อุบาสกใจเพชร

อุบาสกใจเพชร
—————–
เดี๋ยวนี้คนนิยมถวายสังฆทานกันมาก
เชื่อว่าได้อานิสงส์แรง
แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักได้ว่า –
ตัวตัดสินความเป็นสังฆทานก็คือจิตเจตนา หรือหัวใจ
ถวายสังฆทาน หัวใจต้องเด็ดขาดเหมือนเพชร ตัดตรงสู่พระอริยสงฆ์
ไม่ใช่ไปติดอยู่ที่สำนักนั้นสำนักนี้ หรือหลวงพ่อนั่นหลวงปู่นี่
—————-
อุบาสกคนหนึ่งมีศรัทธาสร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนา
บ้านของท่านก็อยู่ใกล้วัดที่ท่านสร้างนั่นเอง
เพราะบ้านอยู่ใกล้วัด ท่านจึงรู้เห็นความประพฤติของพระเณรที่อยู่ในวัดนั้นได้หมดทุกซอกทุกมุม
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านมีศรัทธาจะถวายสังฆทาน จึงไปแจ้งแก่พระภัตตุเทศก์ (ภิกษุที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จัดพระไปในกิจนิมนต์) ว่า ขอให้จัดพระ ๑ รูปเป็นผู้แทนสงฆ์ไปรับสังฆทานที่บ้าน
อุบาสกเชิญญาติมิตรที่สนิทกันมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย
ปรากฏว่า พระที่เป็นผู้แทนสงฆ์วันนั้นเป็นพระที่อุบาสกรู้จักเป็นอันดีว่าเป็นอลัชชีทุศีล
อุบาสกทราบแล้วก็มีหัวใจที่ผ่องแผ้ว จัดแจงสถานที่ต้อนรับเป็นอันดี เมื่อพระมาถึงก็ล้างเท้าเช็ดเท้าให้ด้วยความเคารพ นิมนต์นั่งบนอาสนะอย่างดีที่ปูลาดไว้ เรียกบุตร ภรรยา คนในบ้านมาให้กราบไหว้โดยทั่วหน้า ตัวเองประนมมือพูดอย่างนอบน้อมตลอดเวลา เครื่องไทยธรรมที่จัดถวายก็ล้วนแต่ประณีตชั้นหนึ่ง
กิริยาที่ปฏิบัติต่อภิกษุรูปนั้น ญาติมิตรถึงกับกล่าวกันว่า “ดุจทำความนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าก็ปานกัน”
ถวายสังฆทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว อุบาสกก็ออกมาส่งพระจนถึงนอกประตูบ้าน ยืนประนมมือคอยส่งจนพระเดินเข้าประตูวัดลับสายตาไปแล้วจึงกลับเข้าบ้าน
————–
ตกตอนบ่าย เป็นเวลาที่พระในวัดช่วยกันทำกิจของสงฆ์ คือกวาดอาวาสวิหารลานพระเจดีย์
ภิกษุรูปนั้นเดินมาที่บ้านอุบาสก เอ่ยปากขอยืมจอบเอาไปถากหญ้าทำความสะอาดวัด
อุบาสกนั่งเฉย ไม่ได้ลุกขึ้นตอนรับใดๆ เอาเท้าชี้ไปทางจอบที่วางอยู่ไม่ไกล พูดสั้นๆ
“นั่น เอาไปสิ”
ญาติมิตรส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ที่นั่นเห็นกิริยาเช่นนั้นก็ปั่นป่วนในหัวใจเป็นกำลัง ถามขึ้นว่า
“เมื่อเช้า ท่านต้อนรับภิกษุรูปนี้ราวกับพระพุทธเจ้าเสด็จ แต่กิริยาที่ท่านทำตอนนี้มันต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับดิน นี่มันอะไรกัน”
“เมื่อเช้า เราต้อนรับผู้แทนสงฆ์ …”
อุบาสกตอบ
“แต่ตอนนี้ ไอ้เหี้ยมันมา”
————————-
เมื่อจะทำนุบำรุงพระศาสนา
จงทำหัวใจให้เป็นเพชร
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ตรุษไทย
