สิงหล (บาลีวันละคำ 4,701)

สิงหล
คำที่คนไม่ค่อยรู้จัก
อ่านว่า สิง-หน
“สิงหล” รูปคำบาลีเป็น “สีหล” และ “สีหฬ”
“สีหล” อ่านว่า สี-หะ-ละ รากศัพท์มาจาก สีห + ลา (ธาตุ = ถือเอา, จับ) + อ (อะ) ปัจจัย, รัสสะ อา เป็น อ (อะ), แปลง ล เป็น ฬ ได้รูปเป็น สีหฬ บ้าง
…………..
แทรก: ไขความคำว่า “สีห”
“สีห” อ่านว่า สี-หะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สีหฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + อ (อะ) ปัจจัย
: สีหฺ + อ = สีห แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่เบียดเบียนมฤค”
(2) สํ (จาก สํวิชฺชมาน = มีอยู่พร้อม) + อีหา (ความพยายาม) + ณ ปัจจัย, ลบนิคหิต, ลบ ณ และลบสระหน้า คือ อา ที่ (อี)-หา (อีหา > อีห)
: สํ > ส + อีหา = สีหา > สีห แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่มีความพยายามพร้อมที่จะฆ่ามฤค” แปลทับศัพท์ว่า สีหะ, ราชสีห์ ในภาษาไทยใช้อีกคำหนึ่งว่า สิงโต (a lion)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ระบุไว้ว่า often used as an epithet of the Buddha (มักใช้เป็นคำแสดงคุณลักษณะของพระพุทธเจ้า)
“สีห” ในภาษาไทย การันต์ที่ ห เป็น “สีห์” อ่านว่า สี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สีห-, สีห์, สีหะ : (คำนาม) ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะ ตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห-, สิงห์ ๑). (ป.).”
ตามไปดูที่ “สิงห-, สิงห์ ๑” พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ –
“สิงห-, สิงห์ ๑ : (คำนาม) สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้ายและมีกำลังมาก, ราชสีห์ ก็เรียก; ชื่อกลุ่มดาวรูปสิงห์ เรียกว่า ราศีสิงห์ เป็นราศีที่ ๔ ในจักรราศี. (ส. สึห; ป. สีห).”
บาลี “สีห” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สีห-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “สีห์” “สีหะ” “สิงห-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “สิงห์”
…………..
: สีห + ลา = สีหลา + อ = สีหลา > สีหล
: สีห + ลา = สีหลา + อ = สีหลา > สีหล > สีหฬ
“สีหล / สีหฬ” แปลตามศัพท์ว่า “แคว้นที่ชาวบ้านจับสิงโตเก่ง”
แปลอย่างนี้ คำว่า “สีหล / สีหฬ” ก็เป็นชื่อแคว้น ชื่อเมือง ชื่อประเทศ
และมีคำไขต่อไปว่า –
ปุพฺพปุริสา สีหลา, ตพฺพํเส ชาตา สพฺเพปิ เอตรหิ สีหลา นาม ชาตา.
แปลว่า “บรรพบุรุษเป็นชาวสีหล แม้คนทั้งหมดที่เกิดในวงศ์ของชาวสีหลนั้นในบัดนี้ก็เป็นชาวสีหลด้วย”
ตามคำไขนี้ คำว่า “สีหล / สีหฬ” ก็เป็นชื่อชาวเมือง หมายถึง ชาวสีหล
สรุปว่า คำว่า “สีหล / สีหฬ” เป็นชื่อประเทศด้วย เป็นชื่อชาวประเทศนั้นด้วย
คำว่า “สีหล / สีหฬ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สิงหล” (สิง-หน)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สิงหล : (คำนาม) ชื่อเรียกประเทศศรีลังกาในสมัยโบราณ, สิงหลทวีป ก็เรียก, เรียกชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของศรีลังกาว่า ชาวสิงหล, เรียกภาษาของชาวสิงหลว่า ภาษาสิงหล. (ส. สึหล; ป. สีหล).”
พจนานุกรมฯ บอกว่า “สิงหล” สันสกฤตเป็น “สึหล”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า
“สึหล : (คำนาม) ‘สิงหล,’ ดีบุก; ทองเหลือง; อบเชย; เกาะลังกาหรือสิงหล; tin; brass; cassia-bark; Ceylon.”
ขยายความ :
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ที่คำว่า “ประเทศศรีลังกา” (อ่านเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 20:30 น.) อธิบายความหมายของคำว่า “ประเทศศรีลังกา” ดังนี้ –
(เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะนำไปอ้างอิง)
…………..
ประเทศศรีลังกา:
ศรีลังกา (สิงหล: ශ්රී ලංකා, ออกเสียง [ʃriː laŋkaː]; ทมิฬ: இலங்கை, ออกเสียง [ilaŋɡaj]) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (สิงหล: ශ්රී ලංකා ප්රජාතාන්ත්රික සමාජවාදී ජනරජය; ทมิฬ: இலங்கை சனநாயக சோசலிசக் குடியரசு) เป็นประเทศเกาะในเอเชียใต้ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอ่าวเบงกอลและทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลอาหรับ โดยมีอ่าวมันนาร์และช่องแคบพอล์กคั่นเกาะออกจากอนุทวีปอินเดีย ศรีลังกามีพรมแดนทางทะเลร่วมกับอินเดียและมัลดีฟส์ ศรีชยวรรธนปุระโกฏเฏเป็นเมืองหลวงทางกฎหมาย ส่วนโคลัมโบเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและศูนย์กลางทางการเงิน
ศรีลังกามีจำนวนประชากรประมาณ 22 ล้านคน (ค.ศ. 2020) และเป็นรัฐหลายชนชาติซึ่งเป็นถิ่นฐานของวัฒนธรรม ภาษา และชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ชาวสิงหลเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ชาวทมิฬซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่ก็มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเกาะเช่นกัน กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่ปักหลักอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน ได้แก่ ชาวมัวร์ ชาวเบอร์เกอร์ (Burgher) ชาวมลายู ชาวจีน และชนพื้นเมืองแว็ททา
ประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ของศรีลังกามีอายุย้อนไปถึง 3,000 ปี โดยปรากฏหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุอย่างน้อย 125,000 ปี งานเขียนทางศาสนาพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของศรีลังกาซึ่งมีชื่อเรียกโดยรวมว่าพระไตรปิฎกภาษาบาลีมีอายุย้อนไปถึงการสังคายนาครั้งที่ 4 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 29 ปีก่อนคริสต์ศักราช ศรีลังกายังได้รับสมญานามว่า “หยดน้ำตาของอินเดีย” และ “ยุ้งฉางตะวันออก” โดยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และท่าเรือน้ำลึกของศรีลังกาทำให้เกาะนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมากตั้งแต่สมัยแรกเริ่มของเส้นทางสายไหมโบราณมาจนถึงเส้นทางสายไหมทางทะเลในปัจจุบัน เนื่องจากทำเลที่ตั้งได้ส่งผลให้ศรีลังกากลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ทั้งชาวตะวันออกไกลและชาวยุโรปจึงรู้จักเกาะแห่งนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยอาณาจักรอนุราธปุระ (377 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 1017) ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ในอาณาจักรโกฏเฏ โปรตุเกสได้เดินทางมาถึงศรีลังกาและพยายามที่จะควบคุมการค้าทางทะเลของเกาะ โดยส่วนหนึ่งของศรีลังกาตกอยู่ในความครอบครองของโปรตุเกสในเวลาต่อมา ภายหลังสงครามสิงหล–โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์และอาณาจักรกัณฏิได้เข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นดินแดนในความครอบครองของเนเธอร์แลนด์ก็ตกไปอยู่ในมือของบริเตนซึ่งต่อมาขยายอำนาจควบคุมไปทั่วทั้งเกาะและตั้งเป็นอาณานิคมซีลอนตั้งแต่ ค.ศ. 1815 ถึง ค.ศ. 1948 ขบวนการเรียกร้องเอกราชทางการเมืองระดับชาติเกิดขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 และใน ค.ศ. 1948 ซีลอนก็กลายเป็นประเทศในเครือจักรภพ ประเทศในเครือจักรภพนี้มีรัฐสืบเนื่องต่อมาคือสาธารณรัฐนามว่าศรีลังกาตั้งแต่ ค.ศ. 1972 ประวัติศาสตร์ศรีลังกาในสมัยหลังมานี้แปดเปื้อนไปด้วยสงครามกลางเมืองซึ่งกินเวลานาน 26 ปี โดยเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1983 และสิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาดเมื่อกองทัพศรีลังกาเอาชนะกองทัพพยัคฆ์ปลดปล่อยทมิฬอีแลมได้ใน ค.ศ. 2009 …
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รักษาวัฒนธรรมประจำชาติไว้ได้
: รักษาชาติไว้ได้
#บาลีวันละคำ (4,701)
26-4-68
…………………………….
…………………………….