ญาณทิพย์ (บาลีวันละคำ 4,840)

ญาณทิพย์
จะมีไว้เพื่ออะไร
อ่านว่า ยาน-ทิบ
ประกอบด้วยคำว่า ญาณ + ทิพย์
(๑) “ญาณ”
บาลีอ่านว่า ยา-นะ รากศัพท์มาจาก ญา (ธาตุ = รู้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แปลง น เป็น ณ
: ญา + ยุ > อน = ญาน > ญาณ แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องช่วยรู้” “สิ่งที่เป็นเหตุให้รู้” “รู้สิ่งที่พึงรู้” หมายถึง ความรู้, ปัญญา
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ญาณ” ว่า knowledge, intelligence, insight, conviction, recognition; cognizance, learning, skill (ความรู้, ปัญญา, การหยั่งเห็น, ความเชื่อ, ความเข้าใจ, การหยั่งรู้; การรับรู้, ความคงแก่เรียน, ทักษะ, ความฉลาด)
“ญาณ” ในความหมายพิเศษ หมายถึงปัญญาหยั่งรู้หรือกำหนดรู้ความจริงอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างแจ่มชัดจนเกิดความสว่างไสวในดวงจิต หรือความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษถึงเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ญาณ, ญาณ– : (คำนาม) ปรีชาหยั่งรู้หรือกำหนดรู้ที่เกิดจากอำนาจสมาธิ, ความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ. (ป.; ส. ชฺญาน).”
(๒) “ทิพย์”
เป็นรูปที่เขียนอิงสันสกฤต บาลีเป็น “ทิพฺพ” อ่านว่า ทิบ-พะ รากศัพท์มาจาก ทิว (สวรรค์) + วสฺ (ธาตุ = อยู่) + กฺวิ ปัจจัย, แปลง วว : (ทิ)ว+ว(สฺ) เป็น พฺพ, ลบ สฺ ที่สุดธาตุและ กฺวิ
: ทิว + วสฺ = ทิววสฺ + กฺวิ = ทิววสกฺวิ > ทิววส > ทิวว > ทิพฺพ แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อยู่บนสวรรค์” ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง เกี่ยวกับโลกหน้า, เกี่ยวกับสวรรค์, เป็นของสวรรค์, ที่อยู่บนฟ้า, ยอด, ดีเลิศ, เหมาะสำหรับสัตว์ที่สูงกว่ามนุษย์ (of the next world, divine, heavenly, celestial, superb, magnificent, fit for exalted beings higher than man)
ทิพฺพ สันสกฤตเป็น “ทิพฺย”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ทิพฺย : (คำคุณศัพท์) อันเปนทิพย์, อันเปนสัมพันธินแก่เทพดาหรือสวรรค์ชั้นฟ้า; งาม, น่าเอ็นดู, น่ารัก, เปนที่พอใจ; divine, celestial, heavenly; beautiful, pretty, charming, agreeable; – (คำนาม) ประเวฏหรือยวะ, ข้าวบาร์ลี; ทิพยวรรณ; กานพลู; ประติชญา, คำหรือการศบถ; การแสดงหรือพิสูจน์ความสัตย์; barley; the divine character; cloves; an oath; an ordeal.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ทิพย-, ทิพย์ : (คำคุณศัพท์) เป็นของเทวดา เช่น อาหารทิพย์, ดีวิเศษอย่างเทวดา เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์, ดีวิเศษเหนือปรกติธรรมดา เช่น เนื้อทิพย์, ใช้ว่า ทิพ ก็มี. (ส. ทิวฺย; ป. ทิพฺพ).”
ญาณ + ทิพย์ = ญาณทิพย์ เป็นคำประสมแบบไทย แปลจากหน้าไปหลังว่า “ญาณอันเป็นของทิพย์”
ขยายความ :
ถ้าเทียบกับคำที่มีใช้ในบาลี เช่น ตาทิพย์ บาลีว่า “ทิพฺพจกฺขุ” หูทิพย์ บาลีว่า “ทิพฺพโสต”
คำว่า “ญาณทิพย์” รูปคำบาลีก็จะต้องเป็น “ทิพฺพญาณ” อ่านว่า ทิบ-พะ-ยา-นะ
ผู้เขียนบาลีวันละคำค้นดูในคัมภีร์บาลีเท่าที่มีอยู่ในครอบครอง ยังไม่พบคำว่า “ทิพฺพญาณ”
ท่านผู้ใดค้นพบหรือเคยเห็นคำนี้ในคัมภีร์อะไร กรุณาแจ้งให้ทราบ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
เบื้องต้น จึงขอสันนิษฐานไว้ก่อนว่า คำว่า “ญาณทิพย์” เป็นคำที่มีผู้คิดขึ้นใช้ในภาษาไทย ผู้คิดคำนี้ขึ้นมามีเจตนาจะให้หมายถึงอะไร ไม่อาจทราบได้
แถม :
เพื่อความรู้ที่กว้างขวางขึ้น ขอนำคำว่า “ญาณ” ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [72] และข้อ [73] มาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้ –
…………..
[72] ญาณ 3 (ความหยั่งรู้, ปรีชาหยั่งรู้ — Ñāṇa: insight; knowledge)
1. อตีตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนอดีต, รู้อดีตและสาวหาเหตุปัจจัยอันต่อเนื่องมาได้ — Atītaṁsa-ñāṇa: insight into the past; knowledge of the past)
2. อนาคตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนอนาคต, รู้อนาคต หยั่งผลที่จะเกิดสืบต่อไปได้ — Anāgataṁsa-ñāṇa: insight into the future; knowledge of the future)
3. ปัจจุปปันนังสญาณ (ญาณหยั่งรู้ส่วนปัจจุบัน, รู้ปัจจุบัน กำหนดได้ถึงองค์ประกอบและเหตุปัจจัยของเรื่องที่เป็นไปอยู่ — Paccuppannaṁsa-ñāṇa: insight into the present; knowledge of the present)
.
[73] ญาณ 3 (ความหยั่งรู้, ปรีชาหยั่งรู้ — Ñāṇa: insight; knowledge)
1. สัจจญาณ (หยั่งรู้สัจจะ คือ ความหยั่งรู้อริยสัจจ์ 4 แต่ละอย่างตามที่เป็นๆ ว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา — Sacca-ñāṇa: knowledge of the Truths as they are)
2. กิจจญาณ (หยั่งรู้กิจ คือ ความหยั่งรู้กิจอันจะต้องทำในอริยสัจจ์ 4 แต่ละอย่างว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ ทุกขสมุทัยควรละเสีย เป็นต้น — Kicca-ñāṇa: knowledge of the functions with regard to the respective Four Noble Truths)
3. กตญาณ (หยั่งรู้การอันทำแล้ว คือ ความหยั่งรู้ว่ากิจอันจะต้องทำในอริยสัจจ์ 4 แต่ละอย่างนั้นได้ทำเสร็จแล้ว — Kata-ñāṇa: knowledge of what has been done with regard to the respective Four Noble Truths)
ญาณ 3 ในหมวดนี้ เนื่องด้วยอริยสัจจ์ 4 โดยเฉพาะ เรียกชื่อเต็มตามที่มาว่า ญาณทัสสนะ อันมีปริวัฏฏ์ 3 (ญาณทัสสนะมีรอบ 3 หรือ ความหยั่งรู้หยั่งเห็นครบ 3 รอบ — thricerevolved knowledge and insight) หรือ ปริวัฏฏ์ 3 แห่งญาณทัสสนะ (the three aspects of intuitive knowledge regarding the Four Noble Truths)
ปริวัฏฏ์ หรือวนรอบ 3 นี้ เป็นไปในอริยสัจจ์ทั้ง 4 รวมเป็น 12 ญาณทัสสนะนั้น จึงได้ชื่อว่ามีอาการ 12 (twelvefold intuitive insight หรือ knowing and seeing under twelve modes)
พระผู้มีพระภาคทรงมีญาณทัสสนะตามเป็นจริงในอริยสัจจ์ 4 ครบวนรอบ 3 มีอาการ 12 (ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ยถาภูตํ ญาณทสฺสนํ ) อย่างนี้แล้ว จึงปฏิญาณพระองค์ได้ว่าทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว.
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มีญาณทิพย์หยั่งรู้พิภพจบสากล
: แต่ไม่รู้จักตน ก็โง่ตาย
#บาลีวันละคำ (4,840)
12-9-68
…………………………….
…………………………….
