ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม (บาลีวันละคำ 4,734)

ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
กรรมทันตาเห็น
อ่านว่า ทิด-ถะ-ทำ-มะ-เว-ทะ-นี-ยะ-กำ
แยกศัพท์ตามที่ตาเห็นเป็น ทิฏฐ + ธรรม + เวทนีย + กรรม
(๑) ทิฏฐ
เขียนแบบบาลีเป็น “ทิฏฺฐ” (มีจุดใต้ ฏฺ) อ่านว่า ทิด-ถะ รากศัพท์มาจาก ทิสฺ (ธาตุ = เห็น) + ต ปัจจัย, แปลง สฺต (คือ (ทิ)-สฺ + ต) เป็น ฏฺฐ
: ทิสฺ + ต = ทิสฺต > ทิฏฺฐ แปลตามศัพท์ว่า (1) “เห็นแล้ว” (2) “สิ่งอันเขาเห็น”
“ทิฏฺฐ” ใช้ในความหมายดังนี้ –
(๑) เป็นคำนาม หมายถึง การเห็น, มโนภาพ (a vision)
(๒) เป็นคุณศัพท์ หมายถึง –
(1) ได้เห็น (seen)
(2) รู้, เข้าใจ (known, understood)
(3) อันปรากฏ, อันวินิจฉัยได้ด้วยการเห็น (visible, determined by sight)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้เป็น “ทิฏฐะ” และ ตัด ฏ ปฏักออกเขียนเป็น “ทิฐ-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) บอกไว้ดังนี้ –
“ทิฏฐะ, ทิฐ– : (คำแบบ) (คำวิเศษณ์) อันบุคคลเห็นแล้ว, ทันตาเห็น. (ป. ทิฏฺฐ; ส. ทฺฤษฺฏ).”
ในที่นี้เขียนตามรูปบาลีเป็น “ทิฏฺฐ”
(๒) “ธรรม”
เขียนแบบบาลีเป็น “ธมฺม” อ่านว่า ทำ-มะ รากศัพท์มาจาก ธรฺ (ธาตุ = ทรงไว้) + รมฺม (ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ธรฺ > ธ-) และ ร ต้นปัจจัย (รมฺม > –มฺม )
: ธรฺ > ธ + รมฺม > มฺม : ธ + มฺม = ธมฺม แปลตามศัพท์ว่า “สภาพที่ทรงไว้”
ธมฺม สันสกฤตเป็น ธรฺม เราเขียนอิงสันสกฤตเป็น ธรรม
“ธมฺม – ธรรม” มีความหมายหลายหลาก ในภาษาไทยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “ธรรม” ไว้ดังนี้ –
(1) คุณความดี เช่น เป็นคนมีธรรมะ เป็นคนมีศีลมีธรรม
(2) คําสั่งสอนในศาสนา เช่น แสดงธรรม ฟังธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้า
(3) หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา เช่น ปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม
(4) ความจริง เช่น ได้ดวงตาเห็นธรรม
(5) ความยุติธรรม, ความถูกต้อง, เช่น ความเป็นธรรมในสังคม
(6) กฎ, กฎเกณฑ์, เช่น ธรรมะแห่งหมู่คณะ
(7) กฎหมาย เช่น ธรรมะระหว่างประเทศ
(8 ) สิ่งของ เช่น เครื่องไทยธรรม
(๓) เวทนีย
อ่านว่า เว-ทะ-นี-ยะ รากศัพท์มาจาก วิทฺ (ธาตุ = รู้, รู้อารมณ์) + อนีย ปัจจัย, แผลง อิ ที่ วิทฺ เป็น เอ (วิทฺ > เวท)
: วิทฺ + อนีย = วิทนีย > เวทนีย แปลตามศัพท์ว่า “-อันบุคคลพึงเสวยรสอารมณ์” หมายถึง มีความรู้สึก, กอปรด้วยเวทนา (having feeling, endowed with sensation)
(๔) “กรรม”
บาลีเป็น “กมฺม” อ่านว่า กำ-มะ รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = กระทำ) + รมฺม (รำ-มะ, ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุและ ร ที่ต้นปัจจัย
: กร > ก + รมฺม > มฺม : ก + มฺม = กมฺม
“กมฺม” แปลว่า การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (the doing, deed, work) นิยมพูดทับศัพท์ว่า “กรรม”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) กรรม ๑, กรรม– ๑ : (คำนาม) (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม.(๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ.(๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ.(๔) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.
(2) กรรม ๒, กรรม– ๒ : (คำที่ใช้ในไวยากรณ์) (คำนาม) ผู้ถูกกระทำ เช่น คนกินข้าว ข้าว เป็นกรรมของกริยา กิน.
ในที่นี้ “กรรม” ใช้ในความหมายตามข้อ (1) คือหมายถึง การ, การกระทำ, การงาน, กิจ
การประสมคำ :
๑ ทิฏฺฐ + ธมฺม = ทิฏฺฐธมฺม (ทิด-ถะ-ทำ-มะ) แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมอันตนเห็นแล้ว” หมายถึง สิ่งที่บุคลลมองเห็น, โลกแห่งความรู้สึก, โลกนี้ (the visible order of things, the world of sensation, this world)
ในภาษาไทย “ทิฏฺฐธมฺม” เขียนเป็น “ทิฐธรรม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –
“ทิฐธรรม : (คำแบบ) (คำนาม) “ธรรมทันตาเห็น”, ความเป็นไปที่เห็นในชาตินี้. (ป. ทิฏฺฐธมฺม).”
ในที่นี้เขียนแบบบาลีประสมสันสกฤตเป็น “ทิฏฐธรรม”
๒ ทิฏฐธรรม + เวทนีย = ทิฏฐธรรมเวทนีย (ทิด-ถะ-ทำ-มะ-เว-ทะ-นี-ยะ) แปลว่า “อันจะพึงเสวยผลในชาติปัจจุบัน”
๓ ทิฏฐธรรมเวทนีย + กรรม = ทิฏฐเวทนียกรรม (ทิด-ถะ-ทำ-มะ-เว-ทะ-นี-ยะ-กำ) แปลว่า “กรรมอันจะพึงเสวยผลในชาติปัจจุบัน”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
…………..
ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม : กรรมอันให้ผลในปัจจุบัน, กรรมทั้งที่เป็นกุศลและอกุศลซึ่งให้ผลทันตาเห็น (ข้อ ๑ ในกรรม ๑๒)
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [338] กรรม 12 แสดงไว้ดังนี้ –
…………..
กรรม 12 (การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม, ในที่นี้หมายถึงกรรมประเภทต่างๆ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ผลของกรรมเหล่านั้น — Kamma: karma; kamma; action; volitional action)
หมวดที่ 1 ว่าโดยปากกาล คือ จำแนกตามเวลาที่ให้ผล (classification according to the time of ripening or taking effect)
1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในปัจจุบันคือในภพนี้ — Diṭṭhadhamma-vedanīyakamma: kamma to be experienced here and now; immediately effective kamma)
2. อุปปัชชเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพที่จะไปเกิดคือในภพหน้า — Upapajja-vedanīyakamma: kamma to be experienced on rebirth; kamma ripening in the next life)
3. อปราปริยเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพต่อ ๆ ไป — Aparāpariya-vedanīya-kamma: kamma to be experienced in some subsequent lives; indefinitely effective kamma)
4. อโหสิกรรม (กรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีก — Ahosi-kamma: lapsed or defunct kamma)
หมวดที่ 2 ว่าโดยกิจ คือ จำแนกการให้ผลตามหน้าที่ (classification according to function)
5. ชนกกรรม (กรรมแต่งให้เกิด, กรรมที่เป็นตัวนำไปเกิด — Janaka-kamma: productive kamma; reproductive kamma)
6. อุปัตถัมภกกรรม (กรรมสนับสนุน, กรรมที่เข้าช่วยสนับสนุนหรือซ้ำเติมต่อจากชนกกรรม — Upatthambhaka-kamma: supportive kamma; consolidating kamma)
7. อุปปีฬกกรรม (กรรมบีบคั้น, กรรมที่มาให้ผล บีบคั้นผลแห่งชนกกรรมและอุปัตถัมภกรรมนั้น ให้แปรเปลี่ยนทุเลาลงไป บั่นทอนวิบากมิให้เป็นไปได้นาน — Upapīḷaka-kamma: obstructive kamma; frustrating kamma)
8. อุปฆาตกกรรม (กรรมตัดรอน, กรรมที่แรง ฝ่ายตรงข้ามกับชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมเข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้น ให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดในตระกูลสูง มั่งคั่ง แต่อายุสั้น เป็นต้น — Upaghātaka-kamma: destructive kamma; supplanting kamma)
หมวดที่ 3 ว่าโดยปากทานปริยาย คือ จำแนกตามความยักเยื้องหรือลำดับความแรงในการให้ผล (classification according to the order of ripening)
9. ครุกกรรม (กรรมหนัก ให้ผลก่อน ได้แก่ สมาบัติ 8 หรือ อนันตริยกรรม — Garuka-kamma: weighty kamma)
10. พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม (กรรมทำมากหรือกรรมชิน ให้ผลรองจากครุกกรรม — Bahula-kamma or Āciṇṇa-kamma: habitual kamma)
11. อาสันนกรรม (กรรมจวนเจียน หรือกรรมใกล้ตาย คือกรรมทำเมื่อจวนจะตายจับใจอยู่ใหม่ ๆ ถ้าไม่มี 2 ข้อก่อน ก็จะให้ผลก่อนอื่น — Āsanna-kamma: death-threshold kamma; proximate kamma)
12. กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม (กรรมสักว่าทำ, กรรมที่ทำไว้ด้วยเจตนาอันอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้นโดยตรง ต่อเมื่อไม่มีกรรมอื่นให้ผลแล้วกรรมนี้จึงจะให้ผล — Katattākamma or Katattāvāpana-kamma: reserve kamma; casual act) กฏัตตากรรม ก็เขียน
กรรม 12 หรือ กรรมสี่ 3 หมวดนี้ มิได้มีมาในบาลีในรูปเช่นนี้โดยตรง พระอาจารย์สมัยต่อมา เช่น พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นต้น ได้รวบรวมมาจัดเรียงเป็นแบบไว้ในภายหลัง.
…………..
ดูก่อนภราดา!
: จงเร่งทำกรรม
: แต่อย่าเร่งผลกรรม
#บาลีวันละคำ (4,734)
29-5-68
…………………………….
…………………………….