภชนานิ  

โอทโน  กุมฺมาโส  สตฺตุ  มจฺโฉ  มํสํ  ฯ

…………..

ขยายความว่า ที่ชื่อว่า โภชนียะ (ของกิน) ได้แก่ โภชนะ 5 อย่าง คือ 

(1) โอทโน ข้าวสุก (boiled rice) 

(2) กุมฺมาโส ขนมสด (junket)

(3) สตฺตุ ขนมแห้ง (barley-meal)

(4) มจฺโฉ ปลา (fish)

(5) มํสํ เนื้อ (meat)

…………..

หลักพระวินัยกำหนดว่า ผู้นิมนต์พระไปฉัน ถ้าระบุชื่อโภชนะ เช่นบอกว่า นิมนต์ไปฉันไก่ย่าง นิมนต์ไปฉันหมูสะเต๊ะ นิมนต์ไปฉันก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น พระรับนิมนต์ไปฉัน มีความผิด (ภาษาพระว่า “ต้องอาบัติ”) ตามสิกขาบทที่อ้างข้างต้นนั้น ฐานความผิดคือ “รับนิมนต์ที่ออกชื่อโภชนะ”

ผู้นิมนต์พระที่รู้วินัยพระ จึงนิมนต์เป็นคำกลาง ๆ ไม่ระบุชื่ออาหาร คำที่ใช้กันอยู่คือ นิมนต์ฉันภัตตาหารเช้า นิมนต์ฉันภัตตาหารเพล หรือ นิมนต์ฉันเช้า นิมนต์ฉันเพล เท่านี้ก็เป็นอันถูกต้อง นิมนต์แบบนี้ พระรับนิมนต์ไปฉันได้

…………..

มํสํ” รูปคำเดิมเป็น “มํส” อ่านว่า มัง-สะ รากศัพท์มาจาก มนฺ (ธาตุ = รู้) + ปัจจัย, แปลง นฺ ที่สุดธาตุเป็นนิคหิต (มนฺ > มํ)

: มนฺ + = มนส > มํส (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันคนรู้จัก” หมายถึง เนื้อคน, เนื้อสัตว์ (flesh, meat)

มํส” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “มํสํ” แปลว่า เนื้อ 

มํส” ในภาษาไทยใช้เป็น “มังส” และอิงสันสกฤตเป็น “มางสะ” 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

มังส-, มังสะ, มางสะ : (คำนาม) เนื้อของคนและสัตว์. (ป.).”

คำที่เราคุ้นกันดีคือ “มังสวิรัติ” (มัง-สะ-วิ-รัด) ก็มาจาก “มํส” คำนี้

มํส” เป็นนปุงสกลิงค์ แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “มํสํ” (มัง-สัง) เขียนแบบบาลีไทยเป็น “มังสัง

ในหมู่นักเรียนธรรมมักพูดควบกันว่า “มังสัง เนื้อ

แถม :

หาความรู้จากคำว่า “เนื้อ” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

(1) เนื้อ ๑ : (คำนาม)

(๑) ส่วนของร่างกายคนและสัตว์อยู่ถัดหนังเข้าไป

(๒) เนื้อวัวหรือเนื้อควายที่ใช้เป็นอาหาร เช่น แกงเนื้อ

(๓) สิ่งที่เป็นลักษณะประจำตัวของสิ่งต่าง ๆ เช่น เนื้อไม้ เนื้อเงิน เนื้อทอง

(๔) ส่วนที่อยู่ถัดเปลือกของผลไม้ต่าง ๆ เช่น เนื้อมะม่วง เนื้อทุเรียน

(๕) สิ่งที่ประกอบกันเป็นตัวอาหาร, คู่กับ น้ำ เช่น แกงมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ เอาแต่เนื้อ ๆ

(๖) สาระสำคัญ เช่น เนื้อเรื่อง

(๗) คุณสมบัติของเนื้อทองคำและเงินเป็นต้น เช่น ทองเนื้อเก้า เงินเนื้อบริสุทธิ์

(๘) (คำโบราณ) ราคาทองคำเป็นเงินบาทตามคุณภาพของเนื้อทอง เช่น ทองคำหนัก ๑ บาท เป็นราคาเงิน ๘ บาท เรียกว่า ทองเนื้อแปด, ถ้าเป็นราคาเงิน ๙ บาท เรียกว่า ทองเนื้อเก้า หรือ ทองนพคุณเก้าน้ำ

(๙) โดยปริยายหมายความว่า ทุนเดิม, เงิน, ทรัพย์, เช่น เข้าเนื้อ ชักเนื้อ ควักเนื้อตัวเอง.

(2) เนื้อ ๒ : (คำนาม) ชื่อสัตว์ป่าประเภทกวาง.

ขยายความ :

หนังสือ วินัยมุข เล่ม 1 พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส อธิบายเรื่อง “เบญจโภชน์” กล่าวถึง “มังสัง” = เนื้อ ไว้ดังนี้ –

…………..

เนื้อนั้น คือมังสะของสัตว์บกและนกที่ใช้เป็นอาหาร.

…………..

โปรดสังเกตว่า ในความเข้าใจตามภาษาไทย ปลาและเนื้อจัดอยู่ในพวกเดียวกัน คือประเภท “เนื้อสัตว์” แต่ในเบญจโภชน์ ท่านแยก “มจฺโฉปลา เป็นพวกหนึ่ง “มํสํเนื้อ เป็นอีกพวกหนึ่ง

…………..

ผู้มีศรัทธา ไปรับประทานอาหารที่เป็น “เนื้อ” สัตว์อะไรที่พิเศษหรือแปลกกว่าปกติทั่วไป คิดถึงพระ อยากให้พระได้ฉันบ้าง มักจะนิมนต์พระโดยออกชื่อ “เนื้อ” นั้น ๆ ตามที่ตนเองเห็นว่าเป็นเนื้อพิเศษ ก็อยากจะบอกพระให้ทราบไว้ก่อน เช่น “นิมนต์ไปฉันไก่งวงเจ้าค่ะ” 

แบบนี้คือไม่รู้หลักการนิมนต์ เพราะออกชื่อโภชนะ

ถ้าพระไปฉัน ก็คือไม่รู้หลักการของการรับนิมนต์

ถ้าทั้งพระทั้งโยมต่างก็ไม่รู้หลัก พระธรรมวินัยก็วิปลาส พุทธศาสน์ก็วิปริต

…………..

ดูก่อนภราดา!

: กินเพื่อรักษาชีวิตเป็นเรื่องจำเป็น

: กินเพื่อรักษาพระธรรมวินัยก็เป็นเรื่องจำเป็น

#บาลีวันละคำ (4,696)

21-4-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *