บาลีวันละคำ

ประวัติศาสตร์ [2] (บาลีวันละคำ 4,798)

ประวัติศาสตร์ [2]

มีแง่มุมที่เราอาจจะไม่เคยคิด

อ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-ติ-สาด (ออกเสียง -ติ- ด้วย)

อย่าอ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-สาด (ไม่มี -ติ-)

(แม้พจนานุกรมฯ จะบอกว่าอ่านแบบนั้นก็ได้)

ประกอบด้วยคำว่า ประวัติ + ศาสตร์ 

(๑) “ประวัติ” 

บาลีเป็น “ปวตฺติ” อ่านว่า ปะ-วัด-ติ (โปรดสังเกตว่า บาลีอ่านว่า -วัด- ไม่ใช่ -หฺวัด-) รากศัพท์มาจาก (คำอุปสรรค = ทั่ว, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + วตฺ (ธาตุ = เป็นไป) + ติ ปัจจัย

: + วตฺ = ปวตฺ + ติ = ปวตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นไปทั่วไป” หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้น, เหตุการณ์, ข่าว, ความเป็นไป (happening, incident, news)

ปวตฺติ” ใช้ในภาษาไทยว่า “ประวัติ” อ่านว่า ปฺระ-หฺวัด 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ประวัติ, ประวัติ– : (คำนาม) เรื่องราวว่าด้วยความเป็นไปของคน สถานที่ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ประวัติศรีปราชญ์ ประวัติวัดมหาธาตุ. (ป. ปวตฺติ).”

(๒) “ศาสตร์” 

เป็นรูปคำสันสกฤต บาลีเป็น “สตฺถ” อ่านว่า สัด-ถะ รากศัพท์มาจาก –

(1) สสฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + ปัจจัย, แปลง สฺ ที่ (ส)-สฺ เป็น ตฺ

: สสฺ + = สสฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “วัตถุเป็นเครื่องเบียดเบียนสัตว์” คำเดิมหมายถึง “ของมีคม” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “ศสฺตฺร” แปลว่า ดาบ, มีด, อาวุธ ใช้ในภาษาไทยว่า ศัสตรา หรือ ศาสตรา บางทีก็พูดควบกันว่า ศาสตราวุธ หรือ ศาสตราอาวุธ (weapon, sword, knife)

(2) สรฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + ปัจจัย แปลง รฺ เป็น ตฺ

: สรฺ + = สรฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “หมู่เป็นที่เป็นไปแห่งส่วนย่อยทั้งหลาย” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “สารฺถ” หมายถึง กองเกวียนของพ่อค้า, กองคาราวาน, ขบวนยานพาหนะ (caravan)

(3) สาสฺ (ธาตุ = สอน) + ปัจจัย, รัสสะ (หดเสียง) อา ที่ สา-(สฺ) เป็น อะ (สาสฺ > สสฺ), แปลง สฺ เป็น ตฺ

: สาสฺ + = สาสฺถ > สสฺถ > สตฺถ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งเป็นเครื่องสอนเนื้อความ” ความหมายนี้ตรงกับสันสกฤตว่า “ศาสฺตฺร” หมายถึง คัมภีร์, ตำรา, ศิลปะ, วิชาความรู้ (science, art, lore)

ศาสตร” มีความหมาย 2 อย่าง คือ 

(ก) หมายถึง “ของมีคม” ตามบาลี “สตฺถ” ในข้อ (1) ความหมายนี้สันสกฤตเป็น “ศสฺตฺร” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า

(สะกดตามต้นฉบับ)

ศสฺตฺร : (คำนาม) ‘ศัสตระ,’ อายุธ, อาวุธทั่วไป; เหล็ก; เหล็กกล้า; ดาพ, กระบี่; มีด, พร้า; a weapon in general, iron; steel; a sword; a knife.”

ความหมายนี้ในภาษาไทยสะกดเป็น “ศัสตรา” และ “ศาสตรา” 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) ศัสตรา, ศัสตราวุธ : (คำนาม) ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง, อาวุธต่าง ๆ. (ส.).

(2) ศาสตรา : (คำนาม) ศัสตรา.

(ข) หมายถึง “วิชาความรู้” ตามบาลี “สตฺถ” ในข้อ (3) ความหมายนี้สันสกฤตเป็น “ศาสฺตฺร” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

ศาสฺตฺร : (คำนาม) ‘ศาสตร์’ คำสั่งหรือบัญชา; เวท, วิทยา, ธรรมศาสตร์, กฎหมาย; หนังสือทั่วไป; an order or command; scripture or Veda, science, institutes of religion, law; a book in general.”

ความหมายนี้ในภาษาไทยสะกดเป็น “ศาสตร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ศาสตร-, ศาสตร์ : (คำนาม) ระบบวิชาความรู้, มักใช้ประกอบหลังคําอื่น เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์. (ส.).”

ประวัติ + ศาสตร์ = ประวัติศาสตร์ อ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-ติ-สาด 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ประวัติศาสตร์ : (คำนาม) วิชาว่าด้วยเหตุการณ์ที่เป็นมาหรือเรื่องราวของประเทศชาติเป็นต้นตามที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน.”

ขยายความ :

(1) คำว่า “ประวัติศาสตร์” พจนานุกรมฯ บอกคำอ่านไว้ 2 แบบ คือ ปฺระ-หฺวัด-ติ-สาด และ ปฺระ-หฺวัด-สาด

ตามหลักการอ่านคำสมาส คำว่า “ประวัติศาสตร์”ต้องอ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-ติ-สาด (ออกเสียง -ติ- ด้วย) เท่านั้นจึงจะถูกต้องและสวยงาม การที่มีผู้อ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-สาด (ไม่ออกเสียง -ติ-) เกิดจาก (๑) การไม่ศึกษาเรียนรู้ (๒) ความมักง่าย ซึ่งเหตุผลทั้ง 2 ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องดี

(2) ท่านอาจารย์เกษม บุญศรี กรรมการชำระพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสภา (ถึงแก่กรรมแล้ว) เคยกล่าวไว้ว่า คำว่า “ประวัติศาสตร์” นี้ ใครจะอ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-สาด (ไม่ออกเสียง -ติ-) ก็อ่านได้ แต่ต้องหมายถึง “ประวัติการทำเสื่อ” เพราะฟังเฉพาะเสียงว่า “สาด” หมายถึง เสื่อ ดังคำว่า เสื่อสาด เมื่อพูดว่า ปฺระ-หฺวัด-สาด ก็ต้องหมายถึง ประวัติของสาด เช่นประวัติการทำเสื่อในประเทศไทยเป็นต้น

(3) อนึ่ง แม้จะอ้างว่า เสียงที่อ่านว่า “สาด” หมายถึง “ศาสตร์” ก็ได้ แต่ถ้าอ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-สาด (ไม่ออกเสียง -ติ-) ก็ต้องหมายถึงประวัติของวิชานั้น ๆ เช่นวิชานั้น ๆ มีความเป็นมาอย่างไร เริ่มมีการศึกษาวิชานั้น ๆ กันตั้งแต่เมื่อไรเป็นต้น คือต้องหมายถึง history of science แต่ไม่ใช่วิชา history 

ถ้าจะให้หมายถึงวิชาว่าด้วยเหตุการณ์ที่เป็นมาหรือเรื่องราวของประเทศชาติเป็นต้นตามที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน (history) ต้องอ่านว่า ปฺระ-หฺวัด-ติ-สาด

(4) คำที่หมายถึง “ประวัติศาสตร์” ภาษาบาลีไม่ได้ใช้คำว่า “ปวตฺติสตฺถ” คำนี้เป็นเพียงคิดเทียบคำว่า “ประวัติศาสตร์” ในภาษาไทยเท่านั้น

คำที่หมายถึง “ประวัติศาสตร์” ภาษาบาลีใช้คำว่า อิติหาส (อิ-ติ-หา-สะ) แปลตามศัพท์ว่า “มีมาดังนี้” “เป็นมาดังนี้” 

อิติหาส หรือประวัติศาสตร์ จัดเป็นวิชาการสำคัญในรายการศิลปวิทยา 18 สาขาที่ผู้นำสังคมจะต้องศึกษา

(5) เมื่อจะยกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์วิจารณ์ ควรถามตัวเองว่า จะทำเช่นนั้นเพื่อให้เกิดผลอะไรขึ้นมา?

ถ้าตอบว่า เพื่อให้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น ก็ควรระลึกต่อไปว่า เราทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้ล้วนแต่เกิดไม่ทันเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้เห็นเหตุการณ์กับตาตัวเอง แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเรื่องที่เราวิเคราะห์วิจารณ์นั้นอะไรเป็นความจริง อะไรไม่ใช่ความจริง

อนึ่ง เหตุการณ์ในปัจจุบันนี้เอง ที่เราได้เห็นกับตาตัวเองหรือแม้แต่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง มีมากมายหลายเรื่องที่เหตุการณ์จริงหาได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจไม่

ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้แปลว่า เราไม่ต้องศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ต้องเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์วิจารณ์ เรายังคงทำได้ทุกอย่างและควรทำอย่างยิ่ง แต่อย่าลืมตอบตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่า จะทำเช่นนั้นเพื่อให้เกิดผลอะไรขึ้นมา

…………..

ดูก่อนภราดา!

: พัฒนาความรู้ขึ้นไปหามาตรฐาน

: อย่าดึงมาตรฐานลงมาหาความไม่รู้

#บาลีวันละคำ (4,798)

1-8-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้