ศึกษาสงเคราะห์ (บาลีวันละคำ 4,801)

ศึกษาสงเคราะห์
งานสำคัญฝ่ายหนึ่งคณะสงฆ์ไทย
อ่านเท่าตัวเท่าที่ตาเห็นว่า สึก-สา-สง-เคฺราะ
ประกอบด้วยคำว่า ศึกษา + สงเคราะห์
(๑) “ศึกษา”
บาลีเป็น “สิกฺขา” อ่านว่า สิก-ขา รากศัพท์มาจาก สิกฺข (ธาตุ = ศึกษา, เรียนรู้) + อ (อะ) ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: สิกฺข + อ = สิกฺข + อา = สิกฺขา แปลตามศัพท์ว่า “ข้อปฏิบัติอันบุคคลพึงศึกษา”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สิกฺขา” ไว้ดังนี้ –
(1) study, training, discipline (การศึกษา, การฝึก, สิกขาหรือวินัย)
(2) [as one of the 6 Vedāngas] phonology or phonetics, combd with nirutti [interpretation, etymology] ([เป็นหนึ่ีงในเวทางค์ 6] วิชาว่าด้วยเสียง หรือการอ่านออกเสียงของคำต่าง ๆ, รวมกับ นิรุตฺติ [การแปลความหมาย, นิรุกติ])
ความหมายของ “สิกขา” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สิกขา : (คำนาม) ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อที่จะต้องปฏิบัติ ได้แก่ ศีล เรียกว่า ศีลสิกขา สมาธิ เรียกว่า จิตสิกขา และปัญญา เรียกว่า ปัญญาสิกขา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา; การศึกษา, การเล่าเรียน, เช่น ปริยัติสิกขา ปฏิบัติสิกขา. (ป.; ส. ศิกฺษา).”
บาลี “สิกฺขา” สันสกฤตเป็น “ศิกฺษา”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกความหมายของ “ศิกฺษ” อันเป็นรากศัพท์ (ธาตุ) ของ “ศิกฺษา” ไว้ดังนี้ –
“ศิกฺษ : (ธาตุ) เรียน, ศึกษาศาสตร์หรือความรู้; to learn, to acquire science or knowledge.”
และบอกความหมายของ “ศิกฺษา” ไว้ดังนี้ –
“ศิกฺษา : (คำนาม) ‘ศึกษา,’ หนึ่งในจำนวนหกแห่งเวทางค์ หรือ ศาสตร์อันติดต่อกับพระเวท; การศึกษา, การเล่าเรียน; ความเสงี่ยมในมรรยาท, อนหังการ; one of the six Vedāngas or sciences attached to the Vadas; learning, study; modesty, humility.”
ในภาษาไทย “สิกฺขา” นิยมใช้อิงรูปสันสกฤต คือ “ศิกฺษา” แล้วเสียงกลายเป็น “ศึกษา” และพูดทับศัพท์ว่า “ศึกษา” จนเข้าใจกันทั่วไป
คำที่ประกอบด้วยสระ อิ หรือสระ อี ในบาลี เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย คนเก่าท่านนิยมแปลงเป็นสระ อึ มีหลายคำ เช่น –
กากณิก (กา-กะ-นิ-กะ) = กากณึก (กา-กะ-หฺนึก. ทรัพย์มีราคาเล็กน้อย)
จาริก (จา-ริ-กะ) = จารึก (ท่องเที่ยวไป)
โชติก (โช-ติ-กะ) = โชดึก (ผู้รุ่งเรือง, ผู้มั่งคั่ง)
ปจฺจนีก (ปัด-จะ-นี-กะ) = ปัจนึก (ข้าศึก, ศัตรู)
ผลิก (ผะ-ลิ-กะ) = ผลึก (แก้วผลึก, ตกผลึก)
อธิก (อะ-ทิ-กะ) = อธึก (ยิ่ง, เกิน, มาก, เพิ่ม, เลิศ)
อนีก (อะ-นี-กะ) = อนึก (กองทัพ)
ดังนั้น “สิกขา > ศิกฺษา” จึงกลายเป็น “ศึกษา”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ศึกษา : (คำนาม) การเล่าเรียน ฝึกฝน และอบรม. (ส. ศิกฺษา; ป. สิกฺขา).”
(๒) “สงเคราะห์”
บาลีเป็น “สงฺคห” อ่านว่า สัง-คะ-หะ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน) + คหฺ (ธาตุ = จับ, ยึด, ถือเอา) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น งฺ (สํ > สงฺ)
: สํ > สงฺ + คหฺ = สงฺคหฺ + อ = สงฺคห แปลตามศัพท์ว่า “การจับยึดไว้พร้อมกัน”
“สงฺคห” (ปุงลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) การรวม, การรวบรวม, การสะสม (collecting, gathering, accumulation)
(2) การประกอบ, การเก็บรวบรวม, การกอปรด้วย, การจัดชั้นหรือประเภท (comprising, collection, inclusion, classification)
(3) การรวม, การประกอบความรู้สึก, องค์ (inclusion, constitution of consciousness, phase)
(4) การประมวล, การรวบรวมคัมภีร์ (recension, collection of the Scriptures)
(5) อัธยาศัยดี, ความกรุณา, ความเห็นใจ, ความเป็นมิตร, การช่วยเหลือ, การค้ำจุน, การป้องกัน, การอนุเคราะห์ (kind disposition, kindliness, sympathy, friendliness, help, assistance, protection, favour)
ในที่นี้ “สงฺคห” ใช้ในความหมายตามข้อ (5)
บาลี “สงฺคห” สันสกฤตเป็น “สงฺคฺรห”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกความหมายของ “สงฺคฺรห” ไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“สงฺคฺรห : (คำนาม) ‘สังคระหะ, สงเคราะห์,’ รจนาและสังเขป; ปริคณนา, ปริสังขยา, นามาวลี, รายชื่อ; ปริมาณ, สมุหะ, คณะ; การระงับ; การหยิบฉวย-จับกุม-หรือถือเอา; ประสาทน์; การปรนปรือหรือให้ความสุขด้วยประการต่างๆ; การคุ้มครองหรือรักษา; ที่เก็บติปาฐะ; สัญญา; ความสูง; เวค, ความเร็ว; การกำหมัด; อุตสาหะ; compilation and abridgment; a catalogue, a list, a list of names; quantity, collection; restraining; seizing, laying hold of, or taking; propitiating, pleasing or satisfying; protecting or guarding; a place where anything is kept; agreement or contract; assent or promise; loftiness; velocity; clenching the fist; effort.”
บาลี “สงฺคห” สันสกฤต “สงฺคฺรห” ภาษาไทยใช้เป็น “สงเคราะห์”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สงเคราะห์ : (คำนาม) การช่วยเหลือ, การอุดหนุน, เช่น ฌาปนกิจสงเคราะห์; การรวบรวม เช่น หนังสือนามสงเคราะห์. (คำกริยา) อุดหนุน เช่น สงเคราะห์เด็กกำพร้า. (ส. สงฺคฺรห; ป. สงฺคห).”
ศึกษา + สงเคราะห์ = ศึกษาสงเคราะห์ แปลตามศัพท์ว่า “การสงเคราะห์เรื่องการศึกษา” แปลความโดยประสงค์ว่า การสนับสนุนให้การจัดการศึกษาดำเนินไปได้โดยไม่ติดขัด
คำว่า “ศึกษาสงเคราะห์” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
“ศึกษาสงเคราะห์” เป็นงานฝ่ายหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 กำหนดให้มี “มหาเถรสมาคม” เป็นหน่วยงานบริหารกิจการของคณะสงฆ์
มหาเถรสมาคมกำหนดให้มีสายงานเพื่อบริหารกิจการของคณะสงฆ์ 6 ฝ่าย คือ –
1. ฝ่ายปกครอง
2. ฝ่ายศาสนศึกษา
3. ฝ่ายการศึกษาสงเคราะห์
4. ฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนา
5. ฝ่ายสาธารณูปการ*
6. ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์
…………..
*งานก่อสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์ และวางผังเสนาสนะ-ความหมายตามความเห็นของผู้เขียนบาลีวันละคำ
…………..
“ศึกษาสงเคราะห์” คืองานลำดับที่ 3. ฝ่ายการศึกษาสงเคราะห์
“ศึกษาสงเคราะห์” ไม่ใช่การเข้าไปจัดการศึกษาหรือเข้าไปบริหารการศึกษา แต่หมายถึง งานสนับสนุนการศึกษาและสนับสนุนการจัดการศึกษา
ต้นกำเนิดเดิมของการศึกษาสงเคราะห์ เกิดจากการที่พระภิกษุบางรูปมีกุศลจิตประกอบด้วยเมตตาสนับสนุนเด็กวัดหรือนักเรียนบางคนให้ได้รับการศึกษา อย่างที่พูดกันว่า “ส่งเสียให้เรียนจนจบ” เท่ากับสร้างอนาคตให้เยาวชน เป็นผลดีทั้งแก่ตัวเยาวชนและแก่สังคม ทั้งยังส่งผลสะท้อนกลับมาที่ตัวพระและวัดที่ท่านสังกัดอยู่ เป็นงานที่เห็นกันว่าพระและวัดต่าง ๆ สามารถทำได้ จึงเป็นที่นิยมทำกันแพร่หลาย และขยายขอบเขตการสงเคราะห์กว้างขวางออกไป รวมอยู่ในคำว่า-โรงเรียนและนักเรียนขาดแคลนอะไร พระและวัดก็ยินดีช่วยสนับสนุนให้ตามกำลัง จนในที่สุดคณะสงฆ์กำหนดให้เป็นงานฝ่ายหนึ่งของคณะสงฆ์
…………..
ดูก่อนภราดา!
: สงเคราะห์ชาวบ้านโดยเฉพาะ
: อย่าลืมสงเคราะห์ชาววัดด้วยกันเอง
#บาลีวันละคำ (4,801)
4-8-68
…………………………….
…………………………….
