คำดีๆ ที่ไม่มีใครชอบพูด

คำดีๆ ที่ไม่มีใครชอบพูด
————————
เรื่องดีๆ ที่ไม่มีใครชอบคิด
เมื่อมีญาติมิตรแจ้งข่าวพ่อแม่ญาติพี่น้องเจ็บป่วย เราจะได้เห็นข้อความที่ชอบพูดกันว่า –
“ขอให้หายไวๆ นะครับ”
“ขอให้หายไวๆ นะคะ”
เป็นคำที่แสดงความปรารถนาดี ควรแก่การอนุโมทนา (อนุโมทนาที่แสดงความปรารถนาดี ไม่ใช่อนุโมทนาที่เจ็บป่วย)
คำแสดงความปรารถนาดีเช่นนั้นช่วยให้คนป่วยหายป่วยได้ไวๆ จริงหรือ?
คงไม่มีใครคิดจะคาดคั้นเอาความจริงแบบนั้น เรารู้กันว่าเป็นการแสดงความปรารถนาดี-เท่านั้นก็พอแล้ว จะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่เป็นเราไม่ติดใจอะไร
ความปรารถนาดีคือกำลังใจชนิดหนึ่ง ควรมีและต้องมีให้กัน
……………
จะว่าจิตอกุศลหรืออารมณ์ขันอะไรก็ไม่รู้ได้ ทุกครั้งที่อ่านข้อความ “ขอให้หายไวๆ” ผมเป็นต้องนึกไปถึงแป้นพิมพ์ที่เครื่องคอม. หรือบนหน้าจอโทรศัพท์
คือนึกว่า เป็นความโชคดีนักหนาที่อักษร ห หีบ กับ ต เต่า นั้นอยู่คนละมุมกัน คือห่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าอยู่ใกล้กันเหมือน ค ควาย กับ ต เต่า – ที่ “คน” กลายเป็น “ตน” หรือ “ตน” กลายเป็น “คน”
หรือ บ ใบไม้ กับ ล ลิง – ที่ “จังเลย” กลายเป็น “จุงเบย” —
ถ้า ห หีบ กับ ต เต่า อยู่ใกล้กันแบบนั้น ทุกครั้งที่พิมพ์คำว่า “ขอให้หายไวๆ” คงต้องใจหายใจคว่ำกันอยู่เรื่อยแน่ๆ เลย
……………
ตัวผมเองนั้นไม่เคยใช้คำว่า “ขอให้หายไวๆ” เป็นคำแสดงความปรารถนาดี ผมจะเลี่ยงไปใช้คำอื่นๆ โดยมากก็เป็นคำที่ให้สติหรือให้ข้อคิด ขอให้มีกำลังใจทั้งคนป่วยและญาติที่ดูแล
อันที่จริง มีหลักธรรมอยู่หมวดหนึ่งที่ควรนำมาเป็นคำแสดงความปรารถนาดีในกรณีเจ็บป่วยหรือกรณีถึงแก่กรรม นั่นก็คือ “อภิณหปัจจเวกขณะ” (อะ-พิน-หะ-ปัด-จะ-เวก-ขะ-หฺนะ)
ขออัญเชิญบทพระบาลีพร้อมทั้งคำแปลมาเสนอไว้เพื่อเป็นการศึกษาพระธรรม
———————
อภิณหปัจจเวกขณะ
(ขึ้น-กรณีสวดเป็นหมู่คณะ สวดคนเดียวไม่ต้องขึ้น)
หันทะ มะยัง อะภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส.
ขอเชิญเราทั้งหลายสวดพระบาลีอภิณหปัจจเวกขณะกันเถิด
……………………..
ชะราธัมโมมหิ (-มามหิ)
เราเป็นผู้มีความแก่เป็นธรรมดา
ชะรัง อะนะตีโต (-ตา)
เราจะล่วงความแก่ไปไม่ได้
พ๎ยาธิธัมโมมหิ (-มามหิ)
เราเป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา
พ๎ยาธิง อะนะตีโต (-ตา)
เราจะล่วงความเจ็บไข้ไปไม่ได้
มะระณะธัมโมมหิ (-มามหิ)
เราเป็นผู้มีความตายเป็นธรรมดา
มะระณัง อะนะตีโต (-ตา)
เราจะล่วงความตายไปไม่ได้
สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ
นานาภาโว วินาภาโว
เราจะละเว้นเป็นของต่างๆ คือว่าจะพลัดพราก
จากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง
กัมมัสสะโกมหิ (-กามหิ)
เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
กัมมะทายาโท (-ทา)
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนี
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ (-พันธู)
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระโณ (-ณา)
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสามิ
เราจักทำกรรมอันใดไว้
กัล๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาโท (-ทา) ภะวิสสามิ.
เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมอันนั้น
เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง.
เราทั้งหลายพึงพิจารณาอย่างนี้ทุกๆ วันแล.
———————
ในกรณีได้ทราบข่าวญาติมิตรเจ็บป่วย ก็แสดงความปรารถนาดีด้วยการเชิญชวนให้เจริญอภิณหปัจจเวกขณะบทนี้ —
……………………..
พ๎ยาธิธัมโมมหิ (-มามหิ)
เราเป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา
พ๎ยาธิง อะนะตีโต (-ตา)
เราจะล่วงความเจ็บไข้ไปไม่ได้
ขอให้หายไวๆ นะ
……………………..
รักที่จะบอกว่า “ขอให้หายไวๆ” ก็ยังบอกได้เหมือนเดิมครับ เพียงแต่ช่วยกันเพิ่มอภิณหปัจจเวกขณะเข้าไปอีกหน่อยเดียวเท่านั้น-ให้สมกับที่เป็นชาวพุทธ
……………
เคยได้ฟังท่านผู้หนึ่งแสดงความเห็นในเชิงท้วงว่า อภิณหปัจจเวกขณะเป็นบทที่ชวนให้จิตใจหดหู่ ไม่เหมาะที่จะเอามาแนะนำพร่ำสอนกัน
คำก็แก่
สองคำก็เจ็บ
สามคำก็ตาย
ซ้ำยังพลัดพรากจากของรักอีกต่างหาก
ผมไม่รู้ว่าท่านคิดได้ไง
ได้ฟังแล้วก็ชวนให้คิดถึงคติของหลายๆ คนที่บอกว่า อย่าเอากล้วยไม้ไปเยี่ยมคนป่วย
เหตุผลก็อยู่ตรงที่ “กล้วยไม้” ผวนเป็น “ใกล้ม้วย”
ไม่รู้ว่าคิดได้ไงอีกเหมือนกัน
ถ้ามีความคิดสามารถตีความภาษาได้ถึงขนาดนี้ ทำไมยังปล่อยให้ความคิดถูกครอบงำด้วยอุปาทานได้ถึงเพียงนี้ ชอบกลจริงๆ
“อภิณหปัจจเวกขณะ” แปลว่า ข้อธรรมที่ควรพิจารณาเนืองๆ
ประโยคท้ายของพระบาลีท่านก็ยังย้ำว่า
“เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง.”
แปลว่า “เราทั้งหลายพึงพิจารณาอย่างนี้ทุกๆ วันแล”
“อะภิณหัง” ในที่นี้ท่านแปลว่า “ทุกๆ วัน”
แต่อันที่จริง “อะภิณหัง” แปลว่า “เนืองๆ” คือบ่อยๆ พจนานุกรมแปลเป็นอังกฤษว่า repeatedly, continuous, often
เพราะฉะนั้น พิจารณา “ทุกๆ วัน” ก็ยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ
อุทานธรรมคำกลอนท่านยังบอกว่า –
……………………..
ระลึกถึงความตายสบายนัก
มันหักรักหักหลงในสงสาร
บรรเทามืดโมหันอันธการ
ทำให้หาญหายสะดุ้งไม่ยุ่งใจ
……………………..
เรื่องแก่ เรื่องเจ็บ เรื่องตาย เรื่องพลัดพราก พิจารณาเนืองๆ แล้ว —
“ทำให้หาญ”
“หายสะดุ้ง”
“ไม่ยุ่งใจ”
ซึ่งเป็นผลที่พึงปรารถนาสำหรับคนปกติทั่วไป
และเป็นผลที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งสำหรับคนเจ็บไข้ได้ป่วย
เจ็บหนักเป็นน้อย
เจ็บน้อยเป็นหาย
เสนอไว้ให้คิดครับ
ไม่ต้องเชื่อผม
เชื่อพระพุทธเจ้าเป็นดีที่สุด
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๓
๑๙:๐๙